บทที่ 138 ท่าทางคล่องแคล่วว่องไว

คิงดราก้อน

เซวปู้ฝางยังคงมีสีหน้าเหมือนเดิม แล้วให้หมอถอดเครื่องติดตามคลื่นหัวใจและสัญญาณชีพออกจนหมด การรักษาของเขาแต่ไหนแต่ไรไม่จำเป็นต้องใช้ของเหล่านี้

ดวงตาหนึ่งคู่ มือหนึ่งข้าง และเข็มเงินชุดหนึ่งก็เพียงพอแล้ว

เขาคลำชีพจรตรงข้อมือของเซ่เฟยเฟย ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีสีหน้าลังเล แล้วค่อย ๆ เอ่ยพูด :

“ประธานเซ่ อาการป่วยของคุณหนูเป็นเพราะได้รับความหนาวเย็นเข้าสู่ปอด แค่เจ็บป่วยเล็กน้อยเท่านั้น”

เซ่หงถูได้ยิน ก็ดีอกดีใจเป็นอย่างมาก เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เชิญเซวปู้ฝางมาเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด

เซวปู้ฝางหยิบเอากล่องไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่แกะสลักเป็นลวดลายรูปมังกรกับหงส์ออกมา

แค่มองก็รู้ว่ากล่องใบนี้มีราคาแพง เหมือนของโบราณ เซวปู้ฝางเปิดกล่องออกมา เข็มเงินเก้าเล่มก็ประจักษ์แก่สายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น

ด้านท้ายของเข็ม แกะสลักเป็นรูปหัวมังกรหางเป็นหงส์ที่เหมือนของจริงมาก

“เอ๊ะ เข็มเงินชุดนี้คือ……คือวิชาฝังเข็มฟื้นคืนชีพเก้าวัง?” หมอสูงวัยคนหนึ่งได้มองเข็มเงินชุดนั้นด้วยความประหลาดใจ แล้วพูดออกมาอย่างตกใจ

วิชาฝังเข็มฟื้นคืนชีพเก้าวัง?

คนที่อยู่ในเหตุการณ์ นอกจากหมออายุน้อยสองสามคนที่มีสีหน้าสงสัยแล้ว หมอสูงวัยคนอื่น ๆ ที่ได้ยินประโยคนี้ ต่างตาโตกันเป็นแถว มองดูกล่องโบราณเรียบ ๆ นั่นอย่างเหลือเชื่อ

“ใช่แล้ว ถือว่าคุณมีความรู้อยู่บ้าง” เซวปู้ฝางเผยสีหน้าภาคภูมิใจออกมา แล้วพูดอย่างไม่ลงรายละเอียดสำคัญ :

“วิชาฝังเข็มฟื้นคืนชีพเก้าวัง ถูกถ่ายทอดมาจากซุนซือเมี่ยวสมัยราชวงศ์ถัง หนึ่งลำดับชั้นมีสามเข็ม มีทั้งหมดสามระดับชั้นคือฟ้า ดิน และมนุษย์ เข็มมนุษย์ช่วยคนที่ยังไม่ตาย เข็มดินรักษาคนที่ใกล้จะตาย ส่วนเข็มฟ้าใช้รักษาคนที่ตายไปแล้ว!”

ขณะที่พูด เขายังไม่ลืมหันไปมองเซียวหยางด้วยท่าทางเย้ยหยัน แต่เขากลับต้องพบว่าเซียวหยางไม่ตกตะลึงเลยแม้แต่น้อย จึงอดไม่ได้ที่จะโมโห

แต่เพียงครู่เดียวเขาก็เข้าใจได้ทันที ว่าคงเป็นเพราะเซียวหยางไม่รู้จักของแบบนี้ แม้แต่วิชาฝังเข็มฟื้นคืนชีพเก้าวังก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน

เซวปู้ฝางหยิบเข็มเงินขึ้นมาสามเล่ม แทงเข็มลงไปที่จุดฝังเข็มสามจุดซึ่งได้แก่จุดเทียนเหมิง ผี้กู่ และยิ่นถาง เข็มเงินเคลื่อนไหวช้าบ้างเร็วบ้าง เดี๋ยวแทง เดี๋ยวยก เดี๋ยวดึง……ภาพฉากนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนอ้าปากค้างอีกครั้ง

“นี่……นี่คือ……ผสมผลานสามชั้น!”

วิชาฝังเข็มฟื้นคืนชีพเก้าวังคือชั้นที่หนึ่ง ตามด้วยเข็มมนุษย์ผสมผลานสามชั้น!

ขอแค่คนยังมีชีวิตอยู่ แล้วใช้วิชาผสมผลานสามชั้น เมื่อลงเข็มไปก็จะกำจัดโรคได้อย่างแน่นอน!

หมอสูงวัยที่สังเกตเห็นวิชาฝังเข็มฟื้นคืนชีพเก้าวังเป็นคนแรกเมื่อครู่นี้ รู้สึกช็อกจนพูดอะไรไม่ออก น้ำเสียงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“เป็นหนุ่มที่มีพรสวรรค์จริง ๆ อายุน้อยแค่นี้ สามารถสืบทอดทักษะวิชาของหมอเทวดาซุนซือเมี่ยวที่สูญหายไปนานได้ วิชาฝังเข็มฟื้นคืนชีพเก้าวังเป็นสิ่งที่แพทย์แผนจีนทุกรุ่นในจีนแสวงหามาทั้งชีวิต!”

“คุณบอกว่าสูญหายไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้แยกแยะออกว่านี่คือวิชาฝังเข็มฟื้นคืนชีพเก้าวัง?” หมออายุน้อยคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ

“สารเลว!” หมอสูงวัยตำหนิด้วยความโมโหทันที :

“วิชาฝังเข็มฟื้นคืนชีพเก้าวังมีบันทึกอยู่ประปรายในคัมภีร์ประวัติศาสตร์การแพทย์ ชั้นแรกผสมผลานสามชั้นหนักเบาช้าเร็ว ผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด โดยเฉพาะทักษะและพละกำลังตอนลงเข็ม เป็นการทดสอบระดับความสามารถของคนคนหนึ่งเลย แล้วจะเป็นของปลอมได้ยังไง?”

ทันใดนั้นภายในห้องก็เงียบสนิทลง เงียบชนิดที่ว่าแม้แต่เสียงเข็มหล่นก็ยังได้ยิน

พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า เซวปู้ฝางที่อายุน้อยคนนี้ จะรู้วิชาฝังเข็มฟื้นคืนชีพเก้าวังที่สูญหายไปนาน!

เซ่หงถูตื่นเต้นมาก เซวปู้ฝางยิ่งเก่งมากเท่าไหร่ ลูกสาวของตัวเองก็ยิ่งมีหวังในการรักษามากขึ้นเท่านั้น

เซียวหยางลูบคางไปมา ได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร

อย่ามองว่าใช้เข็มเพียงสามเล่ม แต่เข็มสามเล่มนี้ใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว เซวปู้ฝางเหงื่อออกท่วมตัว หายใจเหนื่อยหอบ เหมือนกับอาบน้ำร้อนไม่มีผิด

ดูท่าทางการฝังเข็มผสมผลานสามชั้นสำหรับเซวปู้ฝาง ถือว่ากินแรงไม่น้อยเลยทีเดียว

“แสงสว่างแห่งการแพทย์แผนจีน แสงสว่างแห่งการแพทย์แผนจีน!” หมอสูงวัยอุทานไม่หยุด ถึงขั้นมีน้ำตาแห่งความตื่นเต้นไหลออกมา

“ประธานเซ่ มีหมอเทวดาเซวอยู่ อาการป่วยของเฟยเฟยต้องดีขึ้นแน่นอน!”

เซ่หงถูหันไปมองเซ่เฟยเฟย แล้วพบว่าสีหน้าของลูกสาวตัวเองดีขึ้นมากแล้ว ผิวหน้าก็เริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมา

เขาวางใจได้สักที

และในขณะนั้นเอง การฝังเข็มผสมผลานสามชั้นของเซวปู้ฝางก็มีเสียงสิ้นสุดลง จากนั้นเขาได้เก็บเข็มสามเล่มใส่กลับเข้าไปในกล่อง แล้วหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดเหงื่อบนหน้า เอ่ยพูดอย่างเหนื่อยล้าว่า :

“ประธานเซ่ อาการป่วยของคุณหนูน่าจะไม่มีอะไรแล้ว”

“ครับ ครับ ผมขอบพระคุณหมอเทวดาเซวมากเลยครับ!” เซ่หงถูโค้งคำนับให้เซวปู้ฝางอย่างจริงจัง

หมอสูงวัยรีบเดินเข้าไป แล้วเอ่ยถามอย่างตื่นเต้นว่า : “หมอเทวดา เมื่อครู่ทักษะที่คุณใช้ฝังเข็มคือผสมผลานสามชั้นใช่ไหม?”

เซวปู้ฝางมีสีหน้าชื่นชม แล้วเอ่ยพูด : “อืม ถูกต้อง เป็นผสมผลานสามชั้นนั่นแหละ ถือว่าคุณมีความรู้ดีนะ”

ขณะนั้น เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องที่จัดการไม่เรียบร้อย จึงเดินเชิดหน้ามาตรงหน้าเซียวหยาง แล้วเอ่ยพูดอย่างจองหอง :

“ไอ้หนุ่ม ฉันรักษาอาการป่วยของคุณหนูให้หายดีแล้ว ตอนนี้ควรจะทำตามสัญญาได้แล้ว ทำมือคารวะ แล้วคุกเข่าโขกหัวสิบครั้งให้ฉันซะ!

เซียวหยางนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่กระดิกตัวแม้แต่น้อย

เซ่หงถูโมโหขึ้นมาทันที “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ใครก็ได้เข้ามานี่ มาจับไอ้หมอนี่คุกเข่าลงซะ!”

บอดี้การ์ดหลายคนกรูกันเข้ามาทันที เพื่อลงมือกับเซียวหยาง

เซียวหยางเอ่ยพูดอย่างเรียบ ๆ : “ไอ้หนุ่ม นายแน่ใจเหรอว่ารักษาอาการป่วยของคุณหนูจนหายดีแล้ว?”

“หึ ยังต้องพูดอีก……”

เพียงแต่ว่า เขายังพูดไม่ทันจบ หมอที่ตรวจอาการให้คุณหนูก็ร้องโวยวายเสียงดังขึ้นมากะทันหัน “แย่แล้ว คุณหนูแย่แล้ว พวกคุณ……พวกคุณรีบมาดูเถอะ”

เมื่อทุกคนหันไปมอง ก็พบว่าเซ่เฟยเฟยที่นอนอยู่บนเตียง หน้าขาวซีดราวกับกระดาษ ไม่มีเลือดฝาดเลยแม้แต่น้อย ร่างกายเริ่มมีอาการชักไม่หยุด ตั้งแต่หัวจรดเท้า มีแต่ไอเย็นแผ่ซ่านออกมา

ไอเย็นนี้เมื่อปะทะกับละอองน้ำในอากาศ ได้กลายเป็นน้ำค้างแข็ง ไม่นานก็ตกลงมาบนหน้าและร่างกายของเซ่เฟยเฟย

คิ้วทั้งสองข้างที่โค้งเหมือนใบหลิว ได้กลายเป็นน้ำค้างแข็งไปแล้ว ผมก็เปลี่ยนเป็นสีขาว

และเครื่องติดตามสัญญาณชีพที่เพิ่งใส่เข้าไป ตอนนี้ได้หยุดแสดงผลทันที สัญญาณชีพที่เต้นขึ้นลงได้กลายเป็นเส้นตรง

ปึง!

ราวกับมีลูกระเบิดระเบิดขึ้นกลางใจของทุกคน

“คุณหนู เธอ เธอตายแล้วครับ!”

เซ่หงถูเดินโซเซล้มไปที่หัวเตียงของลูกสาว แล้วสัมผัสลมหายใจของลูกสาว สมองของเขาว่างเปล่าไปหมด ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น

ตายแล้ว ตายแล้วจริง ๆ!

เซวปู้ฝางรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก จึงเดินเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อตรวจดู “เป็นไปไม่ได้นี่นา ไม่มีเหตุผลเลย ฉันฝังเข็มผสมผลานสามชั้นแล้ว ก็น่าจะรักษาหายสิ”

“เหอะ ผสมผลานสามชั้น?”

น้ำเสียงเหยียดหยามดังขึ้นมา เซียวหยางส่ายหน้าแล้วเผยสีหน้าดูถูกออกมา

“รักษาโรคเล็ก ๆ อย่างโรคหยินพร่องแค่นี้ ยังเหนื่อยเหมือนหมา เซวปู้ฝางใช่ไหม นายนี่ช่างเป็นหนุ่มที่มีพรสวรรค์จริง ๆ!”

“แก……แกกล้าเยาะเย้ยฉันเหรอ?” เซวปู้ฝางโกรธมาก

เซียวหยางนั่งไขว่ห้าง แล้วพูดหยอกล้อว่า : “ทำไม ฉันพูดผิดหรือไง ท่าทางคล่องแคล่วว่องไว แต่ผลลัพธ์กลับปัญญาอ่อนสิ้นดี!”

“คนไม่เต็มบาทอย่างแกกล้าเรียกว่ามีทักษะการแพทย์เป็นอันดับหนึ่งของจีนงั้นเหรอ? แกไปเอาความกล้านี้มาจากไหน ?”

“เรียนแพทย์ตั้งแต่ห้าขวบใช่ไหม แปดขวบอ่านหนังสือด้านการแพทย์เป็นจำนวนมาก สามารถวินิจฉัยโรคได้นับพันชนิดใช่ไหม?”

“ไสหัวกลับไปเรียนให้มันหลาย ๆ ปีหน่อย แล้วค่อยออกมาทำเรื่องน่าอับอายขายขี้หน้า!”

“ไอ้โง่!”

“ไอ้สวะเอ้ย!”

……

พรืด!

ได้ฟังเสียงเย้ยหยันมาเป็นชุด เซวปู้ฝางก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดง บวกกับเมื่อครู่นี้ใช้พลังจิตมากเกินไป จึงทำให้กระอักเลือดออกมา