ตอนที่ 123 วิถีศักดิ์สิทธิ์เซียนเทียน

เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ

หัวใจเทาด้านสีขาวเริ่มเต้นกระหน่ำสะท้าน สังขารหุ้มกระดูกของมัน หนังมัมมี่ผีตายแห้งอันบางเฉียบ อีกเส้นสายใยเดียวก็จะถูกกระดูกแทงทะลุออกมาแล้ว

การรอคอยการกลืนร่างของมัน รอมาจนถึงวันนี้ นับว่ารอคอยจนแทบทนไม่ไหว ในใจเหมือนมีแมวกางเล็บตะกุยกรีดกระชาก รอจนมันแทบเป็นบ้าไปแล้ว

” ความหมายที่แท้จริงของเคล็ดหมื่นมารทมิฬ เจ้ายังไม่อาจมองทะลุได้ เข้ามาใกล้ๆ แล้วนั่งลงขัดสมาธิข้างๆ ข้า ข้าจะถ่ายทอดความหมายภายในให้เจ้าเอง”

เฒ่าเสียเยว่สะกดน้ำเสียงของมันสุดระงับ บังคับเสียงที่ฟังดูอ่อนโยนชิดใกล้ที่สุดในชีวิตของมันออกมา

ฉินจิ่วเกอตอบรับในลำคอคำหนึ่ง ตัวมันยามนี้หลังชนฝา คงต้องพึ่งพาโชควาสนาแล้ว!

ศิษย์น้องรองเอ๋ย ศิษย์พี่ใหญ่เองก็คิดเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่ดี แต่หากวีรบุรุษต้องพลีชีพในวันนี้ เจ้าต้องล้างแค้นให้ข้าให้ได้นะ!

ฉินจิ่วเกอนั่งขัดสมาธิลงที่ตรงหน้าของเฒ่าเสียเยว่ ดูราวกับบรรพชนนั่งถกสนทนาธรรม

เพียงแต่คนทั้งคู่กลับมีบางอย่างที่ไม่อาจผสานเข้ากันได้ คล้ายกับความมืดมิดที่อัคคีไฟไม่อาจส่องให้สว่าง เป็นความมืดอันนิรันดร์

“ตอนนี้ ข้าจะถ่ายทอดเนื้อแท้ของหมื่นมารทมิฬแก่เจ้า ทั้งยังเป็นแก่นแท้ของการฝึกวิชาปีศาจอีกด้วย” เฒ่าเสียเยว่ขยับกระดูกขาวบนร่าง สังขารเก่าโทรมนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายที่มันได้ใช้แล้ว

“ว่ามาเถอะ” ฉินจิ่วเกอในใจบีบรัดเขม็งเกร็ง ผนึกปางฝ่ามือหยก โคจรเคล็ดวิชาชื่อยาวเป็นหางว่าวสะกดไอพลังปีศาจเอาไว้

“ย้อนทวนใต้หล้ายิ่งใหญ่ไพศาล สามารถช่วยให้เจ้าบรรลุมหาวิถีเทพศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสามารถใช้ และสามารถพิฆาตทำลาย!” โครงกระดูกของเฒ่าเสียเยว่กระจัดกระจายเต็มพื้น ประกายแสงลูกหนึ่งลอยออกมาจากหว่างคิ้วของมัน นั่นคือร่างย่อส่วนของมนุษย์

แกนวิญญาณเมื่อออกมา สามารถท่องไปทั่วทั้งปรภพและดินฟ้า ทั้งสามารถหยิบยืมร่าง กลืนกินกำเนิดใหม่

เมื่อมองเห็นร่างมนุษย์ขนาดย่อส่วนประมาณฝ่ามือลอยออกมา ฉินจิ่วเกอก็ทราบทันทีว่านั่นคือแกนวิญญาณของเฒ่าเสียเยว่แน่แล้ว

ขอเพียงแกนวิญญาณของมันแหลกสลาย ต่อให้อัญเชิญต้าหลัวจินเซียนออกมาก็ไม่อาจชุบชีวิตได้

และหากแกนวิญญาณถูกทำลายอย่างหมดจด ต่อให้อัญเชิญผู้ศักดิ์สิทธิ์มาถึง ก็ไม่อาจจับมันยัดคืนสังสารวัฏได้

“สิงร่าง?” ฉินจิ่วเกอแลบลิ้น ขอให้เป้าหมายของตาแก่นี่ไม่ใช่ตัวมันเถอะ

“แน่นอน เด็กน้อย รอจนข้ากลืนกินหมดสิ้น ข้าก็จะใช้ร่างกายของเจ้าดำเนินชีวิตสืบต่อไป นับแต่วันนี้ ฟ้าดินย่อมไม่มีเสียเยว่อีก มีเพียงเจ้า! ความปรารถนาในใจของเจ้า ข้าจะเป็นคนรับสืบทอดต่อให้เอง!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฉินจิ่วเกอระเบิดหัวเราะออกมา ในเสียงหัวเราะแฝงความมืดหม่น “ข้าอาศัยการกลืนร่างมาถึงโลกใบนี้ เจ้ายามนี้คิดกลืนร่างข้า ไม่คิดว่าน่าขันยิ่งหรอกหรือ?”

“เพ้อเจ้อ” เฒ่าเสียเยว่ตัวเท่าฝ่ามือไม่แยแสเรื่องไร้สาระอื่นอีก แกนวิญญาณของมันล่องลอยอยู่ท่ามกลางไอปฐพีอันหนาหนักเข้มข้น สามารถสลายหายไปได้ทุกเมื่อ

“เจ้าในยามนี้ควบกลั่นหลิงไถแล้ว เอาร่างของเจ้ามาให้ข้าซะเถอะ!” เสียงเพี๊ยะคราหนึ่ง ฉินจิ่วเกอตวัดสองมือประกบเข้าหา คิดตบยุง

ชายหนุ่มตบไม่ถูก แกนวิญญาณของเฒ่าเสียเยว่เข้าสู่กลางหว่างคิ้ว ดิ่งเข้าไปในกึ่งกลางสมองของฉินจิ่วเกอ

หลิงไถ คือสถานที่บรรจุพลังจิต ทั้งยังเป็นที่ดำรงคงอยู่ของสติสัมปชัญญะ

เมื่อพลังจิตแข็งแกร่งขึ้นถึงระดับหนึ่ง จึงสามารถควบกลั่นแกนวิญญาณที่มีขนาดเล็กจ้อยยิ่งกว่าทารก นั่นจึงเป็นการดำรงคงอยู่ที่สำคัญที่สุดของผู้ฝึกตน

เฒ่าเสียเยว่ไม่อาจอดทนรอได้อีก มันพุ่งเข้าตำแหน่งกลางหน้าผาก ถลาเข้าสู่หลิงไถหยกเจิดจ้าอย่างเร็วรี่

หลิงไถเจิดจรัส หมื่นแปลงธรรมชาติ สรรพสิ่งรวมเป็นหนึ่ง สรรค์สร้างเซียนเทียน

มีหลิงไถ ภูมิปัญญาของผู้ฝึกตนจึงยิ่งถูกยกระดับขึ้นมหาศาล

ไม่ว่าด้านความทรงจำ ยังมีการหยั่งรู้กฎเกณฑ์ธรรมชาติ เคล็ดวิชา ทักษะยุทธ์นานา ล้วนถูกยกระดับขึ้นสู่สภาวะเซียนเทียนของทารกแรกกำเนิด

” โลกแห่งหลิงไถอันไพศาลนัก!” เฒ่าเสียเยว่คาดไม่ถึง ฉินจิ่วเกอจะมีหลิงไถอันกว้างขวางปานนี้ นั่นเป็นดั่งอาณาเขตแห่งห้วงจิต ในขอบเขตระดับชั้นเดียวกันไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้ ห่างไกลไม่เห็นฝุ่น กว้างเวิ้งว้างจนสุดบรรยาย

“เด็กน้อยนี้คุณสมบัติยอดเยี่ยมยิ่ง เราผู้เฒ่าเลือกไม่ผิดจริงๆ!”

“ฮี่ฮี่ พรสวรรค์ของข้าไม่ดี ที่บรรลุพิสุทธิ์ไพศาลได้ล้วนเป็นโชคนำพาทั้งสิ้น แต่เจ้าในเมื่อเข้ามาแล้ว ก็อย่าได้ออกไปเลย!” ปิดกั้นหลิงไถเซียนเทียน ฉินจิ่วเกอรวมรั้งพลังที่จุดศูนย์ ผนึกเจ็ดทวารด่านทั้งห้าหมดสิ้น

ทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงยามหายใจหยุดชะงัก ฉินจิ่วเกอเข้าสู่สภาวะดับฌาน ห้วงสติมุ่งอยู่ที่หลิงไถ

“ประหลาดจริง” เฒ่าเสียเยว่ค้นพบความผิดปกติ ภายในหลิงไถของฉินจิ่วเกอกลับปราศจากทารกแกนวิญญาณ หากแต่มีมหาพฤกษายืนอยู่ตรงศูนย์กลางต้นหนึ่ง

ทารกแกนวิญญาณ คือร่างมูลฐานของแกนวิญญาณ ผู้ฝึกตนทั่วไปยามเปิดด่านหลิงไถแล้ว ย่อมต้องมีทารกวิญญาณอยู่ใจกลางหลิงไถ

ณ เวลานั้น ทารกวิญญาณจะยังมิอาจออกจากร่าง เป็นเช่นเดียวกับทารกทั่วไป จำต้องถูกดูแลบ่มเพาะ

“นั่นย่อมแน่นอน” แม้แต่ตัวฉินจิ่วเกอเองก็ไม่เข้าใจ ไฉนตัวมันดันไม่มีทารกวิญญาณ แต่กลับงอกต้นพฤกษาเข้ามายึดครองรังทารกแทนได้เล่า

แกนวิญญาณขนาดฝ่ามือของเฒ่าเสียเยว่หันรีหันขวาง เหินบินเร็วรี่ข้ามพื้นที่นับร้อยเมตรของหลิงไถรอบหนึ่ง “เป็นไปได้ยังไง แกนวิญญาณของเจ้าเล่า ทำไมไม่มีล่ะ!”

เมื่อคิดกลืนกินอีกฝ่าย สิ่งแรกที่ต้องทำคือทำลายวิญญาณและสำนึกของอีกฝ่ายซะ ซึ่งนั่นก็คือทารกวิญญาณนั่นเอง ที่ยิ่งทำให้เฒ่าเสียเยว่ต้องตกตะลึงตาค้าง ก็คือฉินจิ่วเกอมิได้ซุกซ่อนทารกวิญญาณของตนเอง หากแต่มันไม่มีตั้งแต่แรกต่างหาก!

“ฮ่าฮ่า ตาแก่ กล้ามีเจตนาร้ายต่อเรานายน้อย ตอนนี้เจ้าเมื่อเข้ามา อย่าหวังจะได้กลับออกไป ข้าจะขังเจ้าให้ตายอยู่ในหลิงไถของข้า ดูซิว่าเจ้าจะทำยังไง!”

“น่าขัน” เฒ่าเสียเยว่ไม่ร้อนรน แกนวิญญาณลอยอยู่กลางอากาศ “เราผู้เฒ่าคือแกนวิญญาณกฎสรรพสิ่ง แม้พลังไม่ถึงหนึ่งในสิบ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะควบคุมได้”

“เจ้าไม่สามารถบังคับใช้กฎเกณฑ์ได้ ทั้งหมดล้วนอาศัยพลังคอยค้ำจุนเท่านั้น อวดโอ่ทำอะไร?” ฉินจิ่วเกอปรารถนาเรียกสี่ประมุขลงมาช่วยเหลืออย่างยิ่ง ทว่าเกรงว่าสี่ประมุขเมื่อลงมือ จะมุ่งเน้นแต่การจู่โจมต่อยตีด้านกายเนื้อกับเฒ่าเสียเยว่

“งั้นก็มาลองดู!” เฒ่าเสียเยว่ระเบิดโทสะ คิดทำลายล้างหลิงไถตารางนิ้วของฉินจิ่วเกอ พลังจิตมหาศาลทะลวงผ่านความว่างเปล่า คิดโจมตีหลิงไถให้แหลกสลาย

“สะกด!” ฉินจิ่วเกอแยกเขี้ยวยิงฟัน ควบคุมบังคับมหาพฤกษาต้นมหึมาในหลิงไถ กดทับเข้าใส่อีกฝ่ายราวเบญจคีรี

“ธาตุไม้!” เฒ่าเสียเยว่แตกตื่นตะลึงลาน เด็กน้อยนี้ฝึกเคล็ดวิชาของตน สมควรมีคุณสมบัติธาตุความมืดจึงจะถูกต้อง

สรรพชีวิตทั้งหลายล้วนมีธาตุ ส่วนธาตุของผู้ฝึกตน ขึ้นอยู่กับเมื่อฝึกเคล็ดกำลังภายในที่เหมาะสมกับตนเองแล้วจึงจะปรากฏชัด

นอกจากธาตุไม้ทองดินลมไฟน้ำสายฟ้า ยังมีธาตุแสงและความมืด ทั้งหมดคือบรรพบุรุษของฟ้าดิน

“พฤกษาสวรรค์ สะกด! สะกดไว้!”

“ไม่เจียมกะลาหัว!” เฒ่าเสียเยว่ได้ยินคำพฤกษาสวรรค์ ต้องถูกทำให้แตกตื่นไปรอบใหญ่

ฟังมาว่าพฤกษาสวรรค์คือธาตุไม้แห่งฟ้าดิน เป็นธาตุไม้ดั้งเดิม คือปฐมบรรพชนของพฤกษาทั้งมวล คือเต๋าแห่งไม้

พฤกษาสวรรค์คือหนึ่งในสมบัติที่บรรพชนวิญญาณควบคุมเมื่อครั้งกระโน้น ยามนี้ถูกเพาะเลี้ยงไว้ในนาวาของผู้เฒ่าเรืองปัญญา เจ้าเด็กนี่ชัดเจนว่าคิดหลอกลวงให้มันเข้าใจผิด

“ตาแก่ เจ้าไม่เชื่อ ก็เข้ามาทดลองดู!”

กิ่งก้านของพฤกษาสวรรค์เมื่อหลอมรวมกับภูติไม้ นับแต่นั้นกอปรไปด้วยวิญญาณและสังขาร อาจเรียกได้ว่าเป็นการถือกำเนิดใหม่ นับเป็นผู้สืบทอดของพฤกษาสวรรค์

มหาพฤกษาหมื่นจั้ง สถิตอยู่ภายในหลิงไถตารางนิ้ว กดทับเข้าใส่แกนวิญญาณของเฒ่าเสียเยว่

ฉินจิ่วเกอปราศจากซึ่งทารกวิญญาณ ทารกวิญญาณของมันก็คือผู้สืบทอดของพฤกษาสวรรค์ต้นนี้ ถูกห่อหุ้มไว้ภายในธาตุไม้ที่ก่อกำเนิดไม่สิ้นสุด

“ทลาย!” ลำแสงความมืดที่บีบอัดแน่นทอดเป็นแนวยาว ทะลวงใส่พลังวิญญาณในหลิงไถ เกิดระลอกกระเพื่อมไหวขึ้นสามชั้น แผดผลาญบนลำต้นไม้ใหญ่

ซ่าซ่า

มหาพฤกษาสั่นเขย่า ใบไม้ลุกไหม้ ทิ้งรอยเผาไหม้ขนาดเท่าฝ่ามือ ควันลอยกรุ่น

“แทง!”

ฉินจิ่วเกอบังคับหมื่นมารทมิฬรวบรวมไอพลังปีศาจในทะเลดวงจิต ทิ่มแทงสังหารเข้าใส่แกนวิญญาณเฒ่าเสียเยว่

ขณะเดียวกัน มหาพฤกษาที่ค้ำจุนหลิงไถจากการล่มสลาย กลับร่วมส่งพลังจิตมหาศาลให้แก่ฉินจิ่วเกอ

พลังจิตนี้ เพียงสามารถควบคุมใช้ออกได้ภายในหลิงไถของฉินจิ่วเกอเท่านั้น

ภายในหลิงไถ ฉินจิ่วเกอคือจ้าว สยบยอมคล้อยตามต่อเจตนารมณ์ ทุกสิ่งย่อมต้องเป็นไปตามบัญชา!

” น่าขัน หมื่นมารทมิฬของเจ้า ยังไงก็เป็นข้าที่ถ่ายทอดให้ วันนี้ ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่า อันใดที่เรียกว่าผู้ฝึกวิชาปีศาจที่แท้จริง!”

แกนวิญญาณของเฒ่าเสียเยว่พ่นไอทมิฬที่กัดกร่อนทุกสรรพสิ่งออกมาทันใด อัญเชิญพลังอาฆาตจากหมื่นล้านวิญญาณพยาบาท พร้อมกันนั้นขับเคลื่อนไอพลังปีศาจจากเคล็ดวิชาปีศาจชั้นเจตนารมณ์ฟ้า สามพลังรวมเป็นหนึ่ง ทะลุซึ้งถึงความมืดมิด ระเบิดพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งมิติหลิงไถ

แคร่กแคร่ก!

ประกายระยิบระยับวับไหว ประดุจดั่งก้อนศิลาร่วงหล่นลงสู่ผิวทะเลสาบ

ห้วงมิติเริ่มแตกกะเทาะ ถูกกดทับจนกลายเป็นเถ้าธุลีปลิวเวียนว่อน พื้นที่ที่เคยมองเห็นในกรอบสายตาหดแคบลงเรื่อยๆ ดวงดาราบนห้วงจักรวาลในหลิงไถหม่นหมองอับแสง หากมิใช่เป็นเพราะมหาพฤกษาที่อัดแน่นด้วยธาตุไม้ค้ำจุนไว้ไม่หยุดยั้ง ฉินจิ่วเกอคงได้เดินทางสู่ปรโลกไปแล้ว

การทลายหลิงไถ ไม่ต่างจากทลายรังของศัตรู เป็นความเคลื่อนไหวถึงชีวิตสำหรับผู้ฝึกตน

การโจมตีของเฒ่าเสียเยว่นี้ หากเป็นผู้ฝึกตนทั่วไป ต่อให้เป็นระดับแหวกชำระกายา ยังไม่อาจรับมือได้

“บ่อเก่าใส่น้ำลึก ไร้ระลอกก่อกวน!”

เสียเยว่คุ้นเคยและหยั่งรู้หลักการที่แท้จริงของวิชาปีศาจ อันที่จริง บรรดาที่เรียกว่าไอมรณะ ไอพยาบาท ไอปีศาจ ไอมุ่งร้ายทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น พลังทำลายล้างของมันนับเป็นอันดับสอง

ที่สำคัญจริงๆ ก็คือการสร้างความแตกตื่นหวาดกลัวและกดดันแก่จิตใจของคู่ต่อสู้ นั่นจึงอันตรายถึงชีวิต

ฉินจิ่วเกอสงบจิตใจ รักษาจิตอันแจ่มใส จึงไม่ถูกพลังด้านลบทั้งหลายโจมตีจนขวัญวิญญาณกระเจิดกระเจิง

“ไป!”

ฉินจิ่วเกอเรียกบรรทัดตารางนิ้วออกมาสู้ศึก บรรทัดวิเศษยืดขยายยาวนับร้อยจั้ง พาดขวางหลิงไถราวสะพานเชื่อมสวรรค์ ฟาดเข้าใส่แกนวิญญาณของเฒ่าเสียเยว่

เงาบรรทัดซ้อนทับกันอันแล้วอันเล่า ราวใบไม้ร่วงร่ายระบำเต็มท้องฟ้า

เฒ่าเสียเยว่ยามนี้ปราศจากพลังกฎเกณฑ์ เพียงอาศัยพลังวิญญาณที่สั่งสมในร่าง มารเสียเยว่นั่งที่นั่งแขกเหรื่อ ฉินจิ่วเกอยึดที่นั่งผู้เหย้า เจ้าบ้านขยับแขกเหรื่อเคลื่อนไหว ทว่ากลับถูกพลิกสถานะกลายเป็นแขกเหรื่อแทนที่ บรรทัดตารางนิ้วแทบถูกทุบทำลายเป็นเศษฝุ่นไป

“ยังมีความสามารถใด งัดเอาออกมาให้หมดเถอะ!” ยามที่เฒ่าเสียเยว่ถ่ายทอดเคล็ดวิชาหมื่นมารทมิฬแก่ฉินจิ่วเกอ มันเองก็ลอบตรวจสอบร่างกายของเด็กน้อยนี้ไปด้วย

ทักษะยุทธ์ ศัสตรา พรสวรรค์

ทว่า หนึ่งเดียวที่เฒ่าเสียเยว่ไม่เห็น ก็คือผลอู๋เลี่ยงสดและกิ่งพฤกษาสวรรค์

ประการที่สอง คือหลังจากฉินจิ่วเกอรับถ่ายทอดเคล็ดวิชาปีศาจมาแล้ว ก็ได้รับถ่ายทอดเคล็ดวิชาลับมา มันเองก็ไม่อาจจับสังเกตได้

“บนโลกหล้าฟ้าดิน ร่างของเฉียนคุน (จักรวาล) แรกเริ่มไร้ซึ่งทิศทั้งแปด** ไม่มีความไร้ ไม่มีด้านทั้งหก เซียนเทียนหงเหมิง จักรวาลสีสัน; ราชันศักดิ์สิทธิ์และเหลี่ยมกลม จึงกลายเป็นเต๋า!”

“นี่เป็นบทสวดอันใด?” เฒ่าเสียเยว่เมื่อสามารถหยั่งรู้กฎเกณฑ์ แน่นอนว่าย่อมฟังถ้อยคำเหล่านี้ออก นี่เพียงเป็นคำสั้นๆ ไม่กี่คำ หากแต่อรรถาธิบายจักรวาลและกำเนิดแตกดับ มิใช่สิ่งที่เคล็ดหมื่นมารทมิฬจะสามารถมีได้!

ปฐมบรรพชนทั้งบนล่างสี่ทิศ ที่มาของสรรพชีวิตและเทพศักดิ์สิทธิ์ การกำเนิดและดำเนินของจักรวาล นั่นก็คือเต๋า ยามแห่งเต๋าไร้ซึ่งหยินหยาง จักรวาลไร้แสงและกาลเวลา ไม่มีอันใดเรียกว่ามี ไม่มีอันใดไม่สามารถไขว่คว้าและสละละทิ้ง

อยู่ ณ ที่นั้น และก็ไม่อยู่ ณ ที่นั้น ไม่ขึ้นอยู่กับมันตั้งครรภ์กำเนิด ทั้งไม่ขึ้นอยู่กับมันจึงเติบโต***

“หมื่นมารทมิฬมีอันใดยอดเยี่ยม ลองเคล็ดสุวรรณกายาราชันแสงไร้เคลื่อนไหวเทพมังกรผลึกม่วงปลอดโปร่งสบายของข้าดู! *” แค่กแค่ก ฉินจิ่วเกอเกือบขาดใจตายกว่าจะเอ่ยจบคำ

“บ้าๆ บอๆ ข้าใช้ไอปีศาจทำลายร่างของเจ้าเลยแล้วกัน!”

“แรกเริ่มจักรวาล ห้วงแห่งปฐมกาลแม้แต่พลังวิญญาณยังไม่ถือกำเนิด ไม่มีสิ่งใดไม่อาจฝึกฝน ไม่มีสิ่งใดไม่อาจช่วงใช้ ความมืดเองก็เป็นหนึ่งในนั้น!”

ฉินจิ่วเกอขับเคลื่อนเคล็ดวิชาลับเป็นหลัก ตามติดด้วยเคล็ดหมื่นมารทมิฬที่สามารถดูดซับธาตุพลัง ฉินจิ่วเกอยึดหลิงไถให้มั่นคง พลิกเป็นฝ่ายจู่โจม

เคล็ดวิชาลี้ลับลึกซึ้งถูกใช้ออก มหาพฤกษาฝังรากยืนหยัดในหลิงไถมั่น ให้โอกาสฉินจิ่วเกอสูบไอปีศาจอันพร่าเลือนอย่างเต็มที่

“พิษพิฆาตราชัน!”

ไอปีศาจทะลักทลาย สรรพชีวิตล้วนตกตาย

ประกายระยิบระยับดุจอัญมณีภายในหลิงไถเริ่มจืดจางลง กลายเป็นประกายผลึกดำทั้งแผ่นผืน แสงสว่างใสบริสุทธิ์จับตาเริ่มเลือนรางสลาย ถูกเจือจางจนเหมือนหินด้านก้อนหนึ่ง

“ตาแก่ ข้าจะดูดกลืนเจ้าให้วิญญาณสลายเอง!”

————————

*ชื่อเดิมของวิชาพระเอกคือ เคล็ดวิชาสุวรรณกายาราชันแสงเทพมังกรผลึกม่วงปลอดโปร่งสบายไร้เคลื่อนไหว

จากตอนที่ 120 ฉินจิ่วเกอเคราะห์ดีได้ไอพลังสีม่วงเข้าช่วยกระตุ้นกิ่งพฤกษาสวรรค์จนรอดมาได้ ตัวเองรำพึงว่าที่จริงชื่อคัมภีร์ต้องแบ่งออกเป็นสามท่อน ซึ่งก็คือ ปลอดโปร่งสบาย เป็นท่อนที่หนึ่ง ส่วนอีกสองท่อนยังไม่เฉลยว่าเว้นวรรคตรงที่ใดและมีความหมายอย่างไร

ดังนั้น ขอเปลี่ยนชื่อคัมภีร์เทพของพระเอกเป็น “เคล็ดสุวรรณกายาราชันแสงไร้เคลื่อนไหวเทพมังกรผลึกม่วงปลอดโปร่งสบาย” แทนนะจ๊ะ

** เรื่องนี้ปรัชญาเต๋าเยอะมากจริงๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนามธรรมที่เข้าใจยาก

ทิศทั้งแปด คือเหนือใต้ออกตก ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือ

ด้านทั้งหก คือ บนล่างซ้ายขวาหน้าหลัง

ท่านที่สนใจอาจต้องไปหาอ่านเพิ่มเติม เช่น หงเหมิง ตามตำนานการกำเนิดจักรวาลของจีน หมายถึงภาวะก่อนกำเนิดสรรพสิ่ง ในห้วงโกลาหลมีเพียงกลุ่มก้อนสสารแสงสีม่วงล่องลอยในความมืดมิด จวบกระทั่งผานกู่เบิกฟ้าแยกแผ่นดิน โลกจึงถือกำเนิดขึ้น

เซียนเทียน ในนิยายเรื่องนี้ แบ่งออกเป็นเซียนเทียน (ก่อนฟ้า) จงเทียน (กลางฟ้า) โฮ่วเทียน (หลังฟ้า) ผู้เขียนเคยบรรยายไว้ว่าหมายถึงยุคที่แตกต่างกัน จากยุคที่มนุษย์ยังไม่มีจารีต ไม่มีอารยะ (เซียนเทียน) จนมาถึงโฮ่วเทียน คือเริ่มมีองค์ความรู้ ถึงขั้นใช้พลังวิญญาณ ขัดเกลาวิญญาณจนเหาะขึ้นเหนือสวรรค์ได้

สิ่งที่อยากจะบอกคืออย่าซีเรียสกับเรื่องลำดับเวลาหรือชื่อเรียกแต่ละยุคในเรื่องจนเกินไป เพราะมันเป็นตำนานเต๋าที่แม้แต่ของจีนเองก็ยังไล่ลำดับเวลาและชื่อเรียกที่ไม่เหมือนกัน ค่อยๆ โน๊ตเอาไว้แล้วไล่เรียงเป็นไทม์ไลน์เฉพาะตัวของเรื่องนี้จะดีกว่า ซึ่งผู้แปลเองก็แปลจนงงไปหมดแล้ว ว่างๆ คงได้มานั่งไล่ดู

*** ไม่ขึ้นอยู่กับมันตั้งครรภ์กำเนิด ทั้งไม่ขึ้นอยู่กับมันจึงเติบโต ตรงนี้ในต้นฉบับใช้ ‘它’ ที่แปลว่ามัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร อาจจะมีเฉลยทีหลัง หรืออาจจะเป็นปริศนาเต๋าให้เดากันก็เป็นได้