ตอนที่ 137 บทที่ 7 ตอนที่ 21

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่7ตอนที่21

 

นานแสนนานมาแล้ว

 

มังกรสองตัวเผชิญหน้ากันบนภูเขาต่างพากันอาบแสงอาทิตย์ตกดิน

 

มิคาเอลกับเทียแมต

 

มังกรซึ่งปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำสนิทชวนให้นึกถึงยามค่ำคืน หรี่ตาลงด้วยความเจ็บปวด เหลือบมองมิคาเอลที่กำลังเปิดปาก

 

 

 

「มิคาเอล ฉันจะอยู่ที่นี่ต่อไป」

 

 

 

「ทำไมล่ะ? ไม่ใช่ว่าพวกเขาบอกให้เธอกลับหมู่บ้านหรอกเหรอ?」

 

 

 

「…………」

 

 

 

ฉันจะอยู่ที่นี่ เมื่อมิคาเอลได้ยินแบบนั้น เขาก็ถอนหายใจราวกับรู้ว่าจะพูดอะไร

 

 

 

「หมายถึงมนุษย์พวกนั้นเหรอ?」

 

 

 

「ใช่ ตอนนี้คนเหล่านั้นกำลังทุกข์ทรมาน เนื่องจากภัยแล้ง ทำให้ไม่สามารถปลูกพืชได้เลย」

 

 

 

「ไม่ใช่ว่าเทตจังแก้ปัญหาแบบนั้นได้หรอกเหรอ? เทตจังเคยเอาน้ำจากผืนดินมารดน้ำต้นไม้ด้วยนี่」

 

 

 

「ฉันทำแบบนั้นไม่ได้แล้วมิคาเอลก็รู้ดีถึงอาการของฉัน อาการของฉันแย่มาก จนไม่สามารถดึงพลังแห่งผืนดินมาใช้ได้แล้ว?」

 

 

 

มนุษย์ที่เทียแมตเคยช่วยเหลือมาก่อน ต้องตกทุกข์ได้ยากเพราะขาดแคลนน้ำ เทียแมตใช้พลังของเธอทำให้พืชสุกงอม

 

แม้ว่าจะคำนวณปริมาณพลังที่ใช้ผิดโดยไม่ได้ตั้งใจและจบลงด้วยการสร้างน้ำมหาศาล แต่ชาวบ้านที่อดตายก็รอดพ้นจากวิกฤตในตอนนั้น

 

ถึงกระนั้น แม้ว่าพลังของเทียแมตจะเป็นอยากหยิบยืมพลังจากผืนดิน แต่เธอก็ยังเป็นมังกรดำ เป็นการยากที่จะฟื้นฟูพลังด้วยพลังแห่งความมืดของเธอ

 

 

 

「……ไม่แนะนำให้เข้าไปยุ่งกับมนุษย์ในเขตแดนหรอกนะ? ยิ่งกว่านั้นพวกเราจะไปช่วยมนุษย์ที่มีพลังวิญญาณต่ำต้อยทำไม รู้ใช่ไหมว่าหมายความว่ายังไง?」

 

 

 

เทียแมตจ้องมองมิคาเอลที่แสดงคำพูดไร้น้ำใจ

 

โดยพื้นฐานแล้ว ชนเผ่ามังกรจะไม่ออกจากอาณาเขตของตน

 

เดิมทีเขตกันชนจะเป็นเขตแดนที่จัดตั้งขึ้นในชายแดนของมังกรแต่ละเผ่า และไม่มีมังกรอาศัยอยู่ในนี้เป็นเวลานาน

 

เหนือสิ่งอื่นใดเทียแมตและมิคาเอลได้รับคำสั่งให้กลับหมู่บ้านของเผ่าตน การต่อต้านแบบนี้ก็เหมือนกับขัดกฏของหมู่บ้าน

 

 

 

「ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อแม้ว่าฉันจะกลับหมู่บ้านก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าผู้คนที่นี่ต้องการฉันมากกว่า……」

 

 

 

เทียแมตมองไปบนฟ้าด้วยดวงตาเศร้าสร้อย มิคาเอลก็ทำสีหน้าเศร้าพอๆกัน

 

ตั้งแต่เทียแมตเกิดมาก็เป็นที่รังเกียจของหมู่บ้าน

 

เธอไม่มีพ่อแม่ เป็นมังกรนอกรีตที่ปรากฏตัวขึ้นในหมู่บ้านมังกรดำ

 

เผ่าพันธุ์มังกรซึ่งมีพลังสูงสุดในบรรดาเผ่าพันธุ์วิญญาณแต่ก็มีร่างกายด้วย ย่อมต้องผสมพันธุ์กับมังกรชนิดเดียวกันเท่านั้น และสามารถเพิ่มจำนวนด้วยการให้กำเนิดลูกหลานออกมา

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันก็สามารถสืบทอดความรู้และพลังของพ่อแม่สู่ลูก จนทำให้เด็กๆก็สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้

 

อย่างไรก็ตาม เทียแมตไม่มีพ่อแม่และไม่มีอำนาจหรือความรู้ในการสืบทอด การที่เป็นผู้ถูกทิ้งก็กลายเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณที่ไม่เก่งและไม่สามารถควบคุมพลังได้เลย

 

ใช้เวลาไม่นานนักที่เทียแมตจะถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้าน และตอนนี้ที่เธอช่วยมนุษย์ก็เร่งมันเข้าไปอีก

 

แน่นอนว่ายังมีมังกรที่เป็นห่วงเธอ เพราะเธอไม่มีครอบครัว มังกรดำคู่หนึ่งที่รับเลี้ยงเทียแมตตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเลี้ยงดูด้วยความเอาใจใส่อย่างดีพร้อมกับลูกๆของพวกเขาเอง

 

แต่ถึงอย่างงั้น วิธีที่คนรอบข้างมองจากระยะไกลก็ไม่เปลี่ยนแปลง

 

 

 

「ไม่อยากกลับไปเหรอ?」

 

 

 

「อื้อ ฉันตัดสินใจแล้วล่ะ ฉันน่ะทั้งซุ่มซ่ามและงี่เง่า แต่ฉันไม่สามารถทิ้งมนุษย์พวกนั้นตามลำพังได้」

 

 

 

แม้ว่าใบหน้าของเธอจะแสดงความเหงาหลังจากตัดสินใจออกจากหมู่บ้าน แต่ดวงตาของเธอก็มีเจตจำนงอันกล้าแกร่ง

 

 

 

「……ขอโทษด้วยนะ มิคาเอล」

 

 

 

ต่อหน้ามิคาเอลที่เป็นห่วงเธอ เทียแมตลดสายตาลงและขอโทษ

 

ดวงตาของเทียแมตซึ่งเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า มีความเหงาเล็กน้อยอยู่ในดวงตาเหล่านั้น

 

 

 

「……เข้าใจแล้ว」

 

 

 

ทันทีที่มิคาเอลเห็นแบบนั้น เขาก็พูดออกมา

 

 

 

「มิคาเอล?」

 

 

 

「ไปด้วยกันเถอะ หากเทตอยู่คนเดียว อาจจะเจอปัญหาลำบากมากมายได้」

 

 

 

เมื่อเห็นท่าทางที่สับสนและวิตกกังวลของเทียแมต แก้มของมิคาเอลก็ผ่อนคลายลง

 

ขณะเดียวกันก็มีบางสิ่งมาจากส่วนลึกภายในอกฉัน

 

 

 

「……ตกลง?」

 

 

 

「พ่อบอกให้กลับบ้านแต่ผมเองก็ทิ้งเทตไว้คนเดียวไม่ได้ อีกอย่างผมเองก็ไม่มีที่ให้กลับเหมือนกัน……」

 

 

 

แม้ว่าจะสืบทอดสายเลือดของหัวหน้าครอบครัว แต่มิคาเอลก็ถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายมากความสามารถตลอด

 

และก่อนที่เขาจะรู้ตัว ก็ไม่มีใครเห็นมิคาเอลเป็นมิคาเอลอีกต่อไป

 

มีพี่ชายที่แสนยอดเยี่ยมนำหน้าเขาเสมอ

 

ไม่ใช่ว่ามิคาเอลไม่ชอบพี่ชายของเขา เขาเคารพและเทิดทูนด้วยซ้ำ

 

อย่างไรก็ตาม ความสงสารที่ส่งตรงถึงเขาจากคนรอบข้างมาตลอดมันแทงทะลุหัวใจเขา

 

เขาเป็นเหมือนตัวแทนของพี่ชาย

 

ถ้าเป็นเพียงได้แค่ตัวแทน อยู่ที่นั่นจะมีประโยชน์อะไร

 

ความสงสัยเหล่านั้นเพิ่มมากขึ้น และก่อนที่จะรู้ตัวก็กลายเป็นความสงสัยเกี่ยวกับตัวเอง สิ่งรอบตัวและทุกสิ่งทุกอย่าง

 

ความหึงหวงและความอิจฉาใกล้จะระเบิดออกมา คนที่ปลอบใจก็มีเพียงแค่เทตที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขา

 

 

 

“ทุกคน ได้โปรด……”

 

 

 

“ทำบ้าอะไรของแก……?”

 

 

 

การพบปะกับมังกรแต่ละเผ่าในเขตกันชนที่นั่น เทียแมตถูกนำเข้ามาในฐานะลูกสาวคนสำคัญของตระกูลมังกรดำ

 

พวกเขาถูกพามาพบกันในขณะผู้ใหญ่กำลังจะประชุมกัน

 

 

 

“เอ๋ อ่าาาาาา! กระเจิงหมดแล้ว……”

 

 

 

ตอนที่เราพบกัน เทตพยายามปรับพลังของเธอให้เข้ากับตัวเองและพยายามควบคุมมัน

 

นี่เป็นหนึ่งในพื้นฐานของพื้นฐานการแสดงเวทย์วิญญาณแต่ไม่จำเป็นสำหรับมังกร

 

พวกเขาเกิดมาพร้อมกับธรรมชาติเดียวกันกับวิญญาณและสามารถสื่อสารความตั้งใจของคนกับวิญญาณที่อยู่รอบตัวเขาได้โดยการใช้ความคิด และใช้พวกมันเหมือนกับมือและเท้า เรียกได้ว่าเป็นสัญชาตญาณของเผ่ามังกร

 

อย่างไรก็ตาม มังกรดำที่อยู่ตรงหน้ามิคาเอลไม่สามารถทำอะไรตามสัญชาตญาณได้

 

 

 

“ว้าว อีกนิดเดียวเท่านั้นเอง……”

 

 

 

“……แฮะ แฮะ ก็ไม่มีทางเลือกนี่น่า“

 

 

 

เมื่อผมเห็นเด็กสาวของเธอที่มองลงมาทั้งน้ำตา ผมเองก็รู้สึกผิดอย่างอธิบายไม่ได้ ผมจึงพาเธอไปฝึกซ้อมจนการประชุมนั้นสิ้นสุดลง

 

ในตอนแรกอันตรายจนไม่สามารถปล่อยไปตามลำพังได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากใช้เวลาร่วมกัน หัวใจก็รู้สึกสงบได้เป็นธรรมชาติ

 

สักพักหนึ่งหลังจากที่เราเผชิญหน้ากันครั้งนั้น ได้ยินมาว่าเทียแมตใช้เวทย์ได้

 

นั่นคือจุดเริ่มต้นของทั้งสอง

 

 

 

「ผมอยากเห็นสิ่งนั้นเหมือนกัน จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศที่เธอจะสร้างขึ้นมา……」

 

 

 

「……ขอบคุณนะ มิคาเอล」

 

 

 

รอยยิ้มขี้อาย คิดว่าคงมีช่วงเวลาที่ลำบากมาบ้าง แต่มั่นใจว่าจะผ่านไปด้วยกันได้

 

พวกเขาทั้งสองต่างยิ้มไปด้วยความรู้สึกนั้น

 

นี่เป็นเรื่องราวเมื่อนานมาแล้ว ความทรงจำอันเลือนลางในช่วงเวลาที่พวกเขาเชื่อในอนาคตอย่างไม่มีข้อสงสัย

 

————————————————————

 

ไอริสและเพื่อนๆต่างวิ่งผ่านป่าในตอนกลางคืนชายชราเองก็วิ่งอยู่ข้างๆ

 

 

 

「กำลังจะบอกว่าเผ่ามังกรกำลังตามหาเทียแมตที่หลุดออกมาจากผนึกงั้นเหรอคะ?」

 

 

 

「ใช่แล้ว ก็ลงเอยจบลงด้วยการตามหาใครสักคนที่หลุดออกมาจากโลกอีกมิติหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อน แม้ว่าข้าจะแปลกใจที่เห็นเด็กสามารถดูดซับพลังของเทียแมตได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ」

 

 

 

ซอนเน่ตามคำถามไอริสโดยไม่ลังเล

 

ทันใดนั้นชายชราก็โผล่ตัวมาพร้อมกับแสง เขาโค้งคำนับให้ไอริสและคนอื่นๆเพื่อขอความช่วยเหลือ

 

สาวๆยังไม่เข้าใจสถานการณ์เต็มที่ นอกจากนี้ชายชรายังบอกว่าเขาเป็นมังกรที่หายตัวไปจากทวีปนี้และคอยจับตาดูเทียแมตที่หลุดจากผนึก

 

โดยธรรมชาติแล้วไม่สามารถเชื่อสิ่งที่ชายชรานี้พูดได้โดยง่าย

 

มิมูรุมองดูซอนเน่ด้วยความสงสัย และมาร์เองก็ไม่อยากจะเชื่อ

 

อย่างไรก็ตามไอริสและคนอื่นๆที่รู้ว่าโนโซมุอยู่ในอันตราย และจากพฤติกรรมผิดปกติของซอนเน่ พวกเขาจึงตัดสินใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติสำหรับตอนนี้ สิ่งที่สำคัญคือการไปหาโนโซมุ

 

นอร์นนั้นไปแจ้งจิฮัดเรียบร้อยแล้ว แผนคือรายงานให้ทราบและดำเนินการเข้าร่วมทันที

 

 

 

「จริงๆแล้วมีเรื่องมากมายอยากได้ยินจากคุณ……」

 

 

 

「ก็คงจะแบบนั้น ตอนนี้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับข้าแล้ว ข้าไม่สามารถจะนิ่งเงียบได้ ข้าจะไปหยุดอาเซลโดยเร็วที่สุด」

 

 

 

ซอนเน่หรี่ตาลงและวิ่งเข้าไปในป่าอันมืดมิด

 

 

 

「ถึงอย่างงั้น ก็ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าอาจารย์จิฮัดจะเป็นคนสังเกตการณ์ด้วย……」

 

 

 

「เพื่อที่จะกระทำการลับๆในโลกมนุษย์ ข้าเองก็ต้องการคนร่วมมืออย่างท่านจิฮัด」

 

 

 

นอร์นซึ่งอยู่กับไอริสและคนอื่นๆในโรงพยาบาลกำลังจะไปคุยกับจิฮัด

 

เนื่องจากสถานการณ์ร้ายแรงเชื่อว่าต้องใช้อำนาจของจิฮัดเพื่อควบคุมสถานการณ์

 

นอกจากนี้ยังมีเหตุผลว่าทำไมนอร์นเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในการคุยกับจิฮัด

 

 

 

「เป้าหมายของอาเซลคือการผนึกเทียแมตอีกครั้ง เพื่อจุดประสงค์นั้น ข้าเดาว่าเจ้านั่นพยายามจะใช้บาเรียปิดผนึกมังกรที่วางไว้รอบๆเมืองนี้」

 

 

 

「บาเรียผนึกมังกร? มีของแบบนั้นด้วยเหรอคะ?」

 

 

 

「อา มันเป็นเวทย์ที่สร้างมาใช้กับเทียแมตโดยเฉพาะ เดิมทีเก็บไว้เป็นหลักประกัน แต่เพราะอาเซลคิดว่านั่นคือไพ่ตายก็เลยรู้สึกอยากจะจัดการโดยตรง」

 

 

 

บาเรียผนึกมังกร เป็นเวทย์ผนึกพลังของมังกรซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันเท่านั้น

 

มันเป็นเทคนิคต้องห้ามที่คิดค้นโดยเผ่ามังกรเพื่อที่จะจัดการกลุ่มของพวกเขาเอง

 

ไอริสและคนอื่นๆซึ่งไม่รู้ว่ามีของแบบนี้อยู่ในเมือง ก็อดไม่ได้ที่จะซ่อนความประหลาดใจ

 

 

 

「ที่นี่….นี่คือที่ๆข้าฝังบาเรียผนึกมังกรเอาไว้ ดูเหมือนว่าอาเซลจะใช้เวทย์บางอย่าง」

 

 

 

ไอริสและคนอื่นๆก้าวไปข้างหน้าแม้จะพูดอะไรไม่ออกก็ตาม ในที่สุดก็มองเห็นได้ชัดเจน

 

 

 

「นั่นมัน……」

 

 

 

ชายชรานำทางไปทางหมู่บ้านก็อบลินที่พังทลายลงซึ่งไอริสเคยมาเยือน

 

หมู่บ้านซึ่งถูกออร์คยึดและถูกทำลายโดยสิ้นเชิงจากการอาละวาดของโนโซมุ  

 

ไอริสและคนอื่นๆมองทิวทัศน์ราวกับว่าพวกเขากำลังมองผ่านกระจกที่มีเมฆหนาและมีสีหน้าสงสัยบนใบหน้า

 

 

 

「ตอนนี้อาเซลและเด็กชายอยู่คนละมิติกับพวกเรา ระยะทางที่แตกต่างนั่น ข้าจะเป็นคนเปิดทางให้」

 

 

 

หลังจากพูดแบบนั้น ซอนเน่ก็เหยียดมือขึ้นไปในอากาศ จากนั้น แสงจางๆก็รั่วไหลออกมาจากมือของเขา กระจายไปในอากาศราวกับมันกำลังจะละลาย

 

ขณะที่มองไปยังสถานที่แห่งนั้น ไอริสและคนอื่นๆก็หันไปมองชายชราตรงหน้า

 

ก็พบว่าซอนเน่กลายร่างเป็นมังกร อย่างไรก็ตามมีคำถามมากมายอยากจะถาม

 

ไม่มีเวลาให้คิดขณะที่วิ่ง แต่เมื่อหยุดแบบนี้ก็อดสงสัยไม่ได้

 

ขณะที่มีบรรยากาศแปลกๆ มาร์เป็นฝ่ายเปิดก่อน

 

 

 

「แล้วถ้าเป้าหมายของอาเซลคือเทียแมต ทำไมเธอถึงได้กระตือรือร้นที่จะกำจัดเป้าหมายมากขนาดนั้นด้วย?」

 

 

 

ไหล่ของซอนเน่กระตุกเล็กน้อย

 

ซอนเน่ยังคงเข้าไปในม่านพลังอย่างเงียบๆอยู่พักหนึ่ง แต่ในที่สุดไหล่ของเขาก็ทรุดราวกับว่าเปิดทางสำเร็จ

 

 

 

「อาเซลคิดว่าเทียแมตเป็นศัตรูของพ่อเธอ ซึ่งเป็นมังกรขาวอีกตนที่ถูกเรียกว่ามิคาเอล」

 

 

 

「ศัตรูของพ่อ?」

 

 

 

ซอนเน่พยักหน้าเล็กน้อยยืนยัน

 

หลังของเขาค่อยๆเล็กลง

 

 

 

「มิคาเอลและเทียแมตคือเพื่อนสมัยเด็กกัน คงจะยาวเกินไปที่จะเล่าเรื่องราว……」

 

 

 

เสียงเรียบๆ อย่างไรก็ตาม มีร่องรอยของความเสียใจปนอยู่

 

อยากจะทราบรายละเอียดแต่น่าเสียดายที่เราไม่มีเวลามากขนาดนั้น

 

เหนือสิ่งอื่นใด ก่อนอื่นจะถามซอนเน่เรื่องความผันผวนของพื้นที่ตรงหน้า

 

 

 

「……ไม่ว่ายังไง มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการต่อสู้งกับอาเซล」

 

 

 

มาร์ยักไหล่ขณะต่อยหมัดเข้าที่มือของตัวเอง ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

 

ดังที่มาร์กล่าวอาเซลคือคนที่พยายามจะผนึกเทียแมต แม้จะมีซอนเน่ที่คอยจับตาดูอยู่ก็ตาม

 

หากทำแบบนี้ต่อไปคงไม่พ้นต้องสู้กัน

 

แน่นอนว่ามาร์เองถึงจะเป็นคนหัวรั้นแต่ก็รักเพื่อนมาก

 

 

 

「ทำไมรู้สึกเจ็บปวดแปลกๆ ราวกับว่ากำลังกลัว?」

 

 

 

คนที่ยั่วยุมาร์คือฟีโอที่สะบายไม้กระบองอันใหญ่ไว้บนไหล่

 

 

 

「เพราะเคยโดนโนโซมุซัดมาละมั้ง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะเสียความมั่นใจ แหมๆ ดูเหมือนจะทำอะไรกับทอมเมื่อเร็วๆนี้สิน้า คริคริ แต่ก็ไม่เห็นความคืบหน้าอะไรเลยสักนิดเลยเน้ออออออออ สงสัยคว้าน้ำเหลวอะจิ~」

 

 

 

แม้ว่าจะเป็นสถานการณ์เช่นนี้ฟีโอก็ยังไม่หยุดแกล้งมาร์และจงใจพูดยาวเหยียดเพื่อกระตุ้นมาร์

 

เมื่อเผชิญหน้ากับการยั่วยุของฟีโอ บนหน้าของมาร์ก็เดือดสุดๆ

 

แม้แต่มาร์ ความทรงจำที่เกือบจะโดนโนโซมุฆ่าตายยังรู้สึกสดใหม่

 

ตอนนั้นโล่งใจที่ทุกอย่างออกมาดี แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจถึงความอ่อนแอของตัวเอง

 

 

 

「อะ อะ อะแย่แล้ววววววววววววววววววววววว……」

 

 

 

ทิม่าที่อยู่ใกล้ๆเริ่มตื่นตระหนกเมื่อเห็นท่าทีของทั้งสอง

 

 

 

「……อย่ามาพูดจาพล่อยๆแบบนี้สิ แล้วแกจะเอาไงหา」

 

 

 

「ข้าน้อยเองก็มีหลายสิ่งหลายอย่างต้องทำ……」

 

 

 

มาร์จ้องมองกลับมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง

 

เราทั้งคู่ต่างหมดหนทาง พวกเขาไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่จ้องมองไปยังพื้นที่ๆกระพริบอยู่ตรงหน้า

 

ความตึงเครียดยังคงเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามทั้งสองยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กัน

 

 

 

「เอ๋? เอ๋? เออออออออออออออออออออออออออออออ๋?」

 

 

 

ในทางกลับกันทิม่ากลับถูกทิ้งไว้ข้างหลังทั้งสองคน

 

ขณะที่มาร์และฟีโอสร้างบรรยากาศแปลกๆ ซอนเน่เองก็ปล่อยวิชาของคนเองไปในอากาศ

 

ในที่สุดหลุมห้วงมิติก็เปิดออกและในที่สุดก็ขยายจนสามารถเดินเข้าไปได้หลายคน ด้านหลังมองเห็นทิวทัศน์ที่ไร้ซึ่งสีสัน

 

 

 

「เอาล่ะ ประตูเปิดออกแล้ว เข้าไปกันเลยยย อ๊อก!」

 

 

 

สีหน้าซอนเน่ที่เพิ่งเปิดประตูมิติบิดเบี้ยวราวกับกินแมลงลงไป และลมแรงๆก็พัดออกมาจากประตูนั่น

 

มันไม่ใช่ลมตามธรรมชาติ มันเป็นลมกรรโชกจากการระเบิดพลังอันรุนแรง

 

 

 

「ดูเหมือนว่าจะแย่แล้วแหะ……」

 

 

 

「อึก!รีบๆกันหน่อยคะ!」

 

 

 

「ค่ะ พี่สาว!」

 

 

 

「เข้าใจแล้วล่ะน่า」

 

 

 

สถานการณ์ที่ไม่ปกติเริ่มต้นขึ้นแล้ว ไอริส ซีน่า และโซเมีย เบิกตากว้างกับข้อเท็จจริงนี่และกระโดดเข้าไปในประตูมิติ

 

 

 

「ฟีโอ เร็วเข้าไอ้เวร!」

 

 

 

「จ้า จ้า เข้าใจแล้วจ้า พ่อคุณนักกล้าม!」

 

 

 

「นี่ รอก่อนทั้งสองคน~!」

 

 

 

ฟีโอและมาร์เข้าไปในประตูมิติตามด้วยทิม่าที่กลัวถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

 

 

 

「มิมูรุ! เร็วเข้า!」

 

 

 

「ขอให้โชคดีน้า! ทอมจับเอาไว้ให้แน่นล่า~!」

 

 

 

「เดี๋ยวก่อนสิเห้ย!」

 

 

 

นอกจากนี้มิมูรุอุ้มทอมเข้าไป ก่อนที่ซอนเน่จะหยุดพวกเขาไว้ได้ ทุกคนก็เข้าไปในประตูมิติแล้ว

 

ยังไงก็ตามมิมูรุรีบวิ่งเข้าไปพร้อมอุ้มทอมในท่าเจ้าหญิง

 

 

 

「โอ้วนี่ ! สาวๆเอ๋ยรอข้าก่อนนนนนนนนนนนน!」

 

 

 

ในที่สุดซอนเน่ก็ไล่ตามด้วยความตื่นตระหนก

 

ในที่สุดไอริสและคนอื่นๆก็มาถึงที่โล่ง

 

อย่างไรก็ตามไม่ใช่ย่านพลาซ่าที่ขยายตัวตามธรรมชาติ

 

ต้นไม้ใหญ่ที่หักและกระจัดกระจายไปทั่ว และมีรอยกัดเซาะทุกบริเวณ

 

อาจเป็นเพราะการปล่อยพลังอันเข้มข้นออกมา ต้นไม้บางต้นไหม้เกรียมเป็นเถ้าถ่าน

 

ฉากนี้ดูเหมือนทอร์นาโดที่กำลังลุกเป็นไฟ

 

เห็นได้ชัดไม่ใช่ภัยพิบัติจากมนุษย์

 

 

 

「นี่มัน……」

 

 

 

ไอริสและคนอื่นๆพูดอะไรไม่ออก ในขณะนั้นมีบางอย่างสีแดงปรากฏขึ้นที่มุมของปลายสายตา

 

เมื่อไอริสมองไปยังตรงนั้น ก็เห็นลิซ่าหมอบอยู่ในช่องว่างของต้นไม้ที่ล้มลง สีหน้าของเธอบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด

 

 

 

「เอ๊ะ!? ลิซ่าซัง ไม่เป็นไรนะ?」

 

 

 

「อั่ก แค่ก แค่ก!」

 

 

 

ทันทีที่ลิซ่าไอออกมา ของเหลวสีแดงก็หลุดมาจากปากของเธอ

 

ผิวของเธอคล้ำลงและไม่มีเลือดในตัวเลย อาการหนักมาก

 

 

 

「ไม่ได้การแล้ว ต้องรีบรักษา!」

 

 

 

「อะ อืม!」

 

 

 

「เข้าใจแล้ว」

 

 

 

มาร์และฟีโออุ้มร่างของลิซ่าออกจากซากต้นไม้ ส่วนไอริส ทิม่า และซีน่าใช้เวทย์ฟื้นฟู

 

แสงอันอ่นโยนปกคลุมร่างของลิซ่า อย่างไรก็ตามลิซ่าแทบจะไม่เคลื่อนไหว

 

 

 

「แย่แล้ว แทบไม่ได้ผลเลย!」

 

 

 

「ให้ตายเถอะ……..อวัยวะภายในฉีกขาดหมดเลย? แถมลมหายใจโรยรินอีก!」

 

 

 

ไอริสและคนอื่นๆต่างเครียดกับสภาพของลิซ่าที่หนักมาก

 

บางทีอวัยวะภายในคงบาดเจ็บสาหัสและเสียพลังชีวิตไปมาก

 

เวทย์ฟื้นฟูจะกระตุ้นพลังชีวิตของผู้บาดเจ็บและรักษาบาดแผล แต่ถ้าบุคคลนั้นมีพลังชีวิตที่น้อย ก็จะกระตุ้นได้ไม่เต็มที่

 

หากเป็นแบบนี้ต่อไป ลิซ่าจะอ่อนแรงลงและตายก่อนที่บาดแผลจะหายก่อน

 

ความตึงเครียดก่อตัวระหว่างทั้งสามคนในขณะนั้นปากของลิซ่าขยับเล็กน้อย

 

 

 

「เอ๊ะ?」

 

 

 

「……ชะ-เขา」

 

 

 

ไอริสฟังเสียงครวญครางของเธอพร้อมระวังไม่ให้เวทย์ฟื้นฟูหยุดไป

 

 

 

「ขอโทษด้วย แต่ได้โปรด…..ช่วย โน-โซ-มุ」

 

 

 

สิ่งที่ได้ยินคือคำขอโทษและชื่อของเขา

 

แม้ว่าเธอจะหมดสติและตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต แต่เธอก็ยังพูดถึงคนรักเก่าต่อไป

 

 

 

「เชื่อฉันเถอะ….ฉันขอโทษที่ไม่ไว้ใจ…ขอโทษ……」

 

 

 

คำวิงวอนของเธอนั้นเล็กยิ่งกว่าเสียงลมพัดผ่าน คำพูดเหล่านั้นทำให้ไอริสหงุดหงิดอย่างมาก

 

ความเจ็บปวดที่เหมือนกับหัวใจถูกบีบรัด

 

แน่นอนว่ามุมปากประกบกันแน่น และฉันอยากจะใช้มือขยี้หน้าเธอและกรีดร้องใส่

 

ในขณะเดียวก็รังเกียจตัวเองที่คิดเรื่องสกปรกเช่นนี้

 

แม้ว่าตอนนี้พยายามคิดถึงแต่โนโซมุ แต่ความรู้สึกอิจฉาริษยาก็ครอบคลุมจิตใจอย่างรวดเร็ว

 

ไอริสหันไปมองซีน่าที่ใช้เวทย์ฟื้นฟูต่อไป

 

เด็กสาวเผ่าเอลฟ์คิ้วขมวดเมื่อเห็นอาการลิซ่าแย่ลง แต่ยังคงใช้เวทย์รักษาอย่างสิ้นหวัง

 

ไม่มีอารมณ์เชิงลบเช่นความอิจฉาริษยาอะไรทั้งนั้น เธอแค่ดิ้นรนช่วยชีวิตตรงหน้าเธอ

 

ฉันล่ะชื่นชมในความบริสุทธิ์ใจของเธอจริงๆ และในขณะเดียวกันฉันดูเหมือนพวกใจแคบไปเลย

 

 

 

(ฉันนี่มันน่าสมเพชจริงๆ แต่ว่า…….)

 

 

 

อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้ยึดติดกับสิ่งนั้นอีกแล้ว

 

หลับตาหายใจเข้าลึกๆและหายใจออกช้าๆ

 

 

 

「ฟู่ววววววววว……」

 

 

 

มีหลายครั้งที่เธอดูถูกตัวเอง ฉันไม่สามารถคิดถึงเขาเช่นเดียวกับซีน่าได้ และยังไม่สามารถระงับความโกรธที่มีต่อลิซ่าได้อย่างสมบูรณ์

 

ทุกครั้งที่ตระหนักถึงความปรารถนาของตัวเอง ฉันก็จะรู้สึกถึงความต่ำต้อย มันเหมือนกับพวกขุนนางที่ตัวเองเกลียด

 

ถึงกระนั้น เมื่อฉันหลับตา ฉันนึกภาพของเขาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มทั้งๆที่แผ่นหลังต้องแบกรับปัญหาอันยิ่งใหญ่

 

หนุ่มต่างเพศคนแรกและคนเดียวที่ฉันเปิดใจยอมรับ เพียงทำเช่นนั้นฉันก็สงบใจได้

 

ก่อนที่จะรู้ตัวความคิดอันดำมืดภายในใจก็มลายหายไป

 

 

 

「โกโฮะ โกโฮะ!」

 

 

 

「อึก!? ไม่ดีเลยชีพจรอ่อนลงแล้ว!」

 

 

 

หลังจากที่ลิซ่าไอออกมาเลือดก็ไหลออกมาอีกครั้ง และสติของไอริสก็กลับมาสู่ความเป็นจริง

 

ฉันสงบสติอารมณ์และเทพลังเวทย์ลงไปที่เวทย์รักษา

 

ความรู้สึกที่ผสมปนเปในตอนนี้ ฉันอยากให้เธอรอดกลับไป เพื่อตัวเธอและโนโซมุ

 

อย่างไรก็ตาม ราวกับหักหลังความรู้สึกของเธออุณหภูมิร่างกายของลิซ่าต่ำลงเรื่อยๆ

 

 

 

「บ้าเอ้ย ! แข็งใจไว้ ! เธอไม่คิดบ้างเหรอว่าโนโซมุจะต้องปวดใจแค่ไหนถ้าเธอตายที่นี่ ? นี่เธอจะทำให้เขาสิ้นหวังไปอีกมากแค่ไหนกันคะ!」

 

 

 

เธอเปล่งเสียงราวกับจะขอร้อง แต่ชีวิตของเธอก็ใกล้ถึงจุดจบเต็มที

 

ลำพังแค่พวกเราทำอะไรไม่ได้ ขณะที่กำลังจะหมดสติ ก็มีคนเรียกฉัน

 

 

 

「ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง」

 

 

 

ซอนเน่ก้าวเข้ามาระหว่างไอริสและคนอื่นๆยกมือขึ้น

 

วงกลมเวทย์สีขาวเปิดออกและพลังเวทย์ที่เอ่อล้นจากร่างของเขาก็ถูกถ่ายเทใส่ร่างของลิซ่า

 

จากนั้นผิวของลิซ่าก็เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

 

 

 

「ข้าลดธาตุต้นกำเนิดลงเและเปลี่ยนมันเป็นพลังชีวิตให้เธอโดยตรง ในขณะเดียวกันก็รักษาบาดแผลภายในไปแล้ว หากเป็นแบบนี้ก็คงจะตื่นในอีกไม่กี่นาที」

 

 

 

「น่าตกใจจริงๆ……」

 

 

 

「ข้าปล่อยให้เธอตายไม่ได้ ว่าแต่พ่อหนุ่มนั่นอยู่ไหน……」

 

 

 

มาร์ชื่นชมความสามารถของซอนเน่ แต่ซอนเน่เริ่มมองไปรอบๆทันที

 

โลกสีเทาที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวา โนโซมุและอาเซลน่าจะอยู่ที่นี่……。

 

 

 

「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!」

 

 

 

ช่วงเวลาต่อมา เสียงกรีดร้องก็ดังไปทั่วป่าสีเทา

 

ในเวลาเดียวกันลมกรรโชกแรงและพื้นดินก็สั่นสะเทือนด้วยเสียงคำราม

 

 

 

「แย่แล้ว!」

 

 

 

「แผ่นดินไหวเหรอ!?」

 

 

 

นอกจากนี้ จากส่วนลึกที่สุดของต้นไม้ เกิดแสงอันเจิดจ้าจนทำให้ดวงตาแทบลุกไหม้

 

เมื่อซอนเน่เห็นแสงนั่น สีหน้าเขาก็บิดเบี้ยว

 

 

 

「……ดูเหมือนว่าบาเรียผนึกมังกรจะถูกใช้งานแล้ว」

 

 

 

「อาเซลเป็นคนทำงั้นเหรอ?」

 

 

 

「ไม่ นี่มัน……」

 

 

 

การเปิดใช้งานบาเรียผนึกมังกร หากตามคำพูดของซอนเน่หมายความว่าโนโซมุกำลังโดนจองจำ

 

หากเป้าหมายของอาเซลคือเทียแมต โนโซมุเองก็ไม่ยอมง่ายๆ

 

ไอริสและคนอื่นๆต่างสีหน้าไม่สู้ดี เมื่อสถานการณ์เริ่มสิ้นหวังมากเรื่อยๆ

 

 

 

「ไอริสและคนอื่นๆรีบไปหาโนโซมุคุงเร็วเข้า ผมกับปู่จะดูแลลิซ่าเอง」

 

 

 

「ทอม……」

 

 

 

「ขอโทษด้วยข้าเองก็ขยับตัวไม่ได้จนกว่าจะรักษาแม่สาวน้อยคนนี้เสร็จ ซื้อเวลาให้ข้าสักสองสามนาที」

 

 

 

「แต่ว่า……」

 

 

 

คำพูดของซอนเน่และทอมกระตุ้นให้พวกเขาไป

 

ไอริสมองลิซ่าที่กำลังนอนบนพื้นราวกับว่าหลงทางไปชั่วขณะ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองขึ้นไปด้านบน ก็เห็นด้านในสุดของป่า

 

 

 

「……เข้าใจแล้ว ได้โปรดดูแลเธอด้วย โซเมียจังอยู่ที่นี่กับปู่ซอนเน่นะ」

 

 

 

「แต่ว่าหนู……」

 

 

 

「อาจารย์อันริเองก็มไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย เพราะงั้นอยู่ที่นี่จะปลอดภัยกว่า」

 

 

 

แม้ว่าเธอจะลังเลและกังวลเล็กน้อย แต่ก็บอกโซเมียแบบนั้น และมองไปยังส่วนลึกของป่า

 

 

 

「มิมูรุ อย่าประมาทล่ะ」

 

 

 

「เข้าใจแล้วน่า ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกที่รัก !」

 

 

 

「มาร์ก็ด้วยนะ……」

 

 

 

「อ่า จะไม่ทำอะไรบ้าบิ่นทั้งๆที่ไม่มีโอกาสชนะหรอก」

 

 

 

「แม่สาวน้อย เอาเจ้านี่ไปด้วย」

 

 

 

「เอ๊ะ?นี่มัน!」

 

 

 

ซอนเน่ขว้างบางอย่างให้ไอริสที่กำลังออกวิ่ง

 

เมื่อตรวจสอบสิ่งนี้มันคือคริสตัลหกเหลี่ยมโปร่งใสราวกับควอตซ์

 

พื้วผิวถูกแกะสลักอย่างแน่นหนาด้วยลวดลายเรขาคณิตซึ่งมีลักษณะคล้ายกับวงเวทย์ของชายชรา

 

 

 

「นี่คือ?」

 

 

 

「อะไรงั้นเหรอ เป็นเหมือนเครื่องรางนั่นแหละนะ….หากเห็นอาเซลพยายามจะหยุดยั้งพ่อหน่มนั่นและพยายามผนึกเขาละก็ ปาเจ้านี่ใส่อาเซลซะ มันอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง แม้ว่าอาเซลจะเป็นเด็กผู้หญิงแต่พลังของเธอก็เยอะกว่าเด็กธรรมดา เพราะงั้นพกเครื่องรางนี่ติดตัวไปด้วย」

 

 

 

「มันจะได้ผลจริงๆงั้นเหรอคะ?」

 

 

 

「เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณข้า มันเป็นของใช้แล้วทิ้ง แต่รับประกันประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง」

 

 

 

「ส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณ ไม่เป็นไรแน่นะคะ?」

 

 

 

มันไม่เป็นไร ถ้าเป็นแค่ส่วนหนึ่ง มันอาจจะโอเคเพราะพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่ว่ามันก็เป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาร

 

หากแบ่งจิตวิญญาณต่อไป ไม่เพียงแต่ความสามารถแต่ยังรวมถึงความทรงจำ กรณีเลวร้ายที่สุด ก็สูญเสียความรู้สึกของตนเอง กลายเป็นตัวตนเรร่อน

 

ซอนเน่ส่ายหัวบอกปัด

 

 

 

「ไม่มีอะไรที่ให้พวกเจ้าเชื่อใจข้า เพราะงั้นถือว่านั่นเป็นหลักประกันอย่างหนึ่งในการแสดงความจริงใจของข้าก็ได้ เพราะงั้นอย่าได้ลังเล」

 

 

 

「……เข้าใจแล้ว ฝากเรื่องลิซ่าด้วยนะคะ」

 

 

 

ไอริสคว้าเครื่องรางที่ได้รับมา

 

มีหลายสิ่งที่ฉันคิดในตอนนี้ แต่อย่างน้อยชายชราก็พยายามใช้ความจริงใจแลกกับพวกเธอ

 

ในกรณีนี้สาบานกับตัวเองว่าจะทำให้ดีที่สุด

 

 

 

「นอกจากนี้ เนื่องจากเป็นบาเรียผนึกมังกร จึงเป็นบาเรียที่แทรกแซงภายในจนถึงขีดสุด ในทางกลับกันมันถูกแทรกแซงจากภายนอกได้ง่าย หากใช้เจ้านั่นได้ดีพอ ก็สามารถทำลายบาเรียผนึกมังกรใส่พ่อหนุ่มนั่นได้」

 

 

 

หลังจากพยักหน้าตามคำแนะนำของซอนเน่ แล้วไอริสและคนอื่นๆก็วิ่งเข้าไปในป่าลึก

 

สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือสิ่งมีชีวิตในตำนานที่มีพลังเหนือความเข้าใจของมนุษย์ เช่นเดียวกับชายชราคนนี้ ไอริสและคนอื่นๆรีบไปหาโนโซมุขณะที่หอบหายใจอย่างรุนแรง

 

เธอเดินต่อไปโดยไม่ลังเล ไม่สนใจกิ่งไม้ที่ขวางทางและในที่สุดก็มาถึง

 

 

 

「นั่นมัน……!」

 

 

 

「โนโซมุ!?」

 

 

 

สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือ โนโซมุที่ดวงตาถูกย้อมเป็นสีแดงเข้มและถูกมัดไว้ด้วยแสงสีขาว และมังกรสีขาวที่ปีกข้างหนึ่งถูกฉีกออกและมีรอยฉีกขาดตามร่างกาย และทันใดนั้นก็มีภาพคริสตัลแวววาวลอยอยู่ระหว่างโนโซมุและอาเซลที่กำลังจ้องมองกันอยู่

 

ทันทีที่ไอริสและคนอื่นๆเห็นดวงตาสีแดงของโนโซมุ ความรู้สึกแย่ๆก็ไหลเข้ามาในตัวพวกเขา

 

 

 

「โนโซมุ!?ไม่นะ…..เจตนาฆ่าแบบนั้น……」

 

 

 

สิ่งที่อยู่ในใจของโนโซมุตอนนี้คือเทียแมตที่กำลังคลุ้มคลั่ง ไอริสและคนอื่นๆต่างหยุดโดยรู้ดีว่าหากเข้าใกล้จะโดนคมดาบมายาอันแสนอันตราย

 

นอกจากนี้เจตนาฆ่าที่ถูกปล่อยไปอย่างไม่เลือกหน้าจากตัวโนโซมุ และความหนาวเย็นเหมือนศรน้ำแข็งที่ทิ่มแทงหลังทำให้ไอริสและคนอื่นๆกังวลมากยิ่งขึ้น

 

 

 

「ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!」

 

 

 

ด้วยเสียงกรีดรร้องที่สั่นสะเทือนในอากาศ พลังงานจำนวนมหาศาลถูกปล่อยจากร่างโนโซมุ

 

ความร้อนที่แผดเผาชวนให้นึกถึงภูเขาไฟ อย่างไรก็ตาม พลังที่ปะทุหายไปทันทีและไม่มีผลกระทบต่อรูปลักษณ์ที่รั้งเขาไว้

 

นอกจากนี้ร่างกายของอาเซลที่จ้องโนโซมุซึ่งถูกคุมตัวเอาไว้ ปล่อยแหล่งกำเนิดแสงสีขาวไหลไปสู่คริสตัล

 

ในเวลาเดียวกันวงแหวนก็เริ่มรัดตัวโนโซมุแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

มีเรื่องน่าหนักใจในเวลาเดียวกัน วงเวทย์ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าโดยมีศูนย์กลางคือคริสตัลเวทย์ที่ลอยอยู่ในอากาศ และเสียงที่ดังกึกก้องราวกับพื้นดินจะแยกออกจากกัน

 

ทันใดนั้นไอริสก็หนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง และก่อนที่เธอจะรู้ตัวเธอก็มุ่งไปที่เวทย์ของเธอและกรีดร้องออกมาดังๆ

 

 

 

「รอก่อนนะโนโซมุ(ผัวฉัน)!」

 

 

 

ด้วยเสียงอันดังก้อง กระสุนเวทย์จำนวนมากถูกยิงใส่อาเซล

 

 

 

 

 

บริจาคค่าน้ำดำ ค่าชา กาแฟ และกระดูกไขสันหลังได้ที่

097-005-6950 ภารดร บุญมา พร้อมเพย์/วอลเล็ต