ตอนที่ 124 ปิยวาจาคราใกล้ดับ

เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ

ในฐานะเจ้าเรือนแห่งมิติหลิงไถ ฉินจิ่วเกอเพิกเฉยต่อผลกระทบในแง่ลบที่เกิดจากไอปีศาจ ใช้เคล็ดปีศาจดูดซับกระแสพลังทุกชนิดเข้าสู่ร่างทันที

นั่นรวมถึงไอปฐพีขุ่นข้นที่ยังไม่ผ่านการชะล้างด้านนอกด้วย ทั้งหมดผลุบหายเข้าจุดตันเถียนของมันไป ก่อนจะเกิดเป็นกระแสพลังชีวิตอันสม่ำเสมอที่คอยค้ำจุนพลังงานที่พฤกษาสวรรค์ใช้ไป

“ทลาย! ”

สะพานเชื่อมโยงที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นพลันต้องเสียสมดุลไปพร้อมกับเสียงตวาดของเฒ่าเสียเยว่

“พูดตามตรง วิธีการของเจ้าอยู่เหนือความคาดหมายของข้าโดยแท้ แต่ยามอยู่ต่อหน้าพลังอันเบ็ดเสร็จ ลูกไม้เหล่านี้ล้วนเปล่าประโยชน์! ”

กระแสวายุมังกรคลั่งพลันกวาดกระหน่ำอยู่ในหลิงไถ กระชากทำลายประกายวิญญาณไปอย่างเฉียบพลัน

เปลี่ยนไอวิญญาณเซียนเทียนอันบริสุทธิ์แปรสภาพเป็นป่าหยินวิญญาณร้าย ผู้บงการหลิงไถก็เป็นอันต้องเปลี่ยนมืออีกครา มาตกอยู่ในมือของเฒ่าเสียเยว่

“สารเลว! ” ถึงแม้จะเป็นพลังหนึ่งในพันส่วนของกฎสรรพสิ่ง พลังวิญญาณระดับนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่พิสุทธิ์ไพศาลอย่างมันจะไปเทียบเทียมได้

ฉินจิ่วเกอต่อให้มีวิธีอันแยบยลเพียงไร แต่ก็จนใจที่พลังฝีมืออ่อนโทรมเปราะบางเกินไปมาก

“แก่แล้วไม่เจียมสังขาร! ”

กระตุ้นศักยภาพแฝงภายในร่าง ฉินจิ่วเกอก็ย่อยสลายผลอู๋เลี่ยงไปอีกหนึ่งลูก ในใจคล้ายถูกมีดแทงจนเหวอะหวะ อีกนิดเดียวก็จะขาดใจตาย

การโด๊ปยาเช่นนี้ ย่อมไม่สำแดงประสิทธิภาพทางยาของผลอู๋เลี่ยงออกมาได้หมด

แต่ทำเช่นนี้ ยังพอจะช่วยให้ไม่ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำไปมากกว่านี้ และยังเยียวยาหลิงไถได้อีกด้วย

นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่ได้ผลอู๋เลี่ยงไปครองล้วนแล้วแต่ไม่มีใครกล้าไหนที่นำมารับประทานเหมือนกำลังยัดผลไม้ป่าเข้าปากเช่นนี้มาก่อน

ฤทธิ์ยาของผลอู๋เลี่ยงแสดงผลออกมาได้กึ่งหนึ่ง แต่ก็ชะลอการจู่โจมของเฒ่าเสียเยว่และกักขังอีกฝ่ายไว้ในหลิงไถจนไม่อาจทำอย่างไรได้ชั่วขณะ ส่วนฤทธิ์ยาที่เหลืออีกแขนงใหญ่ล้วนถูกไอม่วงในจุดตันเถียนดูดกลืนไปสิ้น บันดาลให้ฉินจิ่วเกอต้องเกิดโทสะจนตาแทบถลน

“ไฉนจนป่านนี้ยังเงียบหายอยู่อีก? ” นอกปากหลุม สี่ประมุขเฝ้ารอจนผมเผ้าหงอกขาวหมดแล้ว

เฒ่าเสียเยว่และฉินจิ่วเกอต่างเงียบหาย ส่งผลให้พวกมันต้องใจตุ้มๆ ต่อมๆ จนอยู่ไม่สุข คิดเข้าไปดูก็ไม่กล้า ได้แต่เดินวนไปเวียนมาอยู่ด้านนอก

“รออีกหน่อย รออีกหน่อย”

“ที่เจ้าเฒ่าสวะนั่นเรียกมันลงไป ใช่ว่าจะฆ่ามันเสียอย่างเดียวที่ไหนกัน ในเมื่อยันต์หยกยังเงียบหาย พวกเราก็รอดูต่อไปอีกหน่อยเถอะ”

“ก็คงได้แต่ทำเช่นนี้แล้ว……”

ภายในพื้นภูมิ ฉินจิ่วเกอโมโหโทโสยิ่ง

ผลอู๋เลี่ยงอันเป็นสมบัติล้ำค่าสุดแสน กลับใช้ไปแล้วถึงสองลูก ซ้ำร้ายฤทธิ์ยายังถูกโจรร้ายขโมยไปเสียเป็นส่วนใหญ่ โหดร้ายเกินไปแล้ว!

“เด็กอันประเสริฐ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นผลอู๋เลี่ยงในตำนาน เจ้าไปเยือนนาวาเรืองปัญญามาแล้ว ยังฝ่าด่านได้อีกด้วย!”

อาศัยเพียงฤทธิ์ยาส่วนเดียว กลับขัดขวางตนเองได้ เฒ่าเสียเยว่ย่อมกระจ่างว่าวัตถุนั้นคือสิ่งใด

สมบัติที่เพิ่มอายุขัยได้พันปี มันย่อมเคยถวิลหา แต่ก็ทำได้แค่ฝัน

แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กนี่ได้มาผลหนึ่ง มันจะเกินไปหน่อยแล้ว!

“ฮ่าฮ่า สังขารนี้กำลังจะเป็นของข้า นี่ย่อมเป็นของขวัญฟ้าประทานแน่” เฒ่าเสียเยว่ที่ไม่เคยเชื่อฟ้าสวรรค์มาก่อน แต่ตอนนี้กลับตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าสวรรค์เบื้องบนได้มอบของขวัญลงมาให้จริงๆ

“เฒ่าสวะ คิดกลืนร่างปู่น้อยคนนี้ เตรียมฟันปลอมเอาไว้แล้วหรือยังล่ะ ประเดี๋ยวฟันกระต่ายเจ้าจะแตกร่วงหมดปากก่อน! ”

ฉินจิ่วเกอด่ายับ ฉวยโอกาสที่เฒ่าเสียเยว่กำลังติดพัน เริ่มมองหาทางออก

ผลอู๋เลี่ยงยังเหลืออยู่อีกห้าผล ต่อให้กินจนหมดก็ทำได้แค่ยื้อเวลาเฒ่าเสียเยว่อีกระยะหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้พลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย

มีแต่ไอม่วงสายนั้นในจุดตันเถียนแล้ว

ตอนประสานพฤกษาสวรรค์และภูติไม้ ไอม่วงถือว่ามีบทบาทสำคัญยิ่ง ดังนั้นนี่จึงเป็นไพ่ตายเพียงหนึ่งเดียวของมัน!

อับจนหนทางอื่น ฉินจิ่วเกอจึงได้แต่พยายามสื่อสารกับไอม่วงด้วยสภาพจิตที่คิดปลุกม้าตายให้กลายเป็นม้าเป็น เขมือบฤทธิ์ยาส่วนใหญ่ไปจากผลอู๋เลี่ยงทั้งสองก็แล้ว แต่ไอม่วงในจุดตันเถียนก็ยังหัวสูง ไร้ปฏิกิริยาตอบรับโดยสิ้นเชิง

ฉินจิ่วเกอไม่ได้เจอใครที่ปฏิบัติกับมันเช่นนี้มานานแล้ว จากที่ผ่านมา พวกที่กล้าทำท่าทีเช่นนี้กับมันล้วนไม่มีจุดจบที่ดีสักราย

“นี่เจ้าจะเอาอย่างนี้จริงๆ ? ทั้งกินทั้งอาศัยอยู่ในตัวปู่คนนี้ แต่ปู่เจ้าก็ไม่ได้คิดค่ากินค่านอนถูกไม่ถูก? มาตอนนี้ปู่เจ้ากำลังเดือดร้อน เจ้าจะหัวหดทำอะไร ยังไม่รีบออกมาช่วยข้า! ”

ไอม่วงยังคงไม่เหลือบแลฉินจิ่วเกอเช่นเคย อยู่ในตันเถียนอย่างไรก็ยังอยู่อย่างนั้น ไม่สนใจว่ายามนี้ภายในหลิงไถกำลังพลิกฟ้าคว่ำดินเพียงไร

“ไอหยา เกิดข้าเป็นอะไรไป เจ้าเองก็ต้องจบเห่ไปกับข้าด้วย ข้าบอกเจ้าไว้ตรงนี้ เฒ่าสวะที่เรียกเฒ่าเสียเยว่นี่ พันปีไม่อาบน้ำ ถึงตอนนั้นเจ้าจะได้เหม็นตายแน่! ”

ไอม่วงในตันเถียนยังคงเงียบเฉย ไม่สนใจเสียงนกเสียงกา

“เจ้าคิดดูนะ ตาเฒ่านี่นอกจากจะสกปรกโสมมผิดมนุษย์ ยังจิตใจต่ำช้าเลวทราม หากข้าถูกมันกลืนร่าง เจ้าจะหาคนเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างแบบข้าไม่ได้อีกแล้วนะ! ”

ฉินจิ่วเกอใกล้ร่ำไห้อยู่แล้ว เฒ่าเสียเยว่ใกล้จะหลุดจากพันธนาการเต็มทน แต่ตัวมันหมดลวดลายแล้วจริงๆ

หากเปลี่ยนเป็นภายนอก ต่อให้พิสุทธิ์ไพศาลขั้นสูงสุด มันก็ยังกล้าประหัตประหารกันให้ตายไปข้าง

แต่ที่นี่คือหลิงไถ เกิดหลิงไถล่มสลายขึ้นมา ดวงวิญญาณตนก็ต้องกระเจิดกระจายไปด้วย ยิ่งถ้าถูกกลืนร่าง อย่าว่าแต่ไปเกิดใหม่อีกรอบ เอาแค่กลับสู่สังสารวัฏยังไม่เห็นแววเลยด้วยซ้ำ

“ท่านพี่ไอม่วงขา ช่วยผู้อื่นด้วยเถิดหนา” ฉินจิ่วเกอบีบเสียงเล็กเสียงน้อย งัดลูกอ้อนออกมาใช้แบบไม่มีกั๊ก

ตนก็เต้นแร้งเต้นกาขนาดนี้แล้ว สมควรมีปฏิกิริยาบ้างสิ

กลุกกลัก

ไอม่วงที่นิ่งตายมานานพลันเกิดการขยับไหวเล็กน้อย ท่าทางราวกับขยาดสุดแสน

บางทีอาจเป็นเพราะทนรำคาญฉินจิ่วเกอมามากเกินพอ ไอม่วงจึงขยับหมุนวนหัวท้าย จนเกิดเป็นรูปวงกลมแนวตั้งอยู่ในจุดตันเถียน

วงกลมนี้นอกมืดในสว่าง ลักษณะเหมือนปากของกาน้ำ หรือไม่ก็หลุมดำที่มีแสงสว่างหมุนวน ระหว่างความมืดและสว่างเกิดเป็นความกลวง ภายนอกไร้ขอบเขต ภายในไร้ขีดจำกัด

ปากวงกลมสีดำถูกชักนำโดยประกายม่วง ดึงดูดสติของฉินจิ่วเกอเข้าไปภายใน รอจนฉินจิ่วเกอคืนสติ พบว่าตนเองมาถึงห้วงจักรวาลไพศาลลี้ลับผืนหนึ่ง กำลังล่องลอยอยู่กลางสุดเวิ้งว้างแห่งห้วงโกลาหล

มหามรรคาว่างสงัด บางที่นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าห้วงความว่างเปล่าไร้สิ้นสุด ฉินจิ่วเกอสองเท้าเหยียบย่างลงบนไท่ซู (ห้วงความว่างไร้สิ้นสุด) ทั้งนอกใน ประกายแสงระยับห้าหกสีสันแห่งจักรวาลกะพริบวิบวาบ ไม่อาจบ่งบอกบรรยายด้วยวัตถุหรือลักษณะใด

ทันใดนั้น ในส่วนลึกของจักรวาล ปรากฏดาวตกนับล้านล้าน ทุกดวงแผดเผา พุ่งผ่านฉินจิ่วเกอ

สองแขนยกชูขึ้น รูปทรงปรากฏขึ้นตรงหน้า ดาวตกพาดผ่านอาภรณ์ข้างกายฉินจิ่วเกอ ไม่หยุดชะลอลงแม้แต่น้อย

ดาวตกจำนวนนับไม่ถ้วนปลายหางลุกไหม้ยืดยาวขยายออก กรีดเป็นเส้นสายท่ามกลางความมืดมิด มอบสีสันและพลังชีวิตแก่ห้วงจักรวาลอันนิ่งงันไร้ระลอก

ท่ามกลางความไร้ลักษณ์ ฉินจิ่วเกอยื่นยกใจกลางฝ่ามือออก ไล่คว้าจับดวงดารานับพันนับหมื่นที่เหินบินผ่านข้างกาย

ดวงดาราขนาดเท่าผลแตง คล้ายถูกคว้าไว้ในฝ่ามือ แท้ที่จริงทิ้งดวงแสงล่องลอยผ่านระหว่างนิ้วมือ พุ่งผ่านออกไปที่ไกล

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ แน่นอนว่าเป็นพลังแสงสีม่วงนั้นบันดาลขึ้น

ฉินจิ่วเกอไม่ได้ไร้สมอง คัมภีร์เคล็ดสุวรรกายาราชันแสงไร้เคลื่อนไหวเทพมังกรผลึกม่วงปลอดโปร่งสบายนั่น ส่วนแรกของคัมภีร์คือปลอดโปร่งสบาย นั่นมิใช่ยามนี้ที่ตนเองกำลังมองเห็นอยู่หรอกหรือ?

ไร้พันธะไร้ห่วงหา ไร้เกิดไร้ตาย นั่นก็คือปลอดโปร่งสบาย

ความปลอดโปร่งที่แท้จริง ชะตาชีวิตอยู่ในกำมือของตนเอง ไม่ถูกพันธนาการไว้ในห่วงแห่งหยินหยางห้าธาตุ ไม่ถูกจองจำไว้ในห้วงวัฏฏะสงสาร

ประดุจดั่งดวงดาราที่แล่นผ่านข้างกาย ไม่จำเป็นต้องเดินทางตามแนววงโคจรหรือแรงดึงดูดใดๆ

ยื่นมือออกไป คว้ามันเอาไว้

พลังอันไร้รูปชักนำฉินจิ่วเกอ เริ่มต้นทดลองใช้ห้วงความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดแทรกซึมเข้าสู่ดวงดาว ใช้ใจกลางฝ่ามือคว้าจับดวงจิตที่ล่องลอยหลุกหลิกไม่หยุดนิ่ง

ปลอดโปร่งสบาย อันใดจึงเรียกว่าปลอดโปร่งสบาย?

ยามเมื่อฉินจิ่วเกอตั้งใจคว้าจับดวงดาวสีม่วงเจิดจรัสที่ข้ามผ่านปีแสงไร้สิ้นสุด ดวงดาวทะลุผ่านฝ่ามือ หากยังคงรั้งอยู่บนใจกลางฝ่ามือสีแดงอิ่มเอิบชั่ววินาทีหนึ่ง

ชั่วระยะเวลาเพียงหนึ่งวินาทีเท่านั้น ห้วงจักรวาลอันไพศาลแตกสลาย ปรากฏเป็นการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น

ห้วงความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดอันตรธานหาย ผสมปนเปออกมาเป็นสภาวะอันไร้ระเบียบ ซึ่งก็คือห้วงความว่างเปล่าทรงกลมขนาดมหึมา ฉินจิ่วเกอกะเทาะทรงกลมนั้นแหวกเข้าไป กลับคืนสู่ความเป็นจริง

ไอพลังม่วงในตันเถียนของมันสลายหายไปแล้ว ข้ามผ่านปีแสงไร้สิ้นสุดไปเช่นเดียวกัน เข้าสู่ภายในหลิงไถของฉินจิ่วเกอโดยไร้รูป ร่วงหล่นลงสู่มหาพฤกษา

ชั่ววินาทีนี้ ฉินจิ่วเกอคล้ายสามารถสัมผัสหลิงไถของตนเองได้อย่างแท้จริง

นั่นเป็นอาณาเขตของตนเองโดยแท้ ไม่มีผู้ใดสามารถโยกคลอนได้ ภายในอาณาเขตหลิงไถ มันก็คือราชัน ควบคุมบงการทั้งหมดทั้งมวล รวมไปถึงมหาพฤกษาสวรรค์

นิ่งเป็นเทวะ ขยับเคลื่อนเป็นราชัน วิถีราชันหมุนวนอยู่ในใจกลาง

“เจ้าแพ้แล้ว” วาจาเรียบนิ่งสามคำ ทว่าราวกับมหาบรรพตร่วงหล่นลงกดทับใส่เสียเยว่

มิผิด ยามนี้ ตลอดทั้งหลิงไถทั่วทุกตารางนิ้ว ล้วนอยู่ในกำมือของฉินจิ่วเกอทั้งสิ้น

ภายในนั้น มันคือราชัน บงการสรรพสิ่ง

ณ ช่วงก่อนการสลายเลือน เฒ่าเสียเยว่กลับนิ่งสงบราวสายน้ำ “ข้าใคร่รู้จริงๆ เจ้าทำได้อย่างไร การควบคุมบังคับหลิงไถ แม้แต่กลั่นดวงธาตุเองยังไม่อาจกระทำได้ถึงขั้นนี้”

ฉินจิ่วเกอเผยรอยยิ้มเป็นต่อ “ข้าสังเวยความงามและสมบัติของข้าแลกมา เจ้าไม่มีทางเข้าใจหรอก”

“ฮ่าฮ่า เราผู้เฒ่าชาตินี้สังหารคนเป็นผักปลา ผู้ที่ร่วงหล่นในเงื้อมมือเราไม่น้อยกว่าสิบหมื่น ยามนี้กลับต้องมาล่มสลายลงเพราะเรือลำนี้ของเจ้า ช่างไม่อาจทำใจได้จริงๆ!” เมื่อเอ่ยคำไม่อาจทำใจได้ออกมา ในใจของเฒ่าเสียเยว่คล้ายปรากฏโลหิตหยาดหยด

เห็นชัดๆ ว่ามันกำลังจะกำชัยชนะ ใครจะคิดว่าจู่ๆ กลับปรากฏแสงสีม่วงสายหนึ่ง เพียงพริบตาก็ควบคุมตลอดทั้งหลิงไถ เมื่ออยู่ในอาณาเขตของผู้อื่น แกนวิญญาณที่ไร้ร่างเนื้อ ยังมิใช่ว่าอีกฝ่ายบอกกลมเป็นกลม บอกเหลี่ยมเป็นเหลี่ยมหรอกหรือ

” ถ้าไม่ใช่ว่าเจ้ามีเจตนาร้าย เจ้าและข้าอาจสามารถเป็นสหาย ที่จริงคนที่คิดฆ่าเจ้า ไม่เพียงแค่คนของบรรพตสละฟ้าแค่นั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่แท้ตนเองทำผิดพลาดไปที่ใด?”

ฉินจิ่วเกอปราศจากความยินดีหรือโศกศัลย์ ใช้มุมมองผู้อยู่รอบนอกค่อยๆ อธิบายชี้บอก

“ข้าทำผิดไปแล้ว?” แกนวิญญาณสะท้าน ประกายแสงสีแดงแห่งโลหิตดูคล้ายเสียเยว่ที่กำลังร่วงหล่น ร่างเริ่มสลายไปทีละน้อย

ฉินจิ่วเกอผงกศีรษะหนักแน่น “ความสัมพันธ์ระหว่างคนต่อคน ที่สำคัญที่สุดคือความเชื่อใจ ตัวเจ้าแม้แต่ประมุขขุนเขาไม่กี่คนยังไม่อาจเชื่อถือ ไหนเลยจะสามารถก่อตั้งกองกำลังอันใดได้ ให้พวกมันขีดวาดเขตแดนกักขังไว้ ตั้งตนเป็นจ้าว ที่ต้องแบกรับไม่ใช่แค่อำนาจ หากยังมีหน้าที่!”

แกนวิญญาณสั่นสะท้านอยู่ภายในหลิงไถ มันนิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆ กระอักวาจาออกมา “ดูท่าข้าผิดไปแล้วจริงๆ ยามนี้ ข้าเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว เด็กน้อยเจ้ามิใช่คนธรรมดาแน่นอน”

กวาดตามองทั่วหลิงไถ เฒ่าเสียเยว่เอ่ยต่อว่า “ชีวิตข้านี้กระทำความผิดมามากมายเกินไปแล้ว คนที่ชิงชังข้าเพิ่มมากขึ้นมากี่คนล้วนไม่สนใจ แต่ก่อนที่ข้าจะสลายไป ข้าคิดกระทำเรื่องราวบางประการเพื่อเผ่าพิสดารนี้ ขอให้เจ้ารับปากคำขอร้องของข้าด้วย”

“เจ้าคิดให้ข้าดูแลบรรพตสละฟ้า?” ฉินจิ่วเกอเข้าใจความหมายของเฒ่าเสียเยว่

ไม่ว่าศักดิ์ฐานะผู้ฝึกวิชาปีศาจของมัน ชาติกำเนิดของมัน อย่างไรเสียก็คือเผ่าพิสดารที่น่าเวทนา ไม่มีประการอื่นอีก

“ข้าหวังให้เจ้าช่วยดูแลมันให้เจริญรุ่งเรือง ปกปักรักษามันไว้!” เกียรติภูมิสุดท้ายของกฎสรรพสิ่งที่กำลังเลือนสลาย แกนวิญญาณของเฒ่าเสียเยว่ในหลิงไถยืดขยายไม่หยุดยั้ง ค้ำฟ้ายืนปฐพี กระทั่งเข้าสู่จักรวาล

“ข้ามีลางสังหรณ์ หากเจ้ายังอยู่ เจ้าอาจสามารถดูแลมัน กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งนอกเหนือจากมนุษย์มารอสูรได้”

“เรื่องเช่นนี้ กฎสรรพสิ่งไม่อาจกระทำได้ เจ้ากลับคิดว่าข้าทำได้?” ฉินจิ่วเกอไม่มีความคิดแส่หาเรื่องใส่ตัวให้มากความ มันในตอนนี้เพียงคิดสะสางเรื่องเลวร้ายเหล่านี้ให้เสร็จสิ้น รีบกลับคืนสู่พรรคหลิงเซียว

นั่นจึงจะเป็นสถานที่ดำรงชีวิตอันบริสุทธิ์ที่นำพาความสงบทางใจไร้สิ้นสุดมาให้ฉินจิ่วเกอ

สำหรับไอ้เรื่องพิทักษ์โลกหล้าชาวประชาล้วนเบิกบานอะไรพวกนี้ สมควรไปตามหาพระเอกจึงจะถูกต้อง มอบหมายให้มันล้วนไร้ประโยชน์