บทที่ 136 ราชาแห่งยา เซ่หงถู

คิงดราก้อน

“ยาอะไร?”

“บัวหิมะเทียนซาน!”

ตอนนั้นที่เซียวหยางเขียนสูตรยาให้กับอู๋จื้อเหวิน มีบัวหิมะเทียนซานจริง ๆ นั่นแหละ และบัวหิมะเทียนซานเป็นตัวยาหลักด้วย ไม่สามารถใช้อะไรมาแทนได้

เซียวหยางส่ายหน้า “ถ้าหากหาบัวหิมะเทียนซานไม่ได้ งั้นเรื่องนี้ก็จัดการลำบากแล้วล่ะ”

อู๋จื้อเหวินเป็นห่วงอาการป่วยของภรรยา ถ้าหากหาไม่ได้จริง ๆ งั้นตระกูลอู๋คงต้องสูญสิ้นแน่นอน

แต่โชคดี ที่เขายังมีความหวังสุดท้าย

“พี่หยางครับ พวกเราหาร้านขายยาในเมืองหยินโจวและเมืองรอบ ๆ จนทั่ว สุดท้ายพบว่าสามารถหายาตัวนี้ได้จากโรงยาฉางโซ่วในเมืองฉินโจว”

เซียวหยางหมดคำพูดทันที “ในเมื่อหาได้แล้ว จะกังวลทำบ้าอะไรล่ะ”

“แต่ว่าเขา……เขาไม่ขายน่ะสิ”

“ไม่ขาย เพราะอะไร?” เซียวหยางเอ่ยถาม

อู๋จื้อเหวินจึงอธิบาย “ลูกสาวของเถ้าแก่ป่วยเป็นโรคประหลาด หาหมอชื่อดังหลายคนมารักษาก็ไม่ได้ผล ต่อมาลูกสาวของเขาอาการหนักจนไม่ไหวแล้ว เขาเลยเอาบัวหิมะเทียนซานมาเป็นของรางวัล ใครสามารถรักษาอาการป่วยของลูกสาวเขาได้ เขาก็จะมอบบัวหิมะเทียนซานให้เป็นรางวัล”

ที่จริงบัวหิมะเทียนซานหายากมาก ไม่อย่างนั้นตระกูลอู๋ที่ยิ่งใหญ่ เส้นสายกว้างขวาง ตามหามาหลายวันจะหาไม่ได้ได้ยังไงกัน

เถ้าแก่โรงยาฉางโซ่วรู้ดีกว่าบัวหิมะเทียนซานเป็นของล้ำค่า จึงได้เอามันมาเป็นของรางวัล

“แค่กแค่ก พี่หยาง พี่ว่าเรื่องนี้……”

ที่จริง อู๋จื้อเหวินอยากให้เซียวหยางไปลองดูสักครั้ง เพื่อเอาบัวหิมะเทียนซานกลับมา

แต่เขาไม่กล้าเอ่ยปากขอร้อง

เซียวหยางมองความคิดของเจ้าหมอนี่ออก จึงโบกปัดมือแล้วเอ่ยพูด : “เอาล่ะ ฉันจะไปดูสักครั้งเพื่อช่วยนาย”

อู๋จื้อเหวินโล่งใจขึ้นมาทันที ร้องเรียกอย่างดีใจ : “งั้นก็ดีมากเลยครับ อาหุยคนขับรถของผมอยู่ด้านนอกพอดี หากพี่มีเวลาพวกเราก็ไปกันตอนนี้เลย”

“นายรอฉันเดี๋ยวนะ ฉันขอโทรศัพท์ก่อนแล้วพวกเราค่อยไปกัน”

เซียวหยางโทรศัพท์ไปหาเย่หยุนซู ขอลางานเธอครึ่งวัน จากนั้นก็โทรศัพท์ไปหากาเบรียล ให้เขาไปคอยดูแลปกป้องเย่หยุนซูที่บริษัท เย่ซื่อ กรุ๊ป

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซียวหยางจึงออกมาด้านนอก แล้วขึ้นไปนั่งบนรถโรลส์รอยซ์ที่สีแสบตาคันนั้น

อาหุยขับรถได้นิ่งและเร็วมาก ขับมุ่งหน้าไปยังเขตนอกเมือง

“บริเวณรอบเมืองฉินโจวมีเทือกเขามากมาย อุดมไปด้วยตัวยาหลากหลายชนิด เครื่องยาของร้านยาจีนมากมายในเมืองหยินโจว ล้วนส่งมาจากเมืองฉินโจวทั้งนั้น

บนรถ อู๋จื้อเหวินเริ่มแนะนำข้อมูลท้องถิ่นของเมืองฉินโจวให้เขาฟัง

ที่เมืองฉินโจวมีร้านเก่าแก่ดั้งเดิมอายุนับร้อยปีอยู่ร้านหนึ่ง ชื่อว่าโรงยาฉางโซ่ว

โรงยาฉางโซ่วเป็นร้านยาจีนที่ใหญ่สุดในเมืองฉินโจว เถ้าแก่ชื่อว่าเซ่หงถู เขายังมีฉายาด้วย ราชาแห่งยาของเมืองฉินโจว!

“คนคนนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงและภูมิหลัง มีลูกน้องที่คอยช่วยเก็บตัวยามากมาย มีเส้นสายทั้งในวงการมาเฟียและข้าราชการ พวกเราไปแล้วต้องระวังตัวหน่อยนะ ยังไงก็อยู่ในที่ของคนอื่น”

เซียวหยางไม่ปริปากพูดอะไร ผ่านไปสองชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงโรงยาฉางโซ่วในเมืองฉินโจว

อาหุยจอดรถเรียบร้อยแล้ว เซียวหยางกับอู๋จื้อเหวินก็เดินลงมา จึงได้เห็นว่าประตูทางเข้าด้านนอกของโรงยาฉางโซ่ว ถูกปิดล้อมอย่างแน่นหนา เต็มไปด้วยผู้คน

เซียวหยางเบียดเข้าไปในกลุ่มคน เห็นที่หน้าประตูมีชายร่างกายกำยำยืนอยู่สองคน กวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร ส่วนผนังด้านข้างมีกระดาษปิดประกาศอยู่

เป็นประกาศของรางวัล!

“ลูกสาวของเซ่หงถูป่วยหนัก จำเป็นต้องหาหมอชื่อดังมารักษาด่วน หลังจากรักษาหายแล้วจะได้เงินรางวัลกว่าสิบล้านหยวน บัวหิมะเทียนซานหนึ่งหัว ถ้าหากอีกฝ่ายยังโสด ยินดียกลูกสาวให้แต่งงานกับหมอเทวดา”

เซียวหยางเปล่งเสียงออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

“เงินสดสิบล้านกับบัวหิมะเทียนซานก็ถือว่าพอแล้ว นี่รักษาหายแล้วยังจะยกลูกสาวให้แต่งงานกับคนอื่นอีก ใจกว้างได้ขนาดนี้ ดูท่าทางอาการป่วยของลูกสาวเซ่หงถูคงหนักมากเลยนะเนี่ย”

ขณะนั้นเอง หมอคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เซียวหยางมีท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือ อยากแกะเอาใบประกาศลงมา

หมอคนนี้หน้าตาดูดี สวมแว่นตากรอบสีทอง มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นนักเรียนหมอ

“เจ้าหนุ่ม อย่าวู่วามสิ แกะใบประกาศรางวัลออกนั่นเท่ากับแลกด้วยชีวิตเลยนะ”

“หมายความว่ายังไง?”

“ถ้าหากนายแกะใบประกาศออก ถ้ารักษาอาการป่วยของคุณหนูไม่ได้ นายก็จะรักษาชีวิตตัวเองไว้ไม่ได้เหมือนกัน!”

หนุ่มหน้าละอ่อนสีหน้าดูแย่ขึ้นมาทันที “คุณลุง คุณอย่าขู่ผมสิ ผมไปรักษาคนป่วย พวกเขาจะกล้าลงมือเหรอ?”

“ชิ นายเพิ่งมาล่ะสิ ไม่เห็นเหรอว่าเมื่อกี้เข้าไปกี่คน แต่ละคนพูดโม้ว่าตัวเองเก่งกาจขนาดไหน ปริญญาเอกแพทยศาสตร์เอย จบจากเมืองนอกเอย มีผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนอายุหกสิบกว่าปีอีกคนหนึ่งด้วย สุดท้ายผลเป็นไงล่ะ ถูกซ้อมจนขาหักแล้วจับโยนออกมา!”

“ถูกซ้อมขาหัก? ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?”

คุณลุงเอ่ยพูดอย่างจริงใจ : “ฉันเห็นว่านายอายุยังน้อย ไม่อยากให้เข้ามาพัวพัน ถึงแม้ลูกสาวตระกูลเซ่จะอยู่สวย แต่นายต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเสพสุขซะก่อน”

ชายหนุ่มได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ทักษะทางการแพทย์ของเขาก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น จึงได้ล้มเลิกความคิดไป

และในขณะนั้นเอง ชายหนุ่มก็พบว่ามีคนที่อายุเท่า ๆ กับตัวเองคนหนึ่ง เดินไปข้างหน้า ยื่นมือไปดึงใบประกาศลงมา

เขาอยากขัดขวางแต่ไม่ทันการเสียแล้ว คุณลุงคนนั้นได้แต่แสยะยิ้มออกมา “หึ หาเรื่องใส่ตัวอีกคนหนึ่งแล้ว”

คนที่ดึงใบประกาศไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเซียวหยางนั่นเอง

เซียวหยางดึงใบประกาศรางวัลออกมาแล้วเดินไปยื่นให้ข้างหน้า มองชายร่างกำยำทั้งสองคนนั้นแล้วเอ่ยพูดว่า : “อาการป่วยนี้ผมจะรักษาเอง พาผมเข้าไปเถอะ”

เสียงเปิดประตูดังขึ้น!

คนที่อยู่ทั่วบริเวณโรงยาฉางโซ่วต่างพากันเงียบ แล้วจับจ้องไปที่เซียวหยาง

ไอ้หมอนี่ไม่กลัวตายเลย ไม่ได้ยินที่พวกเขาพูดกันหรือไง รักษาไม่หายต้องถูกซ้อมจนขาแข้งหัก

อีกอย่าง เซียวหยางดูท่าทางอายุน้อยมาก คนที่เรียนแพทย์มาต่างรู้กันดี ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนจีนหรือแผนปัจจุบัน ต้องยิ่งอายุมากถึงจะยิ่งเก่ง ทักษะทางการแพทย์ก็ยิ่งยอดเยี่ยม

ในที่นี้มีหมอชื่อดังมากมาย ต่างก็คิดว่าทักษะการแพทย์ของตัวเองสูสีกับคนอื่น พวกเขาต่างไม่ดึงใบประกาศลงมา แล้วไอ้หนุ่มที่ขนยังขึ้นไม่เต็มนี่มีสิทธิ์อะไร?

เซียวหยางไม่สนใจคนพวกนี้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่มองแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับชายร่างกำยำสองคนนั่น

หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งชำเลืองมองเซียวหยางด้วยสายตาดูถูก แล้วหมุนตัวเดินเข้าไปรายงาน ส่วนชายร่างกำยำอีกคนได้แสยะยิ้มออกมา แล้วเริ่มรู้สึกสงสารเซียวหยางขึ้นมา

เขามั่นใจว่าเซียวหยางไม่ต่างจากคนพวกนั้นเมื่อครู่นี้ ต่างก็มาเพื่อเงินรางวัลและความสวยของคุณหนู

ผ่านไปไม่นาน ด้านในก็มีเสียงฝีเท้าเล็ดลอดออกมา คนที่เดินนำหน้าคือชายวัยกลางคนสวมชุดจงซาน อายุประมาณสี่สิบห้าปี ผิวหน้าแดงอมชมพูดูสุขภาพดี สดชื่นกระปรี้กระเปร่า

แต่ในขณะเดียวกันเขากลับมีสีหน้าที่เคร่งขรึม แววตาแฝงไปด้วยความเย็นชา

ทุกคนต่างพากันเงียบลงอย่างรวดเร็ว คนคนนี้ก็คือเซ่หงถู ราชาแห่งยาของเมืองฉินโจวนั่นเอง!

คนเดียวแทบจะผูกขาดตลาดยาทั้งหมดของเมืองฉินโจว ไม่ว่าจะในธุรกิจมืดหรือทางราชการต่างมีเส้นสาย มีฐานะร่ำรวยกว่าร้อยล้าน เรียกได้ว่าเป็นราชาแห่งเมืองฉินโจว

เซ่หงถูกวาดตามองคนที่อยู่ด้านล่าง แต่ละคนไม่กล้าสบตาเขาเลย แต่เซียวหยางกลับยิ้มแล้วมองเขา ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย

“นายคือคนที่ดึงใบประกาศรางวัลเหรอ?”

“ผมเองครับ”

เซ่หงถูพูดอย่างเคร่งขรึมว่า : “นายน่าจะได้ยินกฎเกณฑ์ของฉันแล้ว ถ้ารักษาหายจะมีรางวัลอย่างงาม แต่ถ้านายรักษาไม่หาย กล้าเล่นตุกติกกับฉัน ฉันคงต้องทำอะไรสักหน่อย”

ที่จริงเขาทำใบประกาศรางวัลขึ้นมา จุดประสงค์คือเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์มารักษาอาการป่วย

แต่เงื่อนไขที่เขาเสนอล่อตาล่อใจคนเกินไป จึงมักมีแต่พวกหมอที่ไม่เต็มบาทมาฉวยโอกาส ประตูโรงยาฉางโซ่วของเขาไม่ใช่ว่าใครจะเข้ามาก็ได้

เซ่หงถูเห็นว่าเซียวหยางอายุยังน้อย จึงคิดว่าเป็นแค่ไอ้หนุ่มที่เข้ามาฉวยโอกาสอีกคนหนึ่ง