ตอนที่ 175 จัดการ (1)
ในห้อง จวินอู๋เสียบ้วนปากของนางไปแล้วเจ็ดถึงแปดครั้ง แต่ก็ไม่สามารถขจัดกลิ่นเลือดในลำคอของนางได้ นางนั่งข้างโต๊ะและมองดูเจ้าแมวดำตัวน้อยที่กำลังดิ้นรนอยู่บนโต๊ะ เป็นครั้งแรกที่ดวงตาของนางมีความกังวลเกิดขึ้น
นางยกมือขึ้นแล้วลูบขนมันตามปกติ
“ผ่านมันไปให้ได้นะ”
เจ้าแมวดำตัวน้อยไม่รู้ว่ามันดิ้นรนมานานแค่ไหน รู้แค่ว่าราชสีห์ทองคำยักษ์ตัวนั้นค่อยๆ ถูกมันฉีกกระชากทีละเล็กทีละน้อย มันมีบาดแผลทั่วตัว หมดแรง และล้มลง ท่ามกลางความมืดอันว่างเปล่า มันได้ยินเสียงที่คุ้นเคยอย่างยิ่ง
เหมียววว
จวินอู๋เสียตื่นขึ้นมา และทันทีที่นางลืมตาขึ้น นางก็เห็นเจ้าแมวดำตัวน้อยที่คุ้นเคยกำลังถูใบหน้าของนางอยู่
“ทำไมเจ้ามานอนอยู่ที่นี่” เสี่ยวเฮยกะพริบตาและมองจวินอู๋เสีย เมื่อมันตื่นขึ้นมาก็เห็นจวินอู๋เสียนอนอยู่บนโต๊ะ
จวินอู๋เสียลุกขึ้นนั่งและไม่ได้ตอบคำถามของเสี่ยวเฮยทันที นางมองเจ้าแมวดำตัวน้อยอย่างละเอียด และพบว่ามีขนสีทองแซมอยู่บนหน้าอกของมัน ขนสีทองนั่นเหมือนดั่งโซ่ที่ฝังอยู่ในขนสีดำเหล่านั้น
แมวดำตัวน้อยเอียงศีรษะและมองตามสายตาของจวินอู๋เสีย ดึงขนของตัวเองออกมา จากนั้นมันก็เห็นรอยสีทองนั้น
“เอ่อ ทำไมมันถึงดูเหมือนเจ้าตัวใหญ่นั่นจัง” แมวดำตัวน้อยพึมพำ
“ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง” จวินอู๋เสียเอ่ยถาม
“สดชื่นมาก ไม่รู้ว่าเจ้าสิงโตโง่เขลานั่นวิ่งเข้าไปในความฝันของข้าได้อย่างไร ข้าจึงกินมันอีกครั้ง ฮ่าๆๆ” แมวดำตัวน้อยเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ราวกับว่าเครื่องหมายสีทองบนหน้าอกของมันคือตราสัญลักษณ์ของวีรบุรุษ
จวินอู๋เสียยื่นมือออกมาลูบหัวเล็กๆ ของมัน ใจที่กังวลอยู่ก็ค่อยๆ คลายลง
แมวดำตัวน้อยไม่รู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ในร่างกายของมันจึงไม่คิดมาก
สองวันต่อมา องค์รัชทายาทมั่วเฉี่ยนยวนขึ้นเถลิงราชสมบัติ ทั่วทั้งรัฐชีเฉลิมฉลองที่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ทรงพระราชทานอภัยโทษให้กับเหล่านักโทษที่มีความผิดไม่รุนแรงทั้งหมดในคุกให้ได้รับการปล่อยตัว
ในวันแรกของการขึ้นครองราชย์ มั่วเฉี่ยนยวนได้ปฏิรูประบบราชสำนักใหม่ ขับไล่หนอนที่ทุจริตและติดสินบนออกจากตำแหน่งของพวกเขา และได้เลื่อนตำแหน่งขุนนางที่มีฐานะยากจนขึ้นมา
การแต่งตั้งข้าราชการของฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับฐานะหรือชาติตระกูล แต่ใช้ความสามารถของแต่ล่ะคนเป็นเกณฑ์หลัก ทำให้ฮ่องเต้เป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่ประชาชน
และในช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองทั่วรัฐนี้ ร่างที่จนตรอกก็ถูกกองทัพรุ่ยหลินสองคนลากมายืนอยู่ที่มุมหนึ่งของราชสำนัก มองดูมั่วเฉี่ยนยวนสวมชุดมังกรนั่งอยู่บนบัลลังก์และจัดการปัญหาบ้านเมือง
“ภาพนี้ดูดีหรือเปล่า” จวินอู๋เสียเดินออกมาจากมุมมืด มองดูชายชราที่มีใบหน้าเศร้า
อดีตฮ่องเต้มีสีหน้าซีดเซียว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง บัลลังก์ที่เขาปกป้องอย่างระมัดระวังมาโดยตลอด ตอนนี้กลับถูกลูกชายที่เขารังเกียจนั่งอยู่ ส่วนตัวเขากลับถูกกองทัพรุ่ยหลินบังคับให้ดูกระบวนการทั้งหมดของการขึ้นครองบัลลังก์
เข็มเงินของจวินอู๋เสียแทงเข้าที่ดวงตาของเขา มันไม่ได้ทำให้เขาตาบอด แต่ทำให้เขาลืมตาอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการมอง แต่เข็มเงินในดวงตาของเขาก็ทำให้เขาไม่สามารถปิดตาลงได้
จวินอู๋เสียต้องการให้เขาดูตำแหน่งฮ่องเต้ที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด ถูกลูกชายที่เขารังเกียจมากที่สุดแย่งชิงไป
จากฮ่องเต้ที่ยืนอยู่เหนือผู้คนนับหมื่นสู่นักโทษ เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้อดีตฮ่องเต้มีผมขาวแซมขึ้นเต็มศีรษะในเวลาเพียงไม่กี่วัน และร่างกายของเขาก็แก่ชราลงไปสิบกว่าปี
“จวินอู๋เสีย ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร ข้าพ่ายแพ้ในมือของเจ้า ข้ายอมรับ แต่เจ้าอย่าได้หยิ่งผยองมากจนเกินไปนัก มั่วเฉี่ยนยวนสามารถฆ่าบิดาของตัวเองแล้วแย่งชิงบัลลังก์ไปได้ รอเขาขึ้นครองราชย์แล้ว เขาจะยอมปล่อยให้จวนหลินอ๋องเป็นใหญ่ได้อย่างไร” อดีตฮ่องเต้จ้องจวินอู๋เสียอย่างชั่วร้าย เพราะเขารู้ดีว่ามั่วเฉี่ยนยวนนั้นมีความสามารถเพียงใด
ตอนที่ 176 จัดการ (2)
หากไม่มีการสนับสนุนจากจวินอู๋เสีย มั่วเฉี่ยนยวนไม่มีวันได้ครองบัลลังก์ในชีวิตนี้
จวินอู๋เสียเหลือบมองเล็กน้อย ฮ่องเต้ผู้เป็นเหมือนสุนัขจรจัดไร้ที่อยู่ ไม่นานสายตาของเขาก็จ้องมองไปที่มั่วเฉี่ยนยวนผู้กล้าหาญที่นั่งอยู่บนบัลลังก์อีกครั้ง
“เจ้าคิดว่าเพราะเหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้”
อดีตฮ่องเต้หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง กัดฟันและกล่าวว่า “ ความทะเยอทะยานที่โฉดชั่ว ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
จวินอู๋เสียมองเขา “แรกเริ่มเขาเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ แต่กลับถูกเจ้าเลี้ยงให้กลายเป็นหมาป่า เจ้าฆ่ามารดาของเขา และทำลายตระกูลของท่านปู่ของเขาทั้งหมด แถมยังวางยาพิษเขา ในเมื่อเจ้าทำทุกทางเพื่อไม่ให้เขามีชีวิตอยู่ ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างบุตรบิดา แล้วตอนนี้เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองเป็นบิดาของเขาได้อีกหรือ”
เหตุการณ์แบบนี้มันคุ้นๆ ในชาติก่อนคนคนนั้นไม่ปฏิบัติกับนางเหมือนญาติทางสายเลือด เขากักขังนางไว้ทั้งวันเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง ในชาตินี้นางจึงได้รู้จากจวินเสี่ยนว่าจริงๆ แล้ว ‘ปู่’ ควรเป็นแบบนี้ต่างหาก
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง
ที่มั่วเฉี่ยนยวนมาถึงจุดนี้ได้ ไม่ใช่เพราะอดีตฮ่องเต้บีบบังคับให้เขาต้องเป็นเช่นนี้หรอกหรือไง
อดีตฮ่องเต้มีสีหน้าสิ้นหวังและพูดไม่ออก
“ถึงเวลาจัดการกับพวกเจ้าแล้ว” จวินอู๋เสียเหลือบมองอดีตฮ่องเต้และส่งสายตาให้กับกองทัพรุ่ยหลินที่จับเขาไว้
อดีตฮ่องเต้ตื่นตกใจ ความกลัวที่มีต่อจวินอู๋เสียในใจของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากจะอ้าปากและตะโกนออกมา แต่ก็ถูกกองทัพรุ่ยหลินปิดปากเขาไว้อย่างแน่นหนาและลากเขาออกจากมุมท้องพระโรงอย่างรุนแรง
คุกใต้ดินในวังหลวงเป็นสถานที่ที่ไม่อาจแพร่งพรายของราชวงศ์ มันถูกซ่อนไว้และเต็มไปด้วยความมืด นอกจากคนในราชวงศ์แล้ว น้อยคนนักที่จะรู้ว่ามีสถานที่แห่งนี้อยู่ อดีตฮ่องเต้หลายพระองค์จัดการหอกข้างแคร่ที่นี่ไปไม่รู้กี่คน ในวันนั้นจวินเสี่ยนก็ถูกขังไว้ที่นี่เพื่อรอความตายของเขา
อดีตฮ่องเต้ถูกกองทัพรุ่ยหลินลากเข้าไปในคุกใต้ดิน เสียงโซ่ตรวนที่พันอยู่ที่ข้อเท้ากระทบกันดังชัดเจนเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในคุกใต้ดินที่ว่างเปล่านี้
ทั้งสองด้านของคุกใต้ดิน ด้านหลังราวเหล็กทั้งสองข้าง มั่วเซวี่ยนเฝ่ยและไป๋อวิ๋นเซียนถูกขังแยกคนละห้อง เสียงโซ่ตรวนปลุกพวกเขาให้ตื่นจากความกลัวในความฝัน ทันใดนั้นพวกเขาก็ลืมตาขึ้นและมองออกไป
ในเวลานี้ มั่วเซวี่ยนเฝ่ยไม่เหลือเกียรติและความสง่างามขององค์ชายรองอีกต่อไป ภูติวิญญาณถูกทำลาย ขาทั้งสองข้างถูกทำลาย และมือทั้งสองข้างของเขาถูกมัดไว้กับรถเข็น แม้แต่เวลานอนก็ทำได้แค่เอนศีรษะนอน นอนราบลงไปไม่ได้ เสื้อผ้าบนตัวก็สกปรกมาก คราบเปื้อนโลหิตและสิ่งสกปรกได้ปกปิดสีเดิมของเสื้อและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงก็มีเศษหญ้าติดอยู่ หลังจากถูกทรมานด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแล้วทำให้ใบหน้าของเขาซีดเซียว แก้มทั้งสองข้างก็ซูบตอบลงเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างอ่อนล้า และสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือความกลัวที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ดูไม่เป็นผู้เป็นคน สภาพแบบนี้หากถูกโยนทิ้งไว้บนถนนก็ไม่มีใครเชื่อว่าเขาคือองค์ชายรองผู้สง่างามคนนั้น
เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโซ่ตรวน และใบหน้าที่เปรอะเปื้อนของเขาเต็มไปด้วยความกลัว เขาเห็นว่าท่านพ่อของเขาถูกกองทัพรุ่ยหลินลากกลับมาที่คุกใต้ดินและถูกโยนเข้ามาในกรงขังที่เขาอยู่เหมือนปศุสัตว์
“องค์ชายรอง สบายดีหรือไม่” เสียงเยือกเย็นดังมาจากนอกกรงขัง รูม่านตาของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยหดตัวลงอย่างกะทันหัน และร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
เขาหันศีรษะและมองไปที่จวินอู๋เสียที่ยืนอยู่นอกกรงขังด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา
นางสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน ซึ่งเป็นสีที่ไม่ค่อยมีคนนิยมสวมใส่แต่แสดงอุปนิสัยของนางออกมาได้ดี ใบหน้าเล็กที่งดงามนั้นไม่แสดงอารมณ์แม้แต่เล็กน้อย นางมองเขาด้วยแววตาที่ว่างเปล่าราวกับมองสุนัขที่ตายไปแล้ว