บทที่ 107 สัมผัสตรงไหน

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 107 สัมผัสตรงไหน

เมื่อเผชิญหน้ากับเย่เจ๋หยิ่ง โหลวเย่วไม่กล้าพูดอะไร เดินเข้าไปดึงมุมเสื้อของหลานเยาเยา

ส่วนหลานเยาเยานั้นกระเอมออกมาเบาๆ เพื่อให้ลำคอชุ่มชื้น

“ท่านอ๋อง วันนี้ท่านช่างสง่าภูมฐานใครเห็นใครรักเดินผ่านดอกไม้ดอกไม้ยังพลิบานต้อนรับถือได้ว่าเป็นชายรูปงามที่สุดในปฐพีเจ้าคงไม่ใช่จะเข้าวังไปประชุมแต่เช้า!จะไปเที่ยวใช่หรือไม่?”

หลานเยาเยาพูดให้จบในประโยคเดียวกัน

โหลวเย่ว “······”มีวิธีการแบบนี้ด้วยเหรอ?

แต่ทำไมมีคำพูดบางคำนางฟังไม่เข้าใจ?

แต่ว่า!

ฟังจากความหมายของคำพูดเมื่อกี้ น่าจะมีแต่คำชมเสด็จอา นึกไม่ถึงว่าในใจของหลานเยาเยา เสด็จอาจะดีงามขนาดนี้

เมื่อได้ยินคำพูดของหลานเยาเยา

เย่เจ๋หยิ่งไม่หวั่นไหวใดๆเลย เพียงแต่ที่มุมปากกระตุกเล็กน้อย จากนั้นหรี่ตามองนาง พร้อมพูดขึ้นว่า

“พระชายาอยากพูดอะไรเหรอ?”

เที่ยวเล่น?

นางฟังจากใครเหรอว่าเขาจะไปท่องเที่ยว?จาวหยางเหรอ?!

“เจ้าพาพวกเราไปด้วยสิ?ข้ารับรองว่าจะไม่ทำอะไรให้เจ้าเดือดร้อน”ในเรือลำใหญ่มีอาหารให้กิน นางจะกินอาหารอย่างเดียว ถึงฟ้าจะผ่นางก็จะไม่ทำอะไรเด็ดขาด

“ไม่ได้!”

เขาปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด

“ทำไมไม่ได้?ออกไปกินของอร่อยข้างนอกก็ไม่พาข้าไปด้วย เจ้านิ่ไม่มีน้ำใจเลย”

ดวงตาของเย่เจ๋หยิ่งหรี่ลงอีกครั้ง แล้วเขาก็มองนางอย่างเย็นชา และเดินออกไป

ใครจะรู้······

จู่ๆหลานเยาเยาก็ล้มไปที่ข้างขาของเย่เจ๋หยิ่ง จับต้นขาเขาไว้ไม่ยอมปล่อย

เย่เจ๋หยิ่ง “······”

โหลวเย่วที่ยืนอยู่ข้างๆไม่เคยเห็นหลานเยาเยาเป็นแบบนี้มาก่อน นางรู้สึกประหลาดใจ อ้าปากกว้างจนสามารถอมไข่ได้สองฝองในเวลาเดียวกันได้เลย

“ปล่อยนะ!”

“ไม่ปล่อย”

“ข้าไม่ได้จะไปเที่ยว แต่จะไปจัดการธุระสำคัญ!”

“ถ้าอย่างงั้นเจ้าก็พาข้าไปด้วย ข้ารับปากว่าจะกินอย่างเดียว เรื่องอื่นข้าจะไม่ยุ่งอะไรเลย ที่สำคัญจะไม่ยุ่งกับหญิงงามที่เจ้านัดเจอกันเด็ดขาด

หลานเยาเยายื่นมือออกมาทำท่ารับปากกับเขา!

มองดูแล้ว ธุระสำคัญของเย่เจ๋หยิ่งน่าจะเป็นการนัดเจอกันกับหญิงสาว ถ้าพานางไปด้วยจะไม่สะดวก

ตอนแรกนางก็ไม่อยากไปหรอก

ช่วยไม่ได้ในเมื่อมันมีของอร่อย รอบนี้ยังไงนางก็จะไปเป็นส่วนเกินให้ได้

“เจ้าพูดอะไรนะ?”

เย่เจ๋หยิ่งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

หลานเยาเยานึกว่าเขามีนัดกับผู้หญิงคนอื่น ?จึงมารั้งเขาไว้เหรอ?

“ข้ารับปากจะไม่พูดอะไรกินอย่างเดียว เจ้าทำอะไรกับหญิงงาม ข้าจะถือว่ามองไม่เห็น ขอร้องนะขอร้อง!”

หลานเยาเยานั่งอยู่บนขาเขา ขาทั้งสองข้างของนางเกาะแน่น สองมือพนมเข้าหากัน มองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน

“ออกไป!”

ผู้หญิงคนนี้สมควรตายจริงๆ เพื่อกิน นางยอมใจกว้างขนาดนี้เลยเหรอ?

หรือว่านางไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย?

เห็นเย่เจ๋หยิ่งยังไม่ยอมตอบตกลง

หลานเยาเยาเริ่มรู้สึกกังวล รีบกอดขาเขาไว้แน่น เงยหน้าตะโกนเสียงดัง “หือ

หือหือ·····เจ้ารังแกข้า เจ้าอยากออกไปหาผู้หญิงข้างนอก เป็นเพราะข้าไม่ได้ให้เจ้ากินอิ่มใช่ไหม?หือหือหือ······”

“······” เย่เจ๋หยิ่ง รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

เขาไปรังแกนางตั้งแต่เมื่อไหร่?

นางกล้าพูดทุกอย่างจริงๆ นางยังเป็นผู้หญิงอยู่หรือเปล่า?

ใครจะรู้!

หลานเยาเยาน่าจะแกล้งร้องไห้จนลืมตัว มือของนางยิ่งอยุ่ยิ่งจับเข้าใกล้เย่เจ๋หยิ่ง จนมือไปจับโดนอะไรไม่รู้ ทำให้นางรีบหยุดร้องไห้ทันที

มันคืออะไรเหรอ?

นางไม่แน่ใจจึงใช้มือลูบคลำไปอีกที จากนั้นดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ

คุณพระช่วย คุณพระช่วย เย่เจ๋หยิ่งน้อยโผล่มาแล้ว······

โฮง·····

หลานเยาเยารู้สึกวางตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที สีหน้าแดงก่ำเหมือนกุ้งสุก ใจเต้นปุบปับปุบปับขึ้นมาด้วยความเร็ว

ในเวลาเดียวกัน!

นางรู้สึกถึงได้ว่าเย่เจ๋หยิ่งเริ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมา นางอยากดึงมือกลับ แต่ร่างกายของนางก็แข็งทื่อขยับตัวไม่ได้เช่นกัน และไม่สามารถบังคับร่างกายของตัวเองได้เลย

ดึงกลับมาไม่ได้ล่ะ!

“หลานเยาเยา ยังไม่คลายมืออีก?”เย่เจ๋หยิ่งคิ้วขมวดเข้าหากันแล้วสบถออกมา

“ข้าก็อยากเหมือนกัน!มันมันมันไม่ฟังคำสั่งข้า”หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมา

นางไม่อยากจริงๆ

ได้ยินว่า!

เย่เจ๋หยิ่งดึงนางขึ้นมา จากนั้นจับนางเมือนจับลูกไก่เล็กๆพานางเดินออกไป

โหลวเย่วตัวแข็งเหมือนก้อนหิน กว่าจะได้สติ ก็ไม่เห็นเสด็จอาและหลานเยาเยาแล้ว

เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมเสด็จอาพาตัวเยาเยาออกไป?ทำไมหน้าของเขาต้องแดงด้วย?

นางพลาดรายละเอียดอะไรไปเหรอ?

อ้า!

ไม่ถูกสิ นางก็อยากไปเที่ยวด้วย······

อยู่บนรถม้า ปรกติหลานเยาเยาที่เป็นคนพูดเยอะ ตอนนี้นางก้มหัวและมองนิ้วมืออย่างเดียว

ความรู้สึกของมือที่จับโดนเขาเมื่อกี้ยังติดอยู่ที่มือสลัดไม่ออกสักที……

สิ่งที่น่าแปลกคือ เย่เจ๋หยิ่งไม่ได้ตบนางให้ตาย แถมยังพานางขึ้นรถม้า คิดว่าน่าจะตกใจกับสิ่งที่นางทำลงไป!

ช่างเหอะ!

นางได้แต่ปลอบใจตัวเองเช่นนี้

ความเย็นชาในสายตาของเย่เจ๋หยิ่งค่อยๆจางหายไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแทนคือความสงสัย

ระหว่างทางที่รถม้ามาถึงทะแลสาบ พวกเขาทั้งสองไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย

ธรรมชาติของที่นี่สวยงามมาก ข้างทางของทะแลสาบเต็มไปด้วยโรงน้ำชาและโรงเหล้า ผู้คนเข้ามาไม่ขาดสาย

คนส่วนใหญ่พายเรือเล่นในทะแลสาบ บางส่วนก็เล่นสนุกกันบนพื้นหญ้า

เมื่อพวกเขาทั้งสองลงจากรถม้า เย่เจ๋หยิ่งรีบเดินตรงไปที่โรงน้ำชา เดินไปได้ครึ่งทางก็หยุดลงกระทันหัน

แล้วเขาหันไปมองหลานเยาเยา กลับเห็นว่านางเดินอยู่ข้างหลังเขาห่างมากพอสมควร โดยเดินก้มหัวมองไปที่พื้น ทำให้เขาอมยิ้มออกมา

หลานเยาเยาอย่างรู้สึกลำบากใจอยู่ตลอดเวลา

นางกำลังคิดถึงปัญหา

กำลังเดินอยู่ ก็กระแทกกับกำแพงที่ทำด้วยร่างกายของคน นางรีบเงยหน้าขึ้น เบิกตากว้างมองดูคนตรงหน้า

สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าสง่างามดังเทพ สายตาที่คมลึกคู่นั้นมองไปที่นาง เหมือนจะมองทะลุเข้าไปรับรู้ความคิดของนางให้ได้

แต่ไม่รู้เพราะอะไร……

นางก็เกิดหน้าแดงขึ้นมา ซึ่งนางก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร?

“ทำไมถึงหน้าแดง?”

เย่เจ๋หยิ่งก้มหน้าเข้าใกล้นาง นางรีบก้มหน้าลงไป จากนั้นเขาก็เฉยคางของนางขึ้น เพื่อบังคับนางมองเขา พูดอย่างมีความหมายว่า

“นิ่ถึงจะเป็นท่าทางของผู้หญิงที่ควรจะมี รู้จักเขินอายหล่ะสิ!”

ถ้าไม่พูดยังไม่เป็นไร

เมื่อพูดออกมาหน้าหลานเยาเยายิ่งแดงก่ำเข้าไปอีก

บ้าที่สุด เมื่อกี้ก็แค่จับน้องชายของเย่เจ๋หยิ่งไป มันผ่านไปแล้ว ทำไมยังต้องหน้าแดงเมื่อเห็นเขาด้วย?

“อะเห่ม เจ้าหลีกให้ห่างข้าหน่อย ”

ตอนนี้เขาสองคนยืนใกล้กันมาก ริมฝีปากห่างกันแค่หนึ่งฝ่ามือ

ใกล้เกินไปแล้ว!

ใกล้ชิดจนเกินไปแล้วจริงๆ

หลานเยาเยากลืนน้ำลายลงคอ อยากถอยห่างไปหนึ่งเก้า เพื่อที่นางกับเขาจะได้เว้นระยะห่างกันพอดี

แต่นึกไม่ถึง เย่เจ๋หยิงปล่อยคางของนางออก เมื่อนางกำลังจะคลายความกังวลลง มืออุ่นของเขา จับมาที่แขนของหลานเยาเยา จากนั้นพานางเดินเข้าไปที่โรงน้ำชา

ภายในโรงน้ำชากว้างขวาง ข้างในมีคนนั่งอยู่ประมาณสิบกว่าคน ชายคนนี้คือคุณชายทั้งเจ็ดที่เหลือคือคุนชายอีกหกคน

ส่วนผู้หญิงล้วนเป็นคนที่รู้จัก ถังมู่หวั่นมาด้วย หลานเยาเยาไม่รู้สึกแปลกใจเลย เพราะนางคือหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง

ส่วนฉินหลิงเจียวกับหลินเฟยหรัน แทบไม่จำเป็นต้องคิด เพราะยังไงพวกเขาก็ต้องมาอยู่แล้ว

แต่ที่ทำให้นางคาดคิดไม่ถึงคือ คุณหนูสามหลานจิ่นเอ๋อแห่งจวนแม่ทัพก็มาที่นี่ด้วย……