บทที่ 74 ข้าจัดการเพื่อเจ้า
เจ้าหัวขโมยพยายามใช้ทั้งสองมือแกะมือของหลินเหราออก ทว่าก็ไม่สามารถแกะมือขวาที่แข็งแรงเหมือนตะขอเหล็กของชายหนุ่มได้ เขารู้สึกว่าอากาศในปอดค่อย ๆ หดหายไปทีละนิด เขาพยายามหายใจและอยากพูดอะไรบางอย่าง
เจิ้งอันเห็นท่าไม่ดี จึงรีบเข้าไปห้ามปราม “เอ่อ น้องชาย! เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน ให้เขาเอาของที่ขโมยไปออกมาก่อน…”
มือทั้งสองข้างของขโมยไม่สามารถง้างมือขวาของหลินเหราได้ แม้แต่ทหารอย่างเจิ้งอันที่ฝึกฝนมาหลายปีก็ทำอะไรเขาไม่ได้เช่นกัน
ในที่สุดหลินเหราก็ปล่อยมือ ขาของเจ้าโจรอ่อนยวบเหมือนเส้นบะหมี่ ไร้เรี่ยวแรงจะยืนได้อีกต่อไปจึงล้มฟุบลงกับพื้น แล้วไอโขลกอย่างรุนแรงราวกับว่าวิญญาณของเขาจะหลุดออกมาด้วย
หลินเหรานั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ ดวงตาดำขลับของเขาจ้องเขม็งไปยังดวงตาของอีกฝ่าย ทำให้ขโมยคนนี้นึกถึงสิ่งที่หลินเหราเคยพูดไว้ รีบเค้นคำพูดด้วยเสียงแหบแห้งเหมือนฆ้องที่แตกร้าว “ท่าน นายท่าน เอ่อ ข้าโยนมันทิ้งไปในพงหญ้า ตะ แต่ข้าจะไปเอามาให้ท่าน! ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด! แค่กๆ”
หลินเหราคว้าคอเสื้อของเขาด้วยมือข้างเดียวแล้วส่งสัญญาณให้เขานำทางไป หัวขโมยยกขาขึ้นเดินด้วยอาการสั่นเทาแต่กลับพบว่าขาของตนเองนั้นไม่ได้อยู่ติดพื้น เลยทำได้เพียงยกมือชี้ทางอย่างว่าง่าย
เมื่อหลินเหราเห็นถุงเงินสีขาวสะดุดตาในพงหญ้า เขาก็ปล่อยตัวขโมยในมือลงแล้วรีบหยิบถุงเงินขึ้นมา
เจิ้งอันและนายหญิงติดตามเขามาตลอด เมื่อเห็นเช่นนี้พวกเขาก็รู้สึกเหลือเชื่อ พวกเขาหลงคิดว่าหลินเหราถูกขโมยของสำคัญบางอย่างไป แต่คิดไม่ถึงว่าเป็นถุงเงิน?!
หลินเหราดูไม่เหมือนคนที่รักเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เลยแม้แต่น้อย
เจิ้งอันกระแอมไอและหยั่งเชิงว่า “น้องหลิน ดูเหมือนว่าถุงเงินใบนี้มีเงินอยู่ไม่น้อย…”
หลินเหราปัดฝุ่นบนถุงเงินเบา ๆ แต่สุดท้ายแล้วยังคงมีคราบสีน้ำตาลเปื้อนอยู่ ปัดอย่างไรก็ปัดไม่ออก
เขาเงียบแล้วกล่าวว่า “นี่คือสิ่งของของคนที่ข้ารัก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเจิ้งอันก็เปลี่ยนไปจนยากจะอธิบายได้ในทันที ส่วนนายหญิงของหอสวนสาลี่ได้ยินคำพูดของหลินเหรา นอกจากจะนึกกลัวแล้วแววตายังมองเขาด้วยความชื่นชม
หลินเหราผสานมือขอบคุณเจิ้งอัน “วันนี้ขอบคุณพี่เจิ้งที่ชี้ทาง ช่วยให้ข้าพ้นจากความทุกข์ยากนะขอรับ”
เจิ้งอันโบกมือ อยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าหลินเหราหันไปพูดกับนายหญิงหอสวนสาลี่ว่า “รบกวนท่านแล้ว”
พอพูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมผละจากไปทันที
เจิ้งอันกลับรั้งเขาไว้่ “น้องหลิน เจ้าขโมยนี่! เจ้าไม่นำเขาไปที่จวนผู้ตรวจการหรอกหรือ?”
ผู้ตรวจการแผ่นดินยังคงดูแลความสงบเรียบร้อยในเมือง โจรที่ชอบขโมยเงินบนถนนแบบนี้จะต้องถูกจับและขังคุกหลายวัน
หลินเหราส่ายศีรษะ “การจับโจรไม่ใช่หน้าที่ของข้า ขโมยคนนี้เดินชนภรรยาของข้า เมื่อครู่ข้าได้ลงโทษเขาเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว”
เจิ้งอันตกตะลึงงัน ลงโทษเล็กน้อยอย่างนั้นหรือ? บีบคอคนจนเกือบตายเรียกว่าลงโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างนั้นหรือ?
ทว่านายหญิงของหอสวนสาลี่กลับชื่นชมหลินเหราว่ารักภรรยาราวกับชีวิต ถึงแม้จะดุร้ายกว่านี้แล้วเป็นอย่างไร อย่างน้อยเขาก็ดีกับภรรยาของตนเองเป็นอย่างมาก อย่างนี้สิที่เรียกว่าคนดี!
นางยิ้มให้หลินเหราด้วยความจริงใจและหยอกล้อพูดเสียงดังว่า “ใต้เท้าหลิน วันหน้าหากมีโอกาสมานั่งเล่นที่หอสวนสาลี่ของพวกเราสิเจ้าคะ เหล่าสาว ๆ จะต้องดีใจมากแน่ ๆ!”
นางคิดว่าผู้ชายที่ดูแลภรรยาเป็นอย่างดีจะไม่ประพฤติตนไม่ดีอย่างแน่นอน จึงกล้าพูดหยอกล้อ ทว่าหลินเหรากลับมองด้วยสายตาเย็นชา ทำให้นางตกใจจนนิ่งเงียบไป
หลังจากที่หลินเหราได้รับถุงเงินแล้วเขาก็ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ ในใจของเขาคิดถึงเหยาซู กลัวว่านางจะต้องนั่งรออยู่คนเดียวจึงรีบเดินไปที่โรงน้ำชาที่ทั้งสองแยกกัน
โรงน้ำชามีขนาดใหญ่มาก แบ่งออกเป็นสองชั้น ชั้นบนและชั้นล่าง พ่อค้าที่สัญจรไปมาในเมืองชิงถงชอบมารวมตัวกันในสถานที่ที่ครึกครื้นเช่นนี้เพื่อสืบข่าวและพบปะผู้คน แม้แต่ชาวบ้านก็ยังชอบอยู่ในโรงน้ำชาดื่มชาและพูดคุยกันในช่วงฤดูหนาว
เมื่อหลินเหราเดินเข้าประตูมา เขาก็เห็นกลุ่มคนส่งเสียงเอะอะโวยวายนั่งล้อมวงอยู่ที่ชั้นล่าง
ในโรงน้ำชามีผู้ชายช่างพูดอยู่มากมาย มีผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่เข้าออก หลินเหรามองปราดเดียวก็พบนางจากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง
เขารู้สึกโล่งใจ เดินตรงเข้าไปที่คนกลุ่มนั้น
“ท่านนายอำเภอได้โปรดสำรวมด้วย!”
เสียงใสกังวานของหญิงสาวดังขึ้นแฝงไปด้วยความรังเกียจ ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ถูกเสียงนี้ดึงดูดสายตา และเริ่มดูฉากนี้อย่างสนุกสนาน
หลินเหราเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเหยาซู หญิงสาวหันหลังให้กับเขา แม้ว่าหลินเหราจะมองไม่เห็นสีหน้าของเหยาซู ทว่าพอได้ยินเสียงของนาง เขาก็รับรู้ถึงความโกรธเคือง
เขาก้าวเข้าไปข้างหน้าสองสามก้าว ไม่นานก็เดินไปด้านข้างของเหยาซูแสร้งทำเป็นถามอย่างไม่เข้าใจว่า “อาซู เกิดอะไรขึ้น?”
เหยาซูหันกลับมาแล้วเบิกตากว้างเล็กน้อย “ท่านกลับมาแล้ว!”
น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความปีติยินดี และต้องการพึ่งพาอาศัยโดยไม่รู้ตัว หลินเหราจับน้ำเสียงของนางได้อย่างเฉียบคม มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
แม้แต่เสียงของเขาก็อ่อนโยนขึ้นมาก “ปล่อยให้เจ้ารอนาน ต้องขอโทษด้วย ข้าไปตามถุงเงินกลับมาได้แล้ว”
พูดจบเขาก็ยื่นมือออกมามอบถุงเงินสีขาวปักลายกล้วยไม้ให้กับเหยาซู
คนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านข้างพวกเขากำลังเฝ้าดูการหยอกล้อหญิงสาวจากชายหนุ่มอีกคน ตอนนี้เมื่อเห็นว่าหญิงสาวรูปงามนางนี้มีบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาหา ท่าทางสนิทสนม ดูเหมือนว่าทุกคนจะเข้าใจไปในทางเดียวกันว่าชายหนุ่มที่มาใหม่นั้นคือสามีของนาง
คนโดยรอบถูกดึงดูดให้ดูการแสดงนี้อีกครั้งเพราะคนที่เข้าไปหยอกล้อกับแม่นางคนนี้ในครั้งแรกนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นนายอำเภอ
นายอำเภอเหยาทำได้เพียงแสดงบารมีในอำเภอเท่านั้น เมื่อมาถึงที่นี่ก็เป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครกลัวเขาและยิ่งไม่มีใครรู้จักเขาอีกด้วย
นายอำเภอเห็นหลินเหราปรากฏตัวขึ้นก็อยากจะแสดงฐานะของตัวเอง จึงพูดกับหลินเหราอย่างหยิ่งผยองว่า “เจ้าคือคนจากตระกูลหลินอย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่ได้ตายไปแล้วหรอกหรือ เหตุใดถึงกลับมามีชีวิตอีก?”
หลินเหราขมวดคิ้ว มองไปที่คนตรงหน้าเหยาซู ชายผู้นี้สวมชุดผ้าแพร เห็นได้ชัดว่าในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลินั้นค่อนข้างหนาว ทว่าในมือยังคงถือพัด บางครั้งก็พัดไปพัดมาอยู่สองสามรอบ สายตาที่มองไปที่เหยาซูนั้นเต็มไปด้วยความละโมบและหื่นกระหาย
เมื่อเห็นดังนั้นหลินเหราจึงกำหมัดแน่น จนทำให้ใบหน้าขาวเนียนกลายเป็นสีเขียวอมม่วงได้ทุกเวลา
เหยาซูมองเห็นถึงความผิดปกติของเขา นางจึงใช้มือซ้ายคล้องแขนขวาของหลินเหราไว้ราวกับปลอบประโลม “นี่คือสามีของข้า” เหยาซูกล่าวกับชายตรงหน้าอย่างเย็นชา “ท่านนายอำเภอ หากไม่มีเรื่องอะไรแล้วข้าน้อยขอตัว”
นายอำเภอเห็นนางกำลังจะจากไปจึงรีบพูดขึ้นว่า “เฮ้ เดี๋ยวก่อน!”
“มีอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”
ใบหน้าอันงดงามของเหยาซูชะงักค้าง ดวงตาที่เต็มไปด้วยโทสะและแววเย็นชาราวน้ำแข็งทำให้นายอำเภอรู้สึกหนาวเหน็บ
ในหัวของเขาเต็มไปด้วยภาพเมื่อหลายเดือนก่อนที่เขาเห็นเหยาซู เมื่อเปรียบเทียบกับวันนี้ เขารู้สึกว่าในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา สาวงามดูขาวผ่องขึ้นไม่น้อย รูปร่างของนางก็ยิ่งงดงามมากขึ้นหลายเท่าตัว
“ฮี่ๆ อย่าเพิ่งรีบร้อนไป…สามีของเจ้ามาแล้วจะทำไมล่ะ?”
เขาไม่ปิดบังความหื่นกระหายในดวงตาของเขาอีกต่อไป คำพูดหยาบคายนี้เป็นเพียงการหยอกล้ออย่างโจ่งแจ้ง เมื่อรู้สึกถึงแรงมือของเหยาซูที่ค่อย ๆ กระชับขึ้น หลินเหราจึงอดกลั้นไว้ไม่อยู่ เขาไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไป ทันใดนั้นก็ยกขาขึ้นแล้วถีบนายอำเภอเหยา ทำให้อีกฝ่ายกระเด็นออกไปไกล “หุบปากเหม็น ๆ ของเจ้าซะ”
หลังจากจัดการกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า หลินเหราจึงใช้มือซ้ายจับที่หลังมือของเหยาซู ปลดมือนางออก จากนั้นเขาสาวเท้าก้าวไปหานายอำเภอเหยาทีละก้าว
นายอำเภอเหยาเดิมทีก็ผอมแห้งอยู่แล้ว พอถูกโดนถีบก็กระเด็นเหมือนว่าวสายป่านขาด หลินเหราใช้แรงเพียงสามส่วนเท่านั้น แต่นายอำเภอกลับล้มลงกับพื้นร้องโอดครวญ ‘โอ๊ย ๆ’ ไม่หยุดเสียแล้ว
หลินเหราหยิบถ้วยชาขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วใช้มือข้างเดียวบีบถ้วยจนแตกละเอียด จากนั้นใช้สองนิ้วคีบเศษถ้วยชาแล้วก้าวเข้าไปหาชายที่นอนคร่ำครวญอยู่บนพื้น
เสียงอึกทึกคึกโครมในโรงน้ำชาราวกับถูกกดปุ่มหยุดชั่วคราว ทำให้เกิดความเงียบงันชั่วขณะหนึ่ง
เสียงของเขาแหบแห้ง ดวงตาจ้องมองอีกฝ่ายราวกับผีร้ายที่ปีนขึ้นมาจากขุมนรก ทุกย่างก้าวล้วนเหยียบย่ำลงหัวใจทุกคนที่พบเห็น “หากเจ้าไม่รู้ว่าจะทำให้ปากสะอาดได้อย่างไร ข้าจะตัดลิ้นของเจ้าแทน”
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มายุ่งกับภรรยาของอาเหรานี่คือไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่ไหมคะท่านนายอำเภอ
แต่หวาดเสียวมือมากค่ะ ทำไมต้องบีบถ้วยแตกให้เจ็บมือด้วย
ไหหม่า(海馬)