ตอนที่ 135 ทำการประลอง!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

L19 ออกจากห้องประลองอย่างรวดเร็ว ดูหมือนว่าจะไปกักตัวแล้ว หลิงหลานสังเกตเห็นว่าไม่มีใครไปเป็นเพื่อนเลย ดูท่าลูกเรือบนยานอวกาศลำนี้จะเคร่งครัดในระเบียบวินัยมาก นี่ไม่ใช่สิ่งที่ยานอากาศรับจ้างทั่วไปสามารถทำได้

มุมปากของหลิงหลานเผยร่องรอยความเข้าใจออกมา เธอพอจะรู้ตัวตนของยานอวกาศลำนี้แล้วว่าเป็นแบบไหน

เดิมทีทั้งห้าคนตกลงกันแล้วว่าจะให้ลั่วล่างออกไปประลองเป็นคนที่สอง แต่หลิงหลานใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจสลับตำแหน่งให้อู่จย่งไปก่อน แน่นอนว่าในขณะเดียวกันหลิงหลานก็บอกอู่จย่งเรื่องผู้ท้าชิงที่อ่อนแอเป็นอันดับสองจากในนั้น

ถึงแม้ว่าอู่จย่งจะรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับการสับเปลี่ยนตำแหน่งออกไปต่อสู้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีความเห็นอะไร ก่อนที่เขาจะขึ้นไปบนสนามประลองนั้น หลิงหลานก็เอ่ยเตือนเสียงเบาว่า “ยันเอาไว้ก่อนสักสิบกว่ากระบวนท่า รออีกฝ่ายปล่อยพลังแล้วค่อยชิงโจมตี”

ความจริงแล้วชัยชนะของหลี่อิงเจี๋ยนั้นได้มาอย่างน่าประหลาดมาก ถือได้ว่าเป็นชัยชนะที่ฝ่ายตรงข้ามมอบให้เอง แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม สำหรับคู่ต่อสู้แล้วมันคือการพ่ายแพ้ไปหนึ่งรอบ นี่ย่อมทำให้เหล่าสมาชิกที่เหลือของทีมจินหลินไม่พอใจรวมไปถึงปรารถนาในชัยชนะขึ้นมา พวกเขาต้องรีบร้อนเอาชนะเพื่อกู้หน้าของพวกเขากลับมา

หลิงหลานคาดการณ์แล้วว่าคราวนี้อีกฝ่ายไม่มีทางให้โอกาสพวกเขาโจมตีก่อนอีก ฝ่ายนั้นจะต้องทำการโจมตีอย่างรุนแรงทันที อยากรีบเอาชนะการประลองให้เสร็จสิ้น ถ้าพวกเขายันการโจมตีตอนเริ่มต้นไม่ได้ ก็พูดถึงคำว่าชัยชนะไม่ได้แล้ว

ดังนั้น ลั่วล่างที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการรับมือกับรูปแบบการจู่โจมอย่างหนักหน่วงแบบนี้จึงไม่เหมาะที่จะออกไปประลองในตอนนี้ ถ้าออกไปสู้ คาดว่าไม่กี่กระบวนท่าก็ถูกอีกฝ่ายโจมตีจนทำอะไรไม่ถูกแล้วก็พ่ายแพ้ลงไปอย่างรวดเร็ว หลิงหลานไม่สนใจแพ้ชนะ แต่ก็ไม่อยากให้ลั่วล่างไม่ได้เรียนรู้อะไรแล้วก็พ่ายแพ้ไปเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้เองเธอต้องจัดการแก้ไขแผนการจู่โจมฉับพลันของอีกฝ่าย ต้องให้อีกฝ่ายคิดว่าการจู่โจมกะทันหันไม่มีประโยชน์เลย

แต่อู่จย่งไม่เหมือนกัน สิ่งที่เขาเชี่ยวชาญมากที่สุดคือการรับมือกับกลยุทธ์จู่โจมเฉียบพลันแบบนี้ เธอเชื่อว่าเขารับมือได้แน่นอน นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหลิงหลานถึงให้เขาออกไปต่อสู้เป็นคนที่สอง อู่จย่งอยากชนะ ส่วนหลิงหลานก็ไม่อยากให้พวกลูกน้องของเธอไม่ได้รับอะไรเลย

แน่นอนว่าหลิงหลานยังเตือนอู่จย่งเล็กน้อย ให้เขาทำการเตรียมตัวไว้ให้ดีเพื่อที่จะให้แน่ใจว่าอู่จย่งจะสามารถคว้าชัยชนะไปได้

อู่จย่งพยักหน้าบ่งบอกว่าเข้าใจแล้ว ถึงแม้ว่าในห้องเรียนทั้งสองคนจะนับว่าเป็นคู่แข่งกัน แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของหลิงหลาน

เมื่อทั้งสองคนขึ้นไปบนสนามประลองก็ทำความเคารพซึ่งกันและกัน คู่ต่อสู้ของอู่จย่งคือชายร่างใหญ่อายุประมาณสามสิบ ครั้งแรกที่มองร่างกำยำของอีกฝ่าย รวมไปถึงกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งทรงพลังบนแขนที่โผล่ออกมาก็รู้ว่านี่เป็นนักสู้สายพละกำลังแน่นอน อู่จย่งลอบระวังตัวขึ้นมาในใจ คำเตือนของหลิงหลานผุดขึ้นมาในหัวใจอีกครั้ง เดิมทีเขายังคิดจะดูอีกสักหน่อยก็ตัดสินใจทันทีว่า ป้องกันก่อนค่อยโจมตีทีหลัง

ที่แท้ก็เป็นอย่างที่หลิงหลานคาดการณ์ไว้จริงๆ คู่ต่อสู้ที่ขึ้นมาประลองในครั้งนี้ไม่ได้ชะล่าใจและค่อนข้างทำตามอำเภอใจเหมือนคู่ต่อสู้ของหลี่อิงเจี๋ย ท่วงท่าการต่อสู้ของอีกฝ่ายดูจริงจังมาก และก็ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการอ่อนข้อเลย เมื่อเขาขึ้นมาก็เหมือนกับพายุฝนโหมกระหน่ำ ออกหมัดเตะต่อย ร่ายท่วงท่าราวกับพยัคฆ์ที่น่าเกรงขาม

เนื่องจากอู่จย่งเตรียมใจเอาไว้แล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับรูปแบบการโจมตีที่ดุดันราวกับพายุเฮอริเคนก็ไม่ได้ตื่นตระหนกมากนัก เขาหลบหลีกด้วยความเยือกเย็นและระมัดระวังราวกับใบไม้ที่ลอยไปตามคลื่น ไม่กลัวคลื่นที่กระเพื่อมขึ้นลง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะดุดันอย่างไร เขาก็สามารถหาตำแหน่งที่ประคับประคองต่อไปได้เสมอ ไม่ได้ตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบโดยสิ้นเชิง

เขาทนรับการโจมตีของอีกฝ่ายด้วยความยากลำบาก บางทีฝ่ายตรงข้ามอาจจะโจมตีไม่เข้าอยู่นานจนทำให้ตัวเองหลุดโทสะออกมานิดหน่อย ท่วงท่าการโจมตีช้าลงอย่างชัดเจน อู่จย่งที่เตรียมการโจมตีกลับมานานแล้วก็รุดขึ้นหน้าประชิดตัวโดยไม่ได้ใคร่ครวญมากนัก ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดที่ทหารระดับสูงของตระกูลอู่ใช้กันถูกปล่อยออกมาจากในมือเขาอย่างบ้าคลั่ง เขาชิงบุกจู่โจมพลิกจากเบี้ยล่างกลายเป็นเบี้ยบน การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้สมาชิกของทีมจินหลินคนนั้นได้แต่รับมือจนเหนื่อยล้า สถานการณ์พลิกกลับฉับพลัน

ครูฝึกเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาแทบจะแน่ใจแล้วว่าฝ่ายตรงข้ามใช้กลยุทธ์เถียนจี้แข่งม้า ไม่นึกเลยว่าพวกเขาสามารถตัดสินลูกทีมสองคนที่อ่อนแอที่สุดของทีมจินหลินได้อย่างแม่นยำ และลูกเสือที่ประลองอยู่ตรงหน้ากับรอบที่แล้วก็น่าจะเป็นนักเรียนสามอันดับแรกในหมู่เด็กทั้งห้าคนนี้

ครูฝึกยังไม่ทันคิดสาเหตุออก สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปฉับพลัน อู่จย่งเข้าประชิดตัว กำหมัดทั้งสองข้างโจมตีออกไปพร้อมกัน การโจมตีสั้นๆ และรวดเร็วนี้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามป้องกันไม่ทัน ถูกอู่จย่งโจมตีตรงๆ

การโจมตีของอู่จย่งในครั้งนี้ใช้หมัดหนึ่งนิ้วไปสองครั้ง มันดูเหมือนมีพลังโจมตีไม่แรง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ฝ่ายตรงข้ามได้รับความเสียหายแอบแฝงอย่างชัดเจน เขาถูกหมัดหนึ่งนิ้วนี้โจมตีใส่จนถอยโซเซติดต่อกันไปหลายก้าว

อู่จย่งเห็นดังนั้นก็ไม่อ่อนข้อให้ รีบเข้าประชิดตัวทันที กำปั้นทั้งสองข้างจู่โจมใส่ส่วนท้องของอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่งราวกับเฮอริเคนก็ไม่ปาน (เนื่องจากปัญหาเรื่องสูงส่วนเลยได้แต่โจมตีใส่ส่วนนั้น) อย่างไรก็ตาม การโจมตีเช่นนี้ของอู่จย่งทำให้อีกฝ่ายจำเป็นต้องลงมือป้องกัน ส่วนท้องคือจุดอ่อนแอที่สุดของร่างกายมนุษย์ อู่จย่งตัวเล็ก แต่พละกำลังกลับไม่น้อยเลย ฝ่ายตรงข้ามจำเป็นต้องระมัดระวัง ได้แต่ถอยติดต่อกันพยายามปัดพลังโจมตีนี้ออกไป

เวลานี้เอง การโจมตีอย่างคลุ้มคลั่งของอู่จย่งก็หยุดลงฉับพลัน เขาเก็บแรงพลิกตัวกระโดดกลับไปยังจุดเริ่มต้นของตัวเอง เว้นระยะห่างของพวกเขาสองคนไว้ หลังจากนั้นก็ทำความเคารพให้อีกฝ่ายและกล่าวว่า “ขอบคุณที่ออมมือให้นะครับ คุณลุง!”

ชายคนนั้นพลันตระหนักขึ้นมาได้ แล้วมองไปที่ใต้เท้าของตัวเอง เขาถอยออกมาจากตำแหน่งที่สนามประลองกำหนดให้ต่อสู้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวอย่างที่คิดไว้จริงๆ พูดอีกอย่างก็คือเขาถูกอู่จย่งบีบให้ออกจากขอบเขตการต่อสู้โดยไม่รู้ตัว ตามกฎคือเขาพ่ายแพ้แล้วจริงๆ

ชายร่างใหญ่อดเอ่ยด้วยเสียงหัวเราะขมขื่นไม่ได้ “เป็นลูกเสือที่ร้ายกาจจริงๆ ฉันแพ้แล้ว”

ชายร่างใหญ่เดินไปที่เบื้องหน้าครูฝึกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ก้มศีรษะเอ่ยขออภัยว่า “ขอโทษครับ ครูฝึก ผมแพ้แล้ว”

“L18 กลับไปกักตัวสามวัน!” ครูฝึกถอนหายใจเบาๆ มอบบทลงโทษแบบเดียวกัน สำหรับคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว การพ่ายแพ้ให้กับลูกเสือคือความอัปยศอดสู เขามอบบทลงโทษให้นิดหน่อยจะทำให้ความรู้สึกอับอายของพวกเขาลดลงไปได้เล็กน้อย

ชายร่างใหญ่วันทยาหัตถ์ขอบคุณ หลังจากนั้นก็หันหลังจากไปทันที ดูท่าเขาเองก็วิ่งไปกักตัวเหมือนกัน การกักตัวไม่ใช่เรื่องแย่ บางครั้งความเงียบสงบก็อาจจะได้รับผลประโยชน์อันยอดเยี่ยม โดยปกติแล้วมีคนมากมายเลื่อนขั้นพัฒนาความสามารถผ่านทางการกักตน

อย่างไรก็ตาม การที่ชายสองคนสำนึกตนไปกักตัวติดต่อกันด้วยความสมัครใจทำให้พวกหลิงหลานห้าคนมองกันเองแวบหนึ่ง สิ่งที่พวกเขาถ่ายทอดให้กันมีเพียงข้อความเดียว นั่นก็คือยานอวกาศลำนี้เป็นยานรบทหารประจำการที่แสร้งทำเป็นทหารรับจ้าง และสถานที่ที่พวกเขาต้องไปในครั้งนี้ไม่ใช่ดาวดึกดำบรรพ์อย่างที่ทุกคนรู้กันตามที่อุปกรณ์สื่อสารแจ้งไว้ มันน่าจะเป็นดาวลับที่ถูกทางกองทัพปิดไว้

พอเหล่าลูกเสือคว้าชัยชนะได้สองครั้ง เวลานี้ก็รู้สึกเหลิงอยู่บ้าง พวกเขาตะโกนออกมาว่าจะคว้าชัยชนะการประลองรอบต่อไปให้หมด ตรงกันข้ามกับเหล่าลูกเสือที่สูญเสียเหตุผลไปเล็กน้อยเพราะชัยชนะที่ได้มา มีลูกเสือบางคนกลับเยือกเย็นมาก คิดว่าการประลองรอบต่อไปไม่ง่ายดายขนาดนั้นแล้ว

โดยเฉพาะฉีหลงกับลั่วล่าง เวลานี้ทั้งสองคนทำสีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง เนื่องจากลูกพี่ของพวกเขาเอ่ยปากบอกพวกเขาเองว่า เขาเลือกสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดในทีมจินหลินให้พวกเขา จากคำพูดของหลิงหลาน เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการส่งพวกเขาไปทรมานถึงหน้าประตู

คนที่สามที่ออกไปต่อสู้คือลั่วล่าง คู่ต่อสู้ที่เลือกคือชายหนุ่มอายุยี่สิบสองยี่สิบสาม ดูสุภาพเรียบร้อยมาก ใบหน้ายังแฝงไปด้วยรอยยิ้มประหม่า ทำให้คนรู้สึกว่าเขาดูเหมือนกับไม่มีพิษมีภัยมาก

แต่หลิงหลานบอกลั่วล่างชัดๆ ว่าหมอนี่ไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น เขาคือคนที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองในหมู่สมาชิกทั้งหกของทีมจินหลิน นอกจากนี้ยังเป็นคนโหดเหี้ยมวางแผนชั่วร้ายใส่คนจนตายโดยไม่ชดใช้ชีวิต ตอนที่หลิงหลานเอ่ยคำพูดนี้ ใบหน้าแฝงไปด้วยความสงสารอย่างเห็นได้ชัด ราวกับบ่งบอกชัดเจนว่าลั่วล่างน่าจะไม่สู้ดีในการประลองรอบนี้

ครูฝึกคิดหมดใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะทำตามขั้นตอนของกลยุทธ์เถียนจี้แข่งม้า เลือกสมาชิกที่อ่อนแอเป็นอันดับสามของพวกเขา ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะเลือกสมาชิกที่แข็งแกร่งอันดับสองของทีมจินหลินให้ขึ้นมาประลอง นอกจากนี้ยังเป็นคนที่เต็มไปด้วยแผนการชั่วร้ายเช่นกัน

ครูฝึกอดส่ายหน้าไม่ได้ คิดว่าคราวนี้พวกหลิงหลานจะต้องผิดหวังแล้ว เพราะว่าต่อให้เป็นตัวครูฝึกเองก็รู้สึกว่าการจัดการชายหนุ่มคนนี้เป็นเรื่องที่น่าปวดเศียรเวียนเกล้ามาก เนื่องจากการต่อสู้ของเขามีกับดับเยอะเกินไป สิ่งล่อลวงมากเกินไป แม้กระทั่งเขาก็ติดกับอยู่หลายครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาเป็นคนที่จัดการยากมากที่สุดในหมู่สมาชิกทีมจินหลิน…

พวกเขาคิดว่าลูกทีมคนนี้ดูค่อนข้างอ่อนแอเหรอ? ครูฝึกมองไปยังเจ้าเด็กหน้าเนื้อใจเสือของทีมจินหลิน แล้วพบว่าเขาให้ความรู้สึกแบบนี้จริงๆ หรือว่าพวกเขาจะติดกับแล้วจริงๆ? หรือว่ามีเป้าหมายอะไรอีก?

สายตาของครูฝึกทอดมองไปที่พวกหลิงหลานอีกครั้ง พยายามหาคำใบ้จากตัวพวกเขา เมื่อเขาพบว่าลูกเสือเหล่านี้สูงแค่หน้าอกของพวกเขาก็ตกตะลึงไปทันใด เขาพลันหัวเราะขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เขาเผลอพิจารณาอีกฝ่ายในระดับเดียวกันกับเขา ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงแค่เด็กอายุประมาณสิบขวบเท่านั้นชัดๆ จะไปตัดสินออกมาได้ยังไงว่าสมาชิกของทีมจินหลินคนไหนแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ บางทีการที่พวกเขาสามารถเอาชนะการประลองสองรอบก่อนได้อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น….

“ลั่วล่าง พอนายขึ้นไปแล้วก็อย่าคิดเยอะ ไม่ต้องไปสนใจว่าอีกฝ่ายมีช่องโหว่หรือเปล่า ตั้งใจใช้ทักษะพื้นฐานการต่อสู้มือเปล่าของนายเท่านั้น พลิกแพลงไปตามสถานการณ์ก็พอ” หลิงหลานทนเห็นลั่วล่างพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถไม่ไหว จึงให้คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ แก่ลั่วล่าง

ลั่วล่างพยักหน้าพูดด้วยความยินดีว่า “รับทราบ ลูกพี่” ต่อให้รู้ว่าตัวเองกำลังไปหาเรื่องทรมาน แต่ถ้าเกิดสามารถพ่ายแพ้อย่างดูดีได้นิดหน่อยก็ดีเหมือนกัน

ในใจลั่วล่างรู้ดีว่าเขาไม่อาจเทียบอีกฝ่ายได้แน่นอน ถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะดูอายุไม่เยอะ แต่อีกฝ่ายต้องเคยผ่านสงครามมานับไม่ถ้วน ปีนออกมาจากท่ามกลางความเป็นความตายแน่นอน ความจริงแล้วประสบการณ์ต่อสู้ของอีกฝ่ายเหนือกว่าเขาหลายเท่า เป็นทหารเก่าแก่ที่ผ่านศึกมานับร้อย การที่เขาได้ต่อสู้กับอีกฝ่ายก่อนที่จะไปล่าสัตว์คือโชคดีของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

บางทีฝ่ายตรงข้ามเห็นว่าการจู่โจมฉับพลันของ L18 ในรอบก่อนไม่ได้ผล และเห็นว่าลั่วล่างทำหน้าระมัดระวัง ไม่ได้หยิ่งทระนงพึงพอใจจากชัยชนะในสองรอบก่อน ดังนั้นก็เลยละทิ้งการโจมตีฉับพลันไป เขาเริ่มหยั่งเชิงวนรอบๆ คุมเชิงอีกฝ่าย และจงใจเผยพวกช่องว่างของการป้องกันและช่องโหว่เล็กๆ น้อยๆ บางอย่างออกมา พยายามล่อลวงให้ลั่วล่างบุกโจมตี

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคำเตือนของหลิงหลาน ลั่วล่างเลยทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ เขาเองก็ระวังตัวอย่างยิ่งยวดเช่นกัน ถ้ายังไม่รู้ความสามารถของอีกฝ่ายให้แน่ชัด เขาไม่มีทางหุนหันพลันแล่นแน่นอน

พวกเขาคุมเชิงแบบนี้ไปหลายรอบ ฝ่ายตรงข้ามคล้ายกับรู้สึกว่าทำแบบนี้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ดังนั้นเขาเลยบุกโจมตีเอง

ถึงแม้จะบอกว่าทักษะการต่อสู้พื้นฐานของลูกเสือมีการโจมตีและป้องกันที่สมดุลเหมาะสม แต่ลึกลงไปถึงแก่นแล้ว อันที่จริงการโจมตีแต่ละครั้งต่างก็สร้างอยู่บนรากฐานการป้องกันของมัน พูดอีกอย่างก็คือ การป้องกันของทักษะการต่อสู้พื้นฐานของลูกเสือนั้นแข็งแกร่งสุดขีด ถึงขนาดที่พูดได้ว่าสมบูรณ์แบบ

………………………………….

Related