สำหรับฮั่วเทียนหลันแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริง
ถ้าหากเขาได้พูดว่าจะจัดการแล้ว เขาก็จะจัดการให้ถึงที่สุด
มู่เหว่ยมองไปที่ฮั่วเทียนหลันด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ : “เทียนหลัน คุณดีกับฉันมากจริงๆ แต่ว่า…. ”
เธอเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่ก็ไม่ยอมพูด ฮั่วเทียนหลันขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น : “กับฉันเธอยังต้องปกปิดอะไรอยู่อีกเหรอ”
มู่เหว่ยเม้มปาก ก่อนพูดขึ้น : “ฉันได้ยินมาว่าละครเรื่องนี้จะหยุดถ่ายทำชั่วคราว ถ้าเป็นแบบนี้จริงล่ะก็ บริษัทคงจะเสียหายเป็นอย่างมากแน่เลย ฉันคิดว่าเหลียวซิรงเธอคงไม่ได้ตั้งใจ เพราะงั้นปล่อยมันไปได้ไหมคะ กลับมาถ่ายทำตามปกติเถอะ”
ท่าทางอ้อนวอนของมู่เหว่ย กับท่าทีใจกว้างของเธอนั้น ทำให้ฮั่วเทียนหลันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เรื่องนี้จะบอกว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่ใช่ บอกว่าเป็นเรื่องเล็กก็ไม่เชิง คนที่มู่เหว่ยไว้ใจมากที่สุดที่คอยอยู่ข้างๆเธอต้องมาถูกทำร้ายขนาดนี้ แต่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของ Fahrenheit มู่เหว่ยกลับยินยอมที่จะปล่อยไปไม่เอาความใดๆ
ฮั่วเทียนหลันคว้ามู่เหว่ยมาไว้ในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน แล้วเอ่ยขึ้น : “เรื่องนี้ฉันจะจัดการให้เอง Fahrenheit ยังมีหนังและรายการอีกตั้งหลายเรื่องที่กำลังเตรียมการรออยู่ เธอและทีมงานสามารถเริ่มถ่ายทำไปก่อนก็ได้”
ข้อดีของการมีคนคอยหนุนก็คือได้อยากได้อะไรก็ได้ แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่มีเขาก็สามารถทำมันขึ้นมาให้กับเธอได้เสมอ
นี่คือสิ่งที่มู่เหว่ยรู้สึกและรับรู้ได้มาตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา
เธออืมรับเสียงเบาแล้วพูดขึ้น : “เทียนหลันคะ ตรงนั้นมีเตียงว่างอยู่ คุณนอนพักสักหน่อยดีไหม ส่วนเรื่องเมื่อคืนฉันต้องขอโทษจริงๆนะคะ ฉันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร รู้แค่เพียงว่าต้องหาที่พึ่งและคนที่ไว้ใจที่สุด ฉันก็เลยโทรหาคุณ ซึ่งมันอาจจะรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณและอันหรัน… ”
เมื่อพูดถึงชื่ออันหรัน ฮั่วเทียนหลันก็รู้สึกใจสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่แล้วเขาก็ดึงสติกลับมา ก่อนจะพูดด้วยเสียงตำหนิ : “เธอบอกว่าฉันเป็นคนที่เธอไว้ใจและพึ่งพาได้ ดังนั้นถ้าเกิดมีเรื่องอะไร เธอควรจะโทรหาฉันก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ”
มู่เหว่ยมองไปที่ฮั่วเทียนหลันด้วยความซาบซึ้งใจ เธอเขย่งเท้าขึ้นก่อนจะกดจูบลงที่ริมฝีปากของฮั่วเทียนหลันอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเอนตัวเข้าสู่อ้อมกอดของฮั่วเทียนหลัน พร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม
อันหรันในตอนนี้กำลังดู Weibo ใน Weibo เต็มไปด้วยข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการทะเลาะวิวาทกันระหว่างมู่เหว่ยและเหลียวซิรง
เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาได้มีการมีการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด หน้าจอแสดงให้เห็นภาพของหลี่เฉียนผู้ช่วยของเหลียวซิรงและผู้ช่วยของมู่เหว่ยที่กำลังเจรจาอะไรบางอย่างกันอยู่ แต่ในขณะนั้นก็มีรถของเหลียวซิรงที่จอดอยู่ไม่ไกลพุ่งเข้ามาชนอย่างกระทันหัน
ในคลิปเห็นเพียงแค่ผู้จัดการของมู่เหว่ยที่โดนชนจนตัวลอยขึ้นด้านบน แล้วหล่นลงใส่พื้นอย่างแรง
คลิปนี้ถูกแพร่ไปทั่ว Weibo แฟนคลับของมู่เหว่ยมากหมายหลั่งไหลมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ พวกเขาต่างก็พากันกล่าวประณามเหลียวซิรงอย่างไม่เหลือชิ้นดี
ทางด้านแฟนคลับของเหลียวซิหรงก็ไม่ได้ออกมาวิจารณ์อะไรนัก
เหลียวซิรงเป็นนักแสดงที่มีความสามารถตามมาตรฐาน และเธอก็ประพฤติตัวดีมาตลอด ไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาวใดๆเลย ท้ังยังสร้างแต่สิ่งดีๆมากมาย สร้างโรงเรียนประถมอีกหลายร้อยแห่ง
แฟนคลับของเธอเหนียวแน่นและเชื่อใจเธอเป็นอย่างมาก
ดังนั้นทุกความคิดเห็นบน Weibo โดยส่วนใหญ่ก็คือการต่อสู้ระหว่างกลุ่มแฟนคลับที่ปะทะฝีปากกันอย่างดุเดือด จนทำให้ระบบข้อความของ Weibo ต้องทำการปิดระงับชั่วคราว
อันหรันเลื่อนดูความคิดเห็นต่างๆที่มีเครื่องหมาย * กำกับไว้ เธอรู้ดีว่าคำที่ถูกปิดไว้นั้นมันไม่ใช่คำที่ดีเท่าไหร่นัก ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ว่าเหลียวซิรงรงต้องทนรับแรงกดดันเป็นอย่างมากแน่นอน
เธอค้นหา WeChat ของเหลียวซิรง คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่งข้อความถึงเหลียวซิรง “ซิรง ฉันทราบเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นเล้วนะ ฉันไม่รู้ว่าจะปลอบเธอยังไงดี แต่ก็อยากจะพูดอะไรกับเธอสักหน่อย ฉันไม่สนใจเลยว่าคนอื่นจะพูดยังไงเกี่ยวกับเธอ เพราะฉันเชื่อว่าเธอไม่ทางทำเรื่องแบบนี้แน่นอน”
หลังจากประโยคนี้กดส่งไปได้สักพัก ก็ยังไม่มีข้อความใดๆตอบกลับมา ราวกับว่าจมหายไปในทะเลยังไงยังงั้น
อันหรันคิดว่าเหลียวซิรงอาจจะกำลังยุ่งอยู่กับการให้สัมภาษณ์ เธอจึงวางโทรศัพท์มือถือลง
ฮั่วเทียนหลันอยู่ที่โรงพยาบาลไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องขอตัวกลับไปก่อน เนื่องจากมีธุระต้องจัดการที่บริษัท
ทันทีที่เขาก้าวเท้าออกไป ผู้ช่วยคนที่นอนยู่บนเตียงเมื่อครู่ก็รีบลืมตาขึ้นทันที จากนั้นจึงถอดหน้ากากออกซิเจนออก
“เฮ้อ อึดอัดจะแย่ หน้ากากออกซิเจนนี่มันใส่ไม่สบายจริงๆ” มิลลี่ผู้ช่วยของมู่เหว่ยเอ่ยขึ้น
มู่เหว่ยหันหน้าไปมองเธอ ก่อนจะพูดขึ้น : “ไม่เจ็บตามตัวแล้วเหรอ”
มิลลี่ขยับตัวเล็กน้อย ขาของเธอเริ่มปวดขึ้น จนไม่กล้าขยับต่อ
“เจ็บสิคะ! ฉันโดนรถชนจริงนะ ยังดีที่รถของเหลียวซิรงมีระบบเบรคอัตโนมัติ ไม่งั้นฉันเกรงว่าตัวเองอาจจะตายสมใจแน่!” มิลลี่พูดด้วยความกลัวที่ยังมีอยู่
มู่เหว่ยหัวเราะขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะนั่งลงบนเตียงของมิลลี่ แล้วพูดขึ้น : “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจดเอาไว้ที่เธอช่วยฉันในครั้งนี้ ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ วิลล่าหลังที่อยู่ Cuiweiju ฉันจะยกมันให้เธอทันที ! ”
ใบหน้าของมิลลีฉายแววไปด้วยความสุข มูลค่าของวิลล่านั้นไม่ได้ต่ำเลยสักนิด มิฉะนั้นเธอคงจะไม่เสี่ยงชีวิตทำอะไรแบบนี้หรอก
แต่เธอก็ยังมีความกังวลอยู่เล็กน้อย : “คุณเหว่ย เหลียวซิรงคนนี้ไม่ได้ง่ายต่อการจัดการขนาดนั้นนะ ถ้าเกิดว่าเรื่องเมื่อคืนนี้ถูกเธอพบเบาะแสเข้า เราจะทำยังไงต่อ”
มู่เหว่ยยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจในสิ่งที่มิลลี่กล่าว จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น : “จะคิดมากให้มันได้อะไร ทำก็ทำไปแล้ว ยังไงซะเรื่องนี้เราก็เป็นผู้ถูกทำร้าย ฉันคิดว่าเหลียวซิรงตอนนี้ยังเอาตัวเองแทบไม่รอดเลย จะเอาเวลาและกำลังจากที่ไหนมาสู้กับฉัน”
เมื่อมิลลี่ได้ยินคำพูดของมู่เว่ย ก็มีลางสังหรณ์ว่าตัวเองอาจจะถูกหักหลังเอาได้ จึงรีบพูดขึ้น : “คลิปนั้นถูกเผยแพร่ออกไปแล้วใช่ไหม”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องคลิป มู่เหว่ยก็ออกอาการตื่นเต้นเล็กน้อย เธอพยักหน้ารับก่อนจะพูดขึ้น : “ฉันให้คนจัดการปล่อยตั้งนานแล้ว และยังซื้อยอดวิวเพิ่มอีกด้วย แม้ว่าครั้งนี้เหลียวซิรงจะไม่ดับไปเลย แต่มันต้องโดนลดฐานแฟนคลับลงบ้างแหละ!”
มิลลี่นิ่งไปสักพัก เรื่องนี้ถูกเปิดเผยหมดแล้ว คงต้องทำให้ถึงที่สุดแล้วล่ะ
ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดี แต่ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นล่ะก็ เธอคงจะฉาวโฉ่ไปทั่ววงการเป็นแน่
มู่เหว่ยยังมีฮั่วเทียนหลันคอยหนุนหลัง ใครก็คงไม่กล้าจะทำอะไรกับเธอ
แต่ตัวเองนี่สิ เป็นได้แค่คนที่ต้องพลีชีพ
เธอกำลังจะอ้าปากขึ้นเพื่อเอ่ยขอคำรับประกันจากปากมู่เหว่ย
ในขณะนั้นเองมู่เหว่ยก็หาวขึ้น แล้วโบกมือเป็นนัยว่าเธอไม่ต้องการจะพูดเรื่องนี้ต่อแล้ว : “โอเค เมื่ออะไรไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะ เมื่อคืนฉันไม่ได้นอนเลย อยู่เฝ้าเธอกับประธานฮั่วท้งคืน นี่เธอต้องขอบคุณฉันนะที่ทำให้เธอมีโอกาสได้รับอะไรแบบนี้ ”
มิลลี่ส่งเสียงอืมในลำคอ แม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่เธอก็ยังพูดตอบกลับไป : “ฉันทราบดีค่ะ ถ้าไม่ได้คุณเหว่ยคอยช่วย ตอนนี้ฉันคงเป็นแค่มนุษย์เงินเดือนธรรมดาคนนึง”
ทันใดนั้นมิลลี่ก็นึกอะไรบางขึ้นได้ จึงถามขึ้น : “คุณเหว่ยคะ ความสัมพันธ์ของคุณกับประธานฮั่วช่วงนี้ไม่ค่อยราบรื่นเหรอคะ”