บทที่ 137 แค่เจ็บป่วยเล็กน้อยเท่านั้น

คิงดราก้อน

เซียวหยางพูดอย่างไม่ใส่ใจ : “ผมแค่อยากรู้ว่า ถ้าหากผมรักษาลูกสาวสุดที่รักของคุณหาย จะมอบบัวหิมะเทียนซานให้ผมหรือเปล่า”

เซ่หงถูชะงักไป แล้วหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยพูด : “ที่แท้ก็มาเพราะบัวหิมะเทียนซานนี่เอง ถ้าหากนายรักษาลูกสาวฉันให้หายได้ ไม่เพียงแต่มอบบัวหิมะเทียนซานเท่านั้น ฉันยังยกลูกสาวให้แต่งงานกับนายอีกด้วย”

ได้ยินประโยคนี้ ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันส่งเสียงฮือฮาขึ้นมา ในสายตาของคนบางคนก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

ลูกสาวของราชาแห่งยาเซ่หงถู เป็นหนึ่งในสามสาวงามแห่งเมืองฉินโจว รูปร่างหน้าตาอยู่ในระดับที่เกิดศึกชิงสาวงามได้เลย คนที่อยากจีบเธอมีมากถึงขนาดต่อแถวจากเมืองฉินโจวยาวไปถึงเมืองหยินโจวได้เลย

แต่ชื่อเสียงที่น่าเกรงขามของเซ่หงถู ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาวุ่นวาย

ถ้าเกิดโชคดีได้กลายเป็นลูกเขยของเซ่หงถู ก็คงสามารถเดินเฉิดฉายในเมืองฉินโจวได้

แต่ใครจะไปคิดว่าเซียวหยางกลับส่ายหน้า “อย่าดีกว่า ดูหน้าตาคุณสิ ลูกสาวคุณก็คงจะไม่สวยสักเท่าไหร่หรอก อีกอย่างผมแต่งงานแล้ว”

ที่บ้านมีประธานสาวสวยเบอร์หนึ่งแห่งเมืองหยินโจวอยู่ เขาไม่อยากมีผู้หญิงเพิ่มขึ้นอีกคน ไม่อย่างนั้นคนที่บ้านคนนั้นคงจับเขาฉีกเนื้อแน่

ทุกคนต่างตาโตอ้าปากค้างกันทันที ยังคิดว่าฟังผิดไป ไอ้หนุ่มนี่รังเกียจลูกสาวของราชาแห่งยางั้นเหรอ?

สีหน้าของเซ่หงถูชะงักไปทันที ไม่คิดจะเสวนากับเขาอีกต่อไปแล้ว

“ตกลง นายมันบ้าดี หวังว่านายจะมีวิธีช่วยลูกสาวฉันนะ ไม่อย่างนั้น หึ……” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินเข้าไป

เซียวหยางหันกลับไปพยักหน้าให้กับอู๋จื้อเหวิน จากนั้นก็เดินตามเข้าไป

ห้องที่อยู่ชั้นสองในโรงยาฉางโซ่ว ภายในได้รับการต่อเติมตกแต่งให้เป็นห้องพิเศษสำหรับดูแลผู้ป่วย เครื่องมือทางการแพทย์ครบครัน

บนผ้าปูเตียงสีขาว มีหญิงสาวใบหน้าซีดเซียวคนหนึ่งนอนอยู่ อายุประมาณ 21-22 ปี กำลังหลับตาสนิท บนตัวห่มผ้าหนาหลายชั้น

เมื่อเข้าไปเซียวหยางก็รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิลดต่ำลงหลายองศา คิ้วจึงขมวดขึ้นมาเล็กน้อย

เซ่หงถูรีบเดินไปด้านหน้า เอ่ยถามหมอที่อยู่ข้าง ๆ : “ลูกสาวของผมเป็นยังไงบ้าง?”

“เฮ้อ ประธานเซ่ สภาพของคุณหนูแย่มากเลย ถ้าหากยังหาวิธีรักษาไม่ได้ เกรงว่าจะอยู่ไม่ถึงเที่ยงคืนนี้แล้ว”

เซ่หงถูสีหน้าเย็นชา หันไปพูดกับเซียวหยางว่า : “คุณหมอ เชิญเถอะ”

เซียวหยางเดินเข้ามาใกล้ด้วยความอยากรู้ ยกข้อมือสวยขาวราวหยกขึ้นมา แล้วเอามือวางไปบนชีพจร เพิ่งได้ตรวจ ก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นแผ่ซ่านออกมาทันที

เซ่หงถูคอยมองอยู่ข้าง ๆ อย่างเป็นห่วงใย เอ่ยถามอย่างร้อนใจว่า : “เป็นยังไงบ้าง?”

เซียวหยางกำลังจะเอ่ยพูด ก็มีคนที่ท่าทางเหมือนบอดี้การ์ดเดินเข้ามาคนหนึ่ง แล้วกระซิบกระซาบอยู่ที่ข้างหูของเซ่หงถู

เซ่หงถูได้ยินก็ดีใจหน้าระรื่นทันที

“ดี ดี เขามาได้ก็ดีมากเลย ฉันจะไปเชิญเขาด้วยตัวเอง”

พูดจบ เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองเซียวหยาง จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว เหมือนมีคนสำคัญสักคนมาที่นี่

ผ่านไปไม่นาน เห็นเซ่หงถูเดินเข้ามาอีกครั้ง ข้าง ๆ กลับมีชายหนุ่มคนหนึ่งตามมาด้วย

อายุน่าจะประมาณยี่สิบห้าปี สวมชุดสูท ผิวขาวสะอาด คอเชิดขึ้นด้วยความเคยชิน ท่าทางหยิ่งทะนง

เซ่หงถูพูดด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก : “คุณเซว คุณสามารถมาได้ อาการป่วยของลูกสาวผมต้องมีทางรักษาแน่นอน!”

คิ้วและตาของชายหนุ่มไม่ขยับเลยสักนิด เพียงแค่พ่นลมออกจากจมูกอย่างเรียบ ๆ เป็นการตอบตกลง

ตอนนี้เขาได้มองไปที่เซียวหยาง แล้วเอ่ยถาม : “คนนี้คือ……”

“อ้อ เขาก็มารักษาลูกสาวของผมเหมือนกันครับ”

ชายหนุ่มทำท่าดูถูกทันที : “เขาก็มารักษาด้วยเหรอ? พูดเป็นเล่นไปได้ ประธานเซ่ เสียแรงที่คุณเป็นถึงราชาแห่งยาของเมืองฉินโจว แม้แต่พวกต้มตุ๋นก็ยังดูไม่ออก”

เซ่หงถูยิ้มอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่กลับไม่กล้าโต้เถียงอะไร

ที่เขาให้เซียวหยางเข้ามา ที่จริงก็เพียงลองเสี่ยงดวงดู ถ้าหากรู้ว่าเซวปู้ฝางลงจากเขา เขาคงไม่ให้เซียวหยางเข้ามาหรอก

“ให้มันออกไปซะ ฉันเซวปู้ฝางอยู่ที่นี่แล้ว อาการป่วยของลูกสาวคุณฉันจะดูแลเอง อีกอย่างตอนที่ฉันทำการรักษา ไม่ชอบให้คนอื่นอยู่ด้วย”

เซ่หงถูรีบตอบตกลง แล้วหันไปมองเซียวหยาง “นายออกไปเถอะ ที่นี่ไม่มีธุระของนายแล้ว”

เซียวหยางนั่งอยู่บนเก้าอี้ ยกขาขึ้นไขว่ห้าง มองชายหนุ่มที่ชื่อเซวปู้ฝาง จากนั้นก็พูดกับเซ่หงถูว่า :

“เซ่หงถู ถ้าหากตอนนี้ผมออกไป ผ่านไปไม่เท่าไหร่ คุณจะขอร้องให้ผมกลับเข้ามา เชื่อไหมล่ะ?”

เซ่หงถูอึ้งไปทันที ฉันจะขอร้องให้นายกลับมา?

พูดเป็นเล่นไปได้!

“นายลีลาไม่ยอมไปใช่ไหม เข้ามานี่ จับมันโยนออกไป!”

เซ่หงถูไม่อยากเสียเวลาในการรักษาลูกสาว จึงออกคำสั่งกับลูกน้องด้วยความหงุดหงิด

และในขณะนั้นเอง เซวปู้ฝางก็ได้โบกมือ “รอเดี๋ยว”

เขามองสำรวจเซียวหยางด้วยความสนใจ ท่าทางมองต่ำลงมา แล้วเอ่ยพูด :

“ไอ้หนุ่ม ดูท่าทางแกยังไม่รู้ว่าฉันเป็นใครสินะ ฉันชื่อเซวปู้ฝางเรียนแพทย์มาตั้งแต่ห้าขวบ แปดขวบอ่านหนังสือด้านการแพทย์เป็นจำนวนมาก สิบขวบเริ่มรักษาคน สิบห้าขวบสามารถวินิจฉัยโรคได้นับพันชนิด!”

ในตาของเซ่หงถูมีแสงเปล่งประกายออกมา ถ้าหากเป็นเหมือนอย่างที่เขาพูดจริง ๆ ล่ะก็ อาการป่วยของลูกสาวเขาต้องรักษาหายแน่นอน

เซียวหยางหัวเราะเหอะ ๆ “ว้าว เก่งขนาดนั้นเลย?”

“เหอะ ก็ไม่เท่าไหร่หรอก ฉันกล้าพูดเลยว่า หากพูดถึงเรื่องทักษะการแพทย์ในจีน ฉันคือที่หนึ่ง ไม่มีที่สอง ส่วนแก แม้แต่คนหิ้วรองเท้าให้ฉันก็ยังไม่คู่ควรเลย!”

เซียวหยางเคยเห็นคนโง่มาก่อน แต่โง่ถึงขั้นนี้ เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก จึงได้ยิ้มกว้างออกมา “น้องชาย ถ้าหากฉันไม่คู่ควรที่จะหิ้วรองเท้าให้นาย งั้นในสายตาของฉัน นายยังเทียบกับลมตดไม่ได้ด้วยซ้ำ”

รอยยิ้มของเซวปู้ฝางชะงักไปทันที เดิมทีเขาอยากอวดความสำเร็จของตัวเองสักหน่อย แต่กลับถูกคนอื่นบอกว่าเทียบกับลมตดไม่ได้ด้วยซ้ำ!

เซ่หงถูดูสีหน้าท่าทาง เห็นว่าสีหน้าของเซวปู้ฝางดูไม่ดีแล้ว จึงตะคอกเสียงดังด้วยความโมโหทันที : “ใครก็ได้เข้ามานี่ มาจับไอ้คนที่รู้จักที่ต่ำที่สูงนี่โยนออกไป ซ้อมมันให้ขาหักแล้วค่อยว่ากัน!”

กว่าเขาจะเชิญตัวเซวปู้ฝางมาได้นั้นไม่ง่ายเลย หากล่วงเกินเขา แล้วใครจะรักษาอาการป่วยให้ลูกสาวล่ะ?

“ช้าก่อน! ไอ้หนุ่ม แกเป็นคนแรกที่กล้าว่าฉันแบบนี้ งั้นก็ดี ฉันจะให้โอกาสแก พวกเรามาพนันกันหน่อยเป็นไง?”

เซวปู้ฝางชอบอวดความเก่งกาจของเขา ในสายตาเขา เซียวหยางเทียบไม่ได้แม้แต่ขั้นบันไดด้วยซ้ำ

“นายคิดจะพนันยังไง?” เซียวหยางเอ่ยถาม

“ถ้าหากฉันรักษาอาการป่วยของคุณหนูได้ แกต้องคุกเข่าโขกหัวให้ฉันสิบครั้ง ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”

เซียวหยางแสยะยิ้มออกมา “โขกหัว ได้สิ แล้วถ้าแกรักษาไม่ได้ล่ะ?”

“เหอะ จะเป็นไปได้ยังไง ฉันรักษาอาการป่วยของคุณหนูได้แน่นอน!” เซวปู้ฝางเอ่ยพูดด้วยความมั่นใจเต็มร้อย

“ถ้าหากนายรักษาไม่ได้ นายไม่เพียงแต่ต้องโขกหัวให้ฉันสิบครั้ง แต่ยังต้องเสียนิ้วมือทั้งสิบนิ้วของแกด้วย เป็นไง?” เซียวหยางพูดอย่างนึกสนุกขึ้นมา

เซวปู้ฝางสีหน้าเปลี่ยนไปทันที คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะโหดเหี้ยมขนาดนี้ ในฐานะที่เป็นหมอคนหนึ่ง หากไม่มีนิ้วมือ จะฝังเข็มได้ยังไง

แต่เขายังคงยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม แล้วตอบตกลง : “ได้สิ คำไหนคำนั้น!”

“คุณเซว ทำไมคุณต้องไปแลกกับไอ้หมอนี่……”

“ประธานเซ่ ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันจะทำให้มันได้รู้ว่า บนโลกใบนี้ไม่ใช่จะล่วงเกินใครก็ได้ ช่วยฉันจับตาดูมันไว้ก็พอ อย่าให้มันหนีไปได้!”

เซ่หงถูส่ายหน้าอย่างจนใจ ทำได้แต่ตอบตกลง

“หึ ต่อไป แกแหกตาชั้นต่ำของแกดูแล้วกัน ว่าฉันรักษาคุณหนูยังไง!”