ตอนที่ 126 กอดต้นขาไว้แน่นๆ
หลังจากกลับถึงบ้าน มู่เถาเยาก็ขอให้เย่ว์จือกวงนำตะกร้าที่เต็มไปด้วยสมุนไพรนั้นไปไว้ที่ห้องปรุงยาข้างๆ ก่อน
รอจนถึงบ่ายวันพรุ่งนี้ เธอค่อยเข้าไปในป่าอีกครั้งเพียงลำพังเพื่อไปขุดสมุนไพรที่ยังขาดไปที่จำเป็นในการปรุงยาถอนพิษ
หลังจากเย่ว์จือกวงวางตะกร้าลงในห้องปรุงยา เขาก็เดินกลับมา ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ถังถังเดินเข้าประตูมาพอดี
เมื่อเห็นรูปร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคย เธอก็รีบวิ่งเข้าไปหาเขาและทักทายด้วยน้ำเสียงกระจ่างใสน่าฟังว่า “ประธานเย่ว์!”
ฝีเท้าของเย่ว์จือกวงชะงักกึก ดวงตาคมฉายแววเหนื่อยใจ
“ประธานเย่ว์! เสี่ยวเยาเยามาถึงแล้วเหรอ”
“มาถึงแล้ว อยู่ในบ้าน” เย่ว์จือกวงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในที่สุดยัยตังเมเหนียวหนึบนี่ก็เลิกพูดประโยคเดิมๆ สักที
น้องสาวดีจริง!
ถังถังวิ่งผ่านเย่ว์จือกวงเข้าไปในบ้านเหมือนลมบ้าหมู
เธอค้นหาเป้าหมาย จากนั้นก็กระโดดกอดหมับ
“เสี่ยวเยาเยา!”
ในตอนที่ถังถังวิ่งเข้ามา มู่เถาเยาก็เคลื่อนพลังลมปราณจากจุดตันเถียนของเธอขึ้นมาเตรียมพร้อมรับแรงปะทะเอาไว้แล้ว ร่างเล็กถอยเท้ากลับไปก้าวหนึ่งจะได้ไม่ถูกแรงกระแทกของคนที่ตัวสูงกว่าชนจนล้มก้นจ้ำเบ้าไปด้วยกัน
ตี้อู๋เปียนที่ยืนอยู่ข้างๆ มู่เถาเยาสีหน้ามืดครึ้มลงทันที
คนคนนี้ช่างน่ารังเกียจอะไรอย่างนี้!
ซาลาเปาน้อยที่เย็นชาแต่ว่าน่ารักคิดอยากจะกอดก็กอดได้ตามอำเภอใจเหรอ! เขายังไม่เคยได้กอดเลยสักครั้ง!
“ถังถัง”
ถังถังเหมือนถูกฟ้าผ่า
เธอรีบกล่าวโทษไปทันทีว่า “เสี่ยวเยาเยา เมื่อก่อนนี้เธอเรียกฉันว่าพี่สาวใช่ไหม! ทำไมหลังถ่ายโฆษณาให้เธอเสร็จ เธอถึงเปลี่ยนคำเรียกแล้วล่ะ เธอคิดจะข้ามแม่น้ำรื้อสะพานใช่ไหม!”
เย่ว์จือกวงดึงน้องสาวของเขาออกจาก ‘อุ้งเท้า’ ของถังถัง เข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขาเองราวกับว่ากำลังปกป้องเธอ และพูดกับถังถังว่า “ผมว่า ผมให้ค่าโฆษณาเธอไปสูงเสียดฟ้าเลยนะ”
ถังถัง “…”
ใช่ ถูกต้อง! ค่าโฆษณาสูงเสียดฟ้าจริงๆ!
แต่ไม่อยากคายออกมาอะ…ทำไงดี
“พี่สาวคะ คือว่าฉันมีเรื่องจะขอให้ช่วยหน่อย”
ถังถัง “…เรียกพี่สาวเฉพาะตอนที่ต้องการความช่วยเหลือ เสี่ยวเยาเยาเธอนี่มันจริงๆ”
“แล้วจะช่วยไหมล่ะคะ”
“ช่วย!” ไม่ช่วยได้ไง! ถึงไม่เรียกพี่สาวเธอก็ช่วย!
“งั้นพรุ่งนี้ตอนบ่ายฉันจะเข้าไปในเขตป่าชั้นในเพื่อรวบรวมสมุนไพร หากพี่ว่างช่วยปรุงยาถอนพิษให้ฉันหน่อย พี่สามารถใช้ห้องปรุงยาข้างบ้านได้ตามใจชอบเลย”
“โอเค เสี่ยวเยาเยา เดี๋ยวฉันจะไปขอลากองถ่ายเข้าป่าไปกับเธอด้วย”
มีเสี่ยวเยาเยาที่มีทักษะวรยุทธ์สูงกว่า เธอยังต้องแคร์ประธานเย่ว์จอมหัวแข็งคนนั้นเหรอ! ใครอยากจะเอาแก้มร้อนๆ ไปทาบก้นเย็นๆ ของคนอื่นล่ะ!
“ฉันมีเวลาไม่มากหรอกนะคะ พรุ่งนี้ก็ต้องกลับเย่ว์ตูแล้ว ต้องรีบไปรีบกลับ เพราะงั้นครั้งนี้เอาไว้ก่อนนะคะ คงไม่พาพี่ไปด้วย เอาไว้ครั้งหน้ามีเวลามากกว่านี้ฉันจะพาพี่ไปด้วย” มู่เถาเยาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าถังถังเข้าไปในเขตป่าชั้นในเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝงอยู่
“ก็ได้”
“น้องสาว พี่จะไปกับน้องด้วย”
“ได้ค่ะ” ทักษะวิชาตัวเบาของพี่รองได้รับการถ่ายทอดมาจากป้า
แม้ว่าเมื่อเทียบกับเธอแล้วจะยังห่างชั้นกันอยู่ แต่นี่ไม่ใช่การแข่งขัน ดังนั้นเขาจะไม่ถ่วงแข้งถ่วงขาเธอ
เมื่อมองไปที่กลุ่มผู้เยาว์ หยวนเหยี่ยก็ยิ้มพลางพูดว่า “เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนกลับมากันแล้วเราก็มาทานอาหารเย็นกันก่อนเถอะ ทุกคนคงหิวกันแล้วหลังจากเดินมานาน”
อาหารเย็นถูกทำโดยจางเฟยแม่ของมู่หว่าน หรือก็คือภรรยาของผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบัน
หลังทำอาหารเย็นเสร็จ จางเฟยก็ขอตัวกลับไปโดยบอกว่าเธอไม่ต้องการจะรบกวนเวลาส่วนตัวของอาจารย์และศิษย์
ทุกคนในหมู่บ้านคิดถึงเสี่ยวเยาเยา แต่ถ้าถามว่าใครที่คิดถึงเธอมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นอาจารย์ทั้งสองคนและอาจารย์แม่ของเธอ
จางเฟยไม่รู้ว่าแม่และลูกชายที่อาศัยอยู่ในบ้านของศิษย์อาจารย์กลุ่มนี้ด้วยคือแม่และพี่ชายแท้ๆ ของเสี่ยวเยาเยา เธอรู้แค่ว่าพวกเขาเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดที่เข้ามาอุดหนุนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นโดยหมู่บ้านเถาหยวนซานนี้
เมื่อผู้อาวุโสเอ่ยปากแล้ว ทุกคนก็ผละกันไปล้างมือและเข้ามานั่งรอบโต๊ะกลมขนาดใหญ่ในห้องอาหารเพื่อเตรียมทานอาหารเย็น
ถังถังซึ่งนั่งลงตรงข้ามมู่เถาเยา มองหน้ามู่เถาเยา เป่ยซี จากนั้นก็หันไปมองเย่ว์จือกวง ดวงตากวาดมองสลับไปมาเช่นนี้หลายครั้ง
เห็นได้ชัดว่ามีเพียงดวงตากวางคู่เดียวเท่านั้นที่คล้ายคลึงกัน แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าทั้งสามคนนี้ดูเหมือนจะเป็นครอบครัวเดียวกัน
สายตาและการเคลื่อนไหวของคุณผู้หญิงเป่ยเองก็คล้ายกับวิธีที่แม่ปฏิบัติต่อลูกสาวมาก
ช่างลึกลับอะไรอย่างนี้!
“แม่คะ แม่ก็กินด้วยสิ” มู่เถาเยาใช้ตะเกียบคีบเห็ดและวางลงในชามของเป่ยซี
เธอแอบถามอาจารย์ใหญ่มาแล้วว่าแม่ของเธอชอบกินอะไร ดังนั้นกับข้าวที่เธอคีบให้อีกฝ่ายจึงเป็นอาหารโปรดของเธอด้วย
หยาดน้ำตาในดวงตาของเป่ยซีเอ่อรื้นขึ้น
“!”
ถังถังมีสีหน้าตกใจมาก!
เสี่ยวเยาเยามีแม่แล้ว!
เสี่ยวเยาเยาไม่ใช่เด็กกำพร้า!
ถ้าเสี่ยวเยาเยาเป็นน้องสาวของประธานเย่ว์ งั้นเธอก็คือเจ้าหญิงน้อยแห่งเครือเทียนเย่ว์!
อ้า อ้า อ้า…
ต้นขาทองคำหนาๆ แบบนี้ เธอต้องจับไว้ให้แน่น!
จริงสิ จำได้ว่าคุณผู้หญิงเป่ยเคยพูดว่าที่เธอมีผมสีขาวแบบนี้ เป็นเพราะเธอคิดถึงลูกสาวของเธอมาก!
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!
เสี่ยวเยาเยาเอ๋ย ชาติที่แล้วเธอต้องทำความดีสั่งสมบุญกุศลเอาไว้เยอะมากแน่ๆ ชาตินี้ถึงได้โชคดีขนาดนี้
ดีจริงๆ!
อาจารย์แม่เล็กยิ้มให้กับหลานสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ พลางพูดว่า “ถังถังคงยังไม่รู้สินะ เสี่ยวเยาเยาคือลูกสาวของตระกูลเย่ว์ที่หายตัวไปเมื่อสิบแปดปีก่อน”
ถังถังพยักหน้า “กลับมาก็ดีแล้วค่ะ กลับมาก็ดีแล้วค่ะ”
“ใช่ กลับมาก็ดีแล้ว จากนี้ไปชีวิตของทุกคนก็จะมีแต่ความสุข”
ทุกคนยิ้มอย่างรู้ใจกัน
“เสี่ยวเยาเยา ยินดีด้วยนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่สาว”
“ฮ่าๆ…”
หยวนเหยี่ยยิ้มพลางพูดว่า “ทุกคนกินข้าวกันก่อนเถอะ ประเดี๋ยวกับข้าวก็เย็นชืดหมด” แม้ว่าตอนนี้จะเป็นฤดูร้อน แต่กับข้าวก็ทำเสร็จมาสักครู่ใหญ่แล้ว
ทุกคนพร้อมใจกันหยิบตะเกียบขึ้นมา
ดวงตาของถังถังเลื่อนไปมองสองอาหลานตระกูลตี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ มู่เถาเยา จากนั้นเธอก็เผลอเหม่อลอยไป
ชายหนุ่มที่งดงามราวกับปีศาจและก็เหมือนกับเทพบุตรที่จำแลงลงมาจากสวรรค์คนนี้ ทำไมถึงได้ดูหน้าคล้ายกับคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพีระมิดคนนั้นขนาดนี้
เธอรู้ว่าราชามีลูกชายอยู่คนหนึ่งชื่อตี้อู๋เว่ย คนคนนี้เองก็แซ่ตี้ แถมชื่อยังสอดคล้องกับนายท่านผู้สืบทอดอีกเหมือนกับเป็นพี่น้องกัน เพราะงั้นเขาก็น่าจะมาจากตระกูลตี้ด้วยใช่ไหม
ราชาตี้มีน้องชายอยู่คนหนึ่งซึ่งรับหน้าที่ควบคุมจัดการกองทัพ คนคนนั้นมีลูกชายเพียงคนเดียวชื่อตี้อู๋โยว แต่ไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอคนนี้
แล้วนี่คือ…
อาจารย์แม่เล็กสะกิดหลานสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เบาๆ แล้วพูดว่า “ถังถัง กินข้าวได้แล้ว”
“โอ้”
ถังถังคิดไปด้วยขณะที่พุ้ยข้าวเข้าปาก
หากแซ่ของเขาคือ ‘ตี้’ ต่อให้ไม่ใช่ทายาทโดยตรงของท่านราชา อย่างน้อยก็ต้องเกี่ยวข้องกับราชาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่ๆ บางทีอาจเป็นคนจากตระกูลสาขา
เสี่ยวเยาเยาไปรู้จักเขาได้ยังไงกัน เป็นผู้ป่วยเหรอ
ร่างกายของคนคนนี้ดูแย่มากเมื่อมองในแวบแรก
สูงแต่ก็ผอมมาก! ถ้าไม่มีเบ้าหน้าที่ราวกับฟ้าประทานนั้น คนคนนี้คงแทบดูไม่ได้เลย
ด้วยหุ่นแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นใบหน้าตาธรรมดาทั่วไปคงไม่มีอะไรที่จะเรียกความสนใจจากสายตาของคนอื่นได้
อย่างไรก็ตาม เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อเสียงของหมอไป๋ที่นั่งอยู่ถัดจากเขามาบ้าง
เขาเคยเป็นหมออัจฉริยะที่โด่งดังมากอยู่ช่วงหนึ่ง แต่จู่ๆ คนคนนี้ที่เป็นดั่งหนึ่งในตำนานก็หายไปในช่วงเวลาไม่กี่ปี
แม้ว่าตระกูลถังจะเริ่มค่อยๆ โรยรา แต่ก็ยังเป็นตระกูลที่ทรงพลังซึ่งสืบทอดมานานนับพันปี นอกจากนี้ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างยาและยาพิษ ดังนั้นในโลกการแพทย์เกิดอะไรขึ้นบ้างตระกูลถังย่อมรู้หมด
และถ้าตระกูลถังรู้ ก็หมายความว่าถังถังผู้สืบทอดตระกูลในอนาคตก็ต้องรู้ด้วย
อาจารย์แม่เล็กคีบกับข้าวใส่ลงในชามของถังถังแล้วพูดว่า “ถังถัง มีสมาธิในการกินหน่อย”
“ได้ค่ะ”
ย่าทวดเอ่ยปากเตือนเธอสองครั้งแล้ว ต้องเป็นเพราะตัวตนของคนคนนี้แน่ๆ
เธอไม่ได้โง่ ดังนั้นเธอจึงเข้าใจโดยธรรมชาติว่าย่าทวดของเธอหมายถึงอะไร ดังนั้นเธอจึงเลิกสนใจผู้ชายที่งดงามราวกับเทพบุตรคนนี้
อย่างไรก็ตาม เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ที่นั่งอยู่ข้างๆ เขานั้นน่ารักมาก!
อยากฟัด!
มู่เถาเยาเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่นั่งอยู่ในฝั่งตรงข้ามเบาๆ
ถังถังที่ถูกจับได้ “คิกๆ…”
เย่ว์จือกวงมองตามสายตานั้นไป
ถังถัง “ฮ่าๆ…”
ทุกคน “…”
เอาเถอะ ตั้งสมาธิกับการกินดีกว่า
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ทุกคนก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร
เหล่าคนรุ่นเยาว์เก็บจานเข้าไปในครัวแล้วจัดเรียงใส่เครื่องล้างจาน
เนื่องจากชาวบ้านมักจะมารับประทานอาหารที่บ้านเป็นประจำ มู่เถาเยาจึงซื้อเครื่องล้างจานเพื่อประหยัดเวลาด้วยการล้างด้วยมือ
ผู้เยาว์สองสามคนทำความสะอาดครัว ถังถังกอดมู่เถาเยาไว้แน่น ดวงตากลมโตของเธอโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
“เสี่ยวเยาเยา แบบนี้มันวิเศษจริงๆ นะ”
“อื้ม” มู่เถาเยารู้ว่าถังถังหมายถึงครอบครัวของเธอ
เดิมทีเธอไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เธอเพียงต้องการพบกับเย่ว์เลี่ยงป้าของเธอเร็วๆ แต่เพราะมีป้าอยู่ตรงกลางคอยประสานและเชื่อมสายสัมพันธ์ทั้งสองฝั่ง เธอจึงยอมรับคนตระกูลเย่ว์ได้รวดเร็วขนาดนี้
กอปรกับหลังจากได้พบกับสมาชิกตระกูลเย่ว์จริงๆ เธอก็บังเกิดความรู้สึกนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ ความรู้สึกที่ยอมรับพวกเขาจริงๆ
นี่ไม่ใช่เพียงแค่อานุภาพของพลังของสายเลือดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอารมณ์ความรู้สึกด้วย
เธอมีที่มาที่ไปแล้ว เป็นที่ต้องการ และมีคนที่รอคอยเธอมาโดยตลอด
เช่นเดียวกับที่เยี่ยนหังน้องชายของเธอต้องการเธอ เธอก็ต้องการเยี่ยนหังเช่นกัน
ความรู้สึกนี้ดีจริงๆ
เธอชอบมัน