ตอนที่ 136 โทสะของหลิงหลาน!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

เนื่องจากลั่วล่างจดจำคำเตือนของหลิงหลานเอาไว้มั่น ไม่ว่าตอนแรกอีกฝ่ายจะโจมตีฉับพลันยังไง ล่อลวงยังไง เผยช่องโหว่ยังไง เขาก็รักษาจิตใจไว้ให้มั่นคง ไม่สนใจการล่อลวงทุกอย่าง ใช้ทักษะการต่อสู้พื้นฐานที่ฝึกฝนจนเชี่ยวชาญอย่างยิ่งมารับมือไปทีละกระบวนท่า ป้องกันอย่างสุดชีวิต แต่ไม่ยอมทำการบุกโจมตีเอง

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์แบบนี้ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว ในตอนที่ลั่วล่างพบช่องโหวแบบเดียวกันเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ลั่วล่างก็หวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย เขาเริ่มใคร่ครวญว่าช่องโหว่นี้เป็นของจริงหรือเปล่า…จะโทษลั่วล่างที่สูญเสียการควบคุมไม่ได้ เพราะว่าช่องโหว่นี้แตกต่างจากช่องโหว่ที่พบก่อนหน้านี้มาก ถึงขนาดที่ถูกเขามองข้ามไปหลายครั้ง มันถูกปกปิดไว้อย่างเห็นได้ชัด

หลังจากที่เปรียบเทียบกับช่องโหว่อันอื่นๆ ที่เขาเมินไปสักครั้งสองครั้งก็หายไปแล้ว ช่องโหว่นี้ถูกเขาเมินเฉยอยู่หลายครั้ง แต่ว่ามันยังคงปรากฏขึ้นมาอย่างปิดบังซ่อนเร้นไว้ ถึงขนาดที่ทำให้เขามองข้ามไปบ้าง แต่ไม่ว่าจะมองข้ามอีกยังไง ช่องโหว่ก็คือช่องโหว่ มันยังคงถูกลั่วล่างสังเกตเห็น

แน่นอนว่าลั่วล่างไม่ได้เลือกบุ่มบ่ามโจมตี หากแต่สังเกตสาเหตุที่ช่องโหว่นั้นโผล่ออกมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาไม่ได้ลืมคำพูดของลูกพี่หลิงหลาน ดังนั้นจึงตัดสินใจดูต่อไปอีก ขอเพียงแน่ใจว่านี่เป็นช่องโหว่ของจริงได้ละก็ เขาไม่มีทางปรานีอยู่แล้ว….

ลั่วล่างสังเกตการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายด้วยความระมัดระวัง รวมไปถึงประเมินพละกำลังที่ส่งเข้ามาตรงการป้องกันของแขนทั้งสองข้าง ในที่สุดมันก็ทำให้เขาตระหนักอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

ฝ่ายตรงข้ามเป็นคนถนัดซ้าย! ดังนั้นพละกำลังของมือซ้ายจึงแข็งแกร่งกว่าด้านขวาเยอะมาก แต่ทุกคนต่างรู้ว่า โดยปกติแล้วจะท่าไม้ตายโจมตีในการต่อสู้จะโน้มเอียงไปทางการโจมตีด้วยมือขวา ในขณะที่ส่วนใหญ่แล้วมือซ้ายจะเป็นวิชาป้องกัน บางทีอาจเป็นเพราะสาเหตุนี้เอง อีกฝ่ายถึงได้ทำการดัดแปลงทักษะการต่อสู้ที่เขาร่ำเรียนมาทั้งหมดให้กลายเป็นป้องกันด้วยมือขวาแทน ส่วนมือซ้ายก็เป็นท่าโจมตี แน่นอนว่าการดัดแปลงแบบนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือทำให้การป้องกันของคู่ต่อสู้ล้มเหลว เผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างหนักหน่วงของเขาโดยตรง แต่ข้อเสียก็เป็นแบบนี้เช่นกัน การป้องกันของแต่ละฝ่ายต่างปรากฏข้อผิดพลาดได้ง่ายดายเหมือนกัน

เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาข้อนี้ ฝ่ายตรงข้ามจึงคิดวิธีแก้ไขออกมา เขาเป็นคนฉลาด และก็ไม่อยากให้ของที่ตัวเองดัดแปลงใช้การไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกเส้นทางการก้าวหน้าที่ลำบากยากยิ่ง นั่นก็คือทำการดัดแปลงให้ท่าไม้ตายโจมตีและท่าป้องกันเชื่อมต่อกันอย่างแนบเนียน พูดอีกอย่างก็คือ มือซ้ายและมือขวามีความสามารถในการโจมตีและป้องกันพร้อมกัน ถ้าหากฝึกสำเร็จ ถึงแม้ไม่อาจบอกได้ว่าอยู่ในระดับไร้เทียมทามในด้านการต่อสู้ แต่ว่าคนที่อยู่ระดับเดียวกันอยากจะทำลายกระบวนท่านี้ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก

อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ตอนนี้อีกฝ่ายยังหลอมรวมไม่สมบูรณ์ ตรงกันข้ามเนื่องจากเหตุผลข้อนี้เองทำให้ตอนที่เขากำลังสับเปลี่ยนท่าอยู่นั้นก็เกิดการหยุดชะงักขึ้นมาแวบหนึ่ง และการหยุดชะงักนี้ก็เป็นโอกาสในการโจมตีที่ดีที่สุดของเขา

หลังจากที่ลั่วล่างแน่ใจแล้ว เขาก็ต่อสู้กับอีกฝ่ายต่ออีกหลายกระบวนท่าเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จากนั้นก็พบว่าเป็นไปตามที่เขาคาดไว้จริงๆ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจแล้วว่าจะไม่รออีกต่อไป แล้วเลือกเพิ่มพลังโจมตี ในเมื่อนี่เป็นโอกาสเขาก็จะไม่พลาดแน่นอน

เมื่อเขากวัดแกว่งกำปั้นใส่จุดที่ชะงักงันในชั่วพริบตาของอีกฝ่ายนั้น หลิงหลานที่ชมดูอยู่ก็ลอบอุทานในใจ ช่องโหว่นี้สมบูรณ์แบบมากเกินไป ลั่วล่างยังต้านทานการล่อลวงไม่ได้ ตกหลุมพรางแล้ว!

และก็เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ ลั่วล่างต่อยออกไป เห็นได้ชัดว่าตรงนั้นคือจุดอ่อนที่หยุดชะงักไปแวบหนึ่ง แต่แล้วก็พบว่าจุดอ่อนจากการสับเปลี่ยนหายไปแล้ว ราวกับว่าจุดอ่อนนั้นเป็นเพียงแต่ภาพลวงตาของเขา ไม่เคยมีตัวตนมาก่อนเลย

ลั่วล่างรู้สึกได้เพียงมือขวาที่ตัวเองโจมตีออกไปถูกมือใหญ่ทรงพลังคว้าเอาไว้แน่น หลังจากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่เขายังไม่ได้เก็บพลังดึงไปข้างหน้า

ลั่วล่างรู้สึกแค่เพียงทั่วทั้งร่างเสียศูนย์แล้ว โถมตัวเข้าไปข้างหน้าฉับพลัน ในขณะเดียวกัน เขาก็สัมผัสได้ว่าส่วนท้องของตัวเองโดนโจมตีอย่างหนักหน่วง จากนั้นร่างเขาก็กระเด็นลอยกลับมา และกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง…

ไม่เพียงเท่านั้น ในสายตาของลั่วล่างเห็นว่า อีกฝ่ายชูกำปั้นขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะต่อยเข้ามาอย่างหนักหน่วง

ตอนนี้ในใจลั่วล่างรู้สึกจนปัญญาและเสียใจอย่างยิ่ง เขาไม่สามารถทำตามคำเตือนของลูกพี่เอาไว้ให้มั่น ติดกับดักล่อลวงของอีกฝ่าย และผลก็คือโศกนาฏกรรม เขาน่าจะถูกอีกฝ่ายซัดใส่แล้ว เขาหวังแค่เพียงจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเกินไป เขายังอยากเข้าร่วมวิชาล่าสัตว์อยู่นะ

ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนเวทีประลอง รับหมัดของอีกฝ่ายที่เข้ามาไว้ทันที

หลิงหลานเอ่ยเสียงเย็นเยียบว่า “รอบนี้พวกเรายอมแพ้! แต่ว่า…” ไอชั่วร้ายกระหายเลือดพรั่งพรูออกมาจากตัวฉับพลัน แค่พริบตาเดียวทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้รู้สึกหนาวยะเยือกไปทั่วร่าง

ดวงตาทั้งสองข้างของหลิงหลานจ้องตรงไปที่ภายในดวงตาของอีกฝ่ายราวกับแสงที่เย็นเยียบ ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาในจิตใจ “หมัดที่ตามมานี้ ผมขอรับไว้!”

หลิงหลานกล่าวจบ มือขวาที่กุมข้อมือของอีกฝ่ายไว้ก็บีบทันที จากนั้นก็ได้ยินเสียง ‘กรอบ’ ชัดเจน มือของอีกฝ่ายถูกหลิงหลานบีบจนหักแล้ว

“หยุดมือ!” เสียงที่ฟังดูเฉียบขาดดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงนี้ แล้วก็ได้ยินครูฝึกกล่าวด้วยความเร่งรีบฉุนเฉียวว่า “เธอทำเกินไปแล้ว”

หลิงหลานจ้องมองด้วยแววตาเย็นเยียบ และพูดอย่างเย็นชาว่า “เกินไป? ในเมื่อการโจมตีเมื่อตะกี้นี้ทำให้เพื่อนของผมได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว หมัดที่ต่อยมาไม่ยอมเลิกรานี้ไม่เกินไปเลยเหรอครับ?”

ครูฝึกหน้าแดงหูแดง “เธอรู้ได้ยังไงว่าหมัดนี้ของเขาจะทำให้เพื่อนของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส? ทีมจินหลินควบคุมพละกำลังได้อย่างสมบูรณ์แบบปลดปล่อยรับพลังได้ตามใจชอบ”

“ปลดปล่อยรับพลังได้ตามใจชอบ? ปลดปล่อยรับพลังได้ตามใจชอบดีนี่…” หลิงหลานหัวเราะหยันหลายที

ใช่ หลิงหลานโกรธแล้ว เดิมทีลั่วล่างถูกอีกฝ่ายโจมตีจนได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่ว่าการที่อีกฝ่ายต่อยตามมาอีกหมัดไม่ยอมเลิกราเห็นได้ชัดว่าเจตนาร้ายอยู่บ้าง พริบตาที่หลิงหลานคว้ากำปั้นไว้ก็สัมผัสได้ถึงพละกำลังของหมัดนี้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ทำให้ลั่วล่างเสียชีวิต แต่มันทำให้ลั่วล่างต้องไปอยู่ในแคปซูลรักษาสามถึงห้าเดือนแน่นอน ถ้าเป็นแบบนั้นลั่วล่างจะต้องขาดเรียนวิชาล่าสัตว์ในครั้งนี้ ควรรู้ไว้ว่าวิชาล่าสัตว์ครั้งแรกเป็นวิชาที่สำคัญมาก ถึงขนาดที่ส่งผลถึงการแบ่งสรรทรัพยากรในการฝึกฝน ลั่วล่างจะพลาดสิ่งเหล่านี้ไปไม่ได้เด็ดขาด

นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่หลิงหลานไม่อาจให้อภัยได้ ดังนั้นถึงได้บีบข้อมืออีกฝ่ายจนหักเพื่อเป็นการบอกเตือนภายใต้โทสะที่กำลังเดือดดาล

คำพูดชี้บอกรวมไปถึงเสียงหัวเราะหยันของหลิงหลานทำให้ครูฝึกลำบากใจอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าทหารใต้บังคับบัญชาของเขาคนนี้จะมีพรสวรรค์ความสามารถดีเยี่ยม แต่เขาก็เป็นคนจิตใจคับแคบเล็กน้อย การพ่ายแพ้ติดต่อกันสองรอบทำให้เขาโมโหมาก คิดว่าทำให้ทีมจินหลินของพวกเขาเสียหน้า ดังนั้นเขาถึงไม่ยอมเลิกราในตอนที่ได้รับชัยชนะเพราะอยากจะสั่งสอนลูกเสือเหล่านี้ แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะเตะถูกแผ่นเหล็กเสียได้

“L15 หลังจากที่รักษาแผลหายแล้วก็ไปกักตัวสามวัน พิจารณาตัวเองให้ดี” ครูฝึกรู้สึกเสียหน้ามากก็ตะคอกใส่ L15 ด้วยความโกรธเกรี้ยว

ถึงแม้ว่า L15 ถูกหลิงหลานบีบข้อมือจนหัก แต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนเลย ราวกับว่าคนที่ถูกหักมือไม่ใช่เขา มีเพียง เหงื่อที่ไหลซึมออกมาจากบนหน้าผากบางๆ เท่านั้นที่พิสูจน์ว่าตอนนี้เขากำลังสะกดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ เมื่อเขาได้ยินบทลงโทษของครูฝึกก็ใช้มืออีกข้างที่ยังสมบูรณ์ทำวันทยาหัตถ์ “ครับ ครูฝึก!”

ตอนที่เขาจากไป เขาก็กวาดตามองหลิงหลานที่ยืนอยู่ในสนามด้วยสายตาเย็นเยียบ ไอชั่วร้ายส่องวาบขึ้นมาในแววตา แต่ก็กลับคืนสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไอชั่วร้ายเมื่อสักครู่นี้เป็นเพียงภาพหลอนเท่านั้น

“ลูกพี่ เขาถึงกับกล้าคิดร้ายต่อเธอ ฉันจะไปกำจัดเขาให้สิ้นซาก” เสี่ยวซื่อเห็นฉากนี้ก็เต้นเร่าๆ ด้วยความโกรธ ม้วนแขนเสื้อเตรียมตัวจะไประบายความแค้นเพื่อลูกพี่เขา

หลิงหลานเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “นายอยากกำจัดเขาให้สิ้นซาก? กำจัดเขายังไงล่ะ?”

เสี่ยวซื่อตระหนักได้ว่าตัวเองไม่มีมือไม่มีเท้า ไม่สามารถช่วยลูกพี่กำจัดหมอนั่นได้ เขาถูกโจมตีฉับพลันจนไปนั่งยองๆ วาดวงกลมที่มุมกำแพงด้วยความหดหู่ใจ

ทันใดนั้นเขาก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาเด้งตัวขึ้นมาเอ่ยด้วยความตื่นเต้นว่า “ลูกพี่ รีบๆ มีหุ่นรบของเธอในโลกความเป็นจริงสักทีสิ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็ช่วยเธอได้แล้ว” เขาสามารถแทนที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์ของหุ่นรบได้โดยสมบูรณ์ สั่งการหุ่นรบเข้า PK กับหมอนั่นได้….

หลิงหลานทนเห็นเสี่ยวซื่อด้วยความผิดหวังไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าพูดว่า “ได้ ฉันจะพยายามทำให้เร็วที่สุด แล้วค่อยให้นายช่วยฉันจัดการไอ้พวกคนนิสัยเสียที่เป็นภัยต่อฉัน” เสี่ยวซื่อถูกหลิงหลานปลอบโยนเช่นนี้เอง

ไม่มีใครสังเกตเห็นแววตาเย็นเยียบของ L15 ที่มองมายังหลิงหลาน ทุกคนต่างแสดงความชื่นชมต่อความเป็นลูกผู้ชายที่เจ็บปวดแต่สีหน้าไม่เปลี่ยนของ L15 ทว่าคนส่วนใหญ่ย่อมมองไปยังหลิงหลานที่ยืนอยู่ตรงกลาง แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและเหลือเชื่อ

แน่นอนว่าพวกนักเรียนของสถาบันลูกเสือกลับทำสีหน้าเหมือนกับว่าเรื่องควรจะเป็นแบบนี้ มันพิสูจน์แล้วว่าความสามารถของหลิงหลานน่าจะไปถึงระดับนี้แล้วจริงๆ และก็ทำให้พวกลูกเรือไม่กล้าดูถูกลูกเสือเหล่านี้อีกต่อไป

เวลานี้ครูฝึกกลับมาทำหน้าเฉยชาเหมือนก่อนหน้านี้ เขามองไปที่หลิงหลานก่อนจะเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เธอน่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาสินะ ดูจากฝีมือของเธอแล้ว คนของทีมจินหลินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเลย ไม่จำเป็นต้องประลองรอบต่อไปแล้ว” เขามองไปยังชายหนุ่มเคร่งขรึมเย็นชาอายุยี่สิบห้ายี่สิบหกซึ่งเป็นหัวหน้าทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในทีมจินหลิน ใบหน้าเขาแสดงความเสียใจออกมาเล็กน้อย ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามสามารถหักข้อมือ L15 ได้ในกระบวนท่าเดียว เช่นนั้น L13 ก็น่าจะไม่สามารถรับมือได้หลายกระบวนท่าเหมือนกัน

“ต้องประลองอยู่แล้วสิ แต่คนที่จะออกไปสู้รอบต่อไปไม่ใช่ผม แต่ว่าเป็นอีกคนที่อยู่ในห้าอันดับแรกของห้องเรา ฉีหลง!” หลิงหลานตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน

ฉีหลงสาวเท้าพุ่งมาข้างหน้าและกล่าวว่า “ลูกพี่ ฉันมาแล้ว”

หลิงหลานตบบ่าฉีหลง หลังจากนั้นก็เอ่ยกับหัวหน้าทีมจินหลินด้วยความจริงใจว่า “พี่ชายท่านนี้ รบกวนคุณชี้แนะเพื่อนของผมให้ดีด้วยนะครับ”

หัวหน้าทีมมองไปที่ครูฝึกรอคอยคำสั่งของเขา ครูฝึกผงกศีรษะอย่างจนปัญญา ในเมื่อรับปากไว้แต่แรก เขาก็ไม่อาจกลับคำพูดได้

…………..

ภายในห้องกัปตัน สีหน้าของเฉิงหย่วนหังเปลี่ยนไปเล็กน้อยเนื่องจากลั่วล่างได้รับบาดเจ็บ หลังจากที่เขาเห็นหลิงหลานโต้คืนได้อย่างยอดเยี่ยม เขาก็กลับคืนสู่ปกติทันที ตรงกันข้ามกับเหล่าเหลียนที่ทำหน้าทะมึน รู้สึกว่าครั้งนี้เขาอับอายขายหน้าอย่างยิ่ง ไม่นึกเลยว่าชายหนุ่มที่เขาคาดหวังเอาไว้สูงนั้นจะเป็นคนที่แพ้ไม่เป็นขนาดนี้

“เหล่าเหลียน นั่นต้องเป็นอัจฉริยะของพวกนายที่นี่ใช่ไหม มีความถือดีหยิ่งทระนงบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา” เฉิงหย่วนหังเอ่ยปลอบใจด้วยความหวังดี

“เหอะ พอเทียบกับหลิงหลานของห้องนายแล้ว หมอนี่ก็กลายเป็นโคลนตมทันที” เหล่าเหลียนแค่นเสียงเย็น ในใจรู้สึกคันยุบยิบ ถ้าหากสามารถได้อัจฉริยะแห่งยุคขนาดนี้มา เขาก็ถูกรางวัลใหญ่แล้ว

“ฉันบอกไปแล้วไง อย่าสนใจเขา เขาถูกหน่วยรบพิเศษจับตามองนานแล้ว” เฉิงหย่วนหังบอกข่าวนี้ให้กับอีกฝ่ายทันที หวังว่าเขาจะไม่เสียเวลา มีอัจฉริยะบางคนที่ได้แต่มองทว่าไม่อาจได้มาจริงๆ

เหล่าเหลียนถอนหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความเสียใจ ยานอวกาศของพวกเขายังมีระดับต่ำมากเกินไปหน่อย ไม่มีวาสนากับพวกอัจฉริยะแห่งยุคเลย นี่ก็เป็นเหตุผลที่ L15 มาอยู่ที่นี่ ต่อให้อีกฝ่ายจิตใจคับแคบไปบ้าง แต่ก็ยังถูกพวกเขาคาดหวังอย่างไร้ที่สิ้นสุด

ส่วนบนสนามประลอง ฉีหลงกับ L13 หัวหน้าทีมจินหลินต่อสู้กันพัลวันแล้ว การต่อสู้ของ L13 ก็เป็นรูปแบบเปิดเผยตายตัวอย่างยิ่ง ใกล้เคียงกับรูปแบบการต่อสู้ของฉีหลงมาก หลิงหลานจับสังเกตกลิ่นอายจากตัวพวกเขาได้นานแล้ว ด้วยเหตุนี้เองเธอจึงหาคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุดและมีรูปแบบการต่อสู้ใกล้เคียงกับฉีหลงออกมาได้

…………………………

Related