ตอนที่ 127 หักเงินเดือนทั้งหมด

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 127 หักเงินเดือนทั้งหมด

หลังจากพักผ่อนนานกว่าครึ่งชั่วโมงหลังมื้ออาหารเย็น ทุกคนก็ออกไปเดินเล่นกัน

ครั้งนี้ผู้เฒ่าทั้งสามคนก็ออกไปด้วย

สามแม่ลูกตระกูลเย่ว์ ถังถัง และถุงลมน้อยรวมห้าคนก็ตามออกไปอีกกลุ่ม

เป็นอีกครั้งที่ตี้อู๋เปียนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ไป๋เฮ่าอวี๋ถูกทิ้งตามเจ้านายของตัวเองไปด้วย

ตี้อู๋เปียนโบกมือให้เขาไปหาอะไรเล่นเองอย่างหงุดหงิด

แต่ไป๋เฮ่าอวี๋จะกล้าปล่อยให้ตี้อู๋เปียนอยู่ตามลำพังได้อย่างไร เกิดใครไม่มีตาเดินมาชนเขา…

นายน้อยคือตุ๊กตาแก้วอันแสนเปราะบาง แต่มีค่าและราคาสูงล้ำยิ่งกว่าเศษแก้วพวกนั้นเป็นล้านล้านเท่า

ถ้าแก้วแตกคุณยังซื้อใหม่ได้ แต่นายน้อยมีเพียงคนเดียว หากแตกสลายไปคงได้จบสิ้นกัน

“ฉันจะนั่งรอเยี่ยอิ่งอยู่ที่ประตูนี่แหละ ไม่ไปไหนหรอก”

“งั้นผมรอเป็นเพื่อน ให้เยี่ยอิ่งมาถึงก่อนค่อยไป” ไป๋เฮ่าอวี๋ไม่กล้าปล่อยให้ตี้อู๋เปียนคลาดสายตาจริงๆ

ระหว่างนั่งรอคนอยู่ที่ม้านั่งไม้หน้าประตู ก็เห็นชาวบ้านเดินผ่านประตูไปเป็นระยะๆ

ทุกคนถูกดึงดูดให้หยุดฝีเท้าเมื่อเห็นหน้าตี้อู๋เปียน

“นี่ลูกบ้านใครกัน ทำไมถึงได้หน้าตาดีพอๆ กับเสี่ยวเยาเยาเลย”

ไป๋เฮ่าอวี๋ “…”

ทำไมทุกคนถึงชอบใช้คำนำหน้าว่า ‘เสี่ยวเยาเยา’ ทุกทีไม่ว่าจะพูดถึงเรื่องอะไร เสี่ยวเยาเยาคือสารบัญอ้างอิงของทุกคนหรือไง

“สวัสดีครับคุณป้า ผมชื่ออู๋เปียน เป็นคนไข้ของเสี่ยวเยาเยา”

หลังจากแนะนำตัวว่า ‘เสี่ยวตี้’ และถูกชาวบ้านในสวนผลไม้ที่เชิงเขาตอกกลับมา ตี้อู๋เปียนก็ไม่เคยแนะนำตัวเองว่า ‘เสี่ยวตี้’ กับใครอีกเลย!

“ที่แท้ก็เป็นคนไข้ของเสี่ยวเยาเยา! สาวน้อย…”

ไป๋เฮ่าอวี๋หลุดหัวเราะดังพรืดออกมา

ในตอนนั้นเองก็มีใครบางคนเดินมาหาพวกเขาและหัวเราะไปพร้อมกับไป๋เฮ่าอวี๋ด้วย

คุณป้าดูงงงวยอย่างหนัก

“ป้าครับ ผมเป็นผู้ชายครับ”

“ผู้ชายเหรอ ผู้ชายอะไรหน้าตาดีขนาดนี้” คุณป้าก้มมองหน้าอกของตี้อู๋เปียนอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก

“อืม แบนเหมือนกับผู้ชายจริงๆ หรือบางทีเธออาจจะเป็นผู้ชายจริงๆ?”

ตี้อู๋เปียน “…” เกิดมาหน้าตาสวยมันผิดเหรอ

ไป๋เฮ่าอวี๋และชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เขาหัวเราะจนแทบจะกลายเป็นลมบ้าหมูอยู่แล้ว

คุณป้า “…” มีอะไรให้น่าขำขนาดนั้น

คนหนุ่มสาวสมัยนี้ช่างไม่เคยเห็นโลกกว้างจริงๆ!

ตี้อู๋เปียนเน้นย้ำไปอีกครั้งว่า “ป้าครับ ผมเป็นผู้ชายจริงๆ”

“ตกลง ถ้าเธอบอกว่าใช่ก็คงใช่จริงๆ นั่นแหละ” การดูแลผู้ป่วยอารมณ์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเหมือนกัน

มีหมอเทวดาสองคนในหมู่บ้าน ทุกคนในหมู่บ้านจึงได้เรียนรู้ความรู้พื้นฐานบางอย่างไปด้วย!

ตี้อู๋เปียน “…”

ไป๋เฮ่าอวี๋และชายหนุ่มหัวเราะจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว

คุณป้า “…ฉันขอไปเดินเล่นก่อนละกัน” ไม่แน่อาจได้เจอเสี่ยวเยาเยากลางทาง

“คุณป้าเดินดีๆ นะครับ”

ไป๋เฮ่าอวี๋รีบวิ่งตามป้าคนนั้นไปแล้วพูดขณะที่ยังไม่หยุดหัวเราะดีว่า “ป้า…ผมขอไป…เดินเล่นด้วย…นะครับ”

เยี่ยอิ่งมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องทำตัวติดกับนายน้อยอีก

ชายหนุ่มที่หัวเราะกับเขาก็คือเยี่ยอิ่ง

คุณป้า “เอาสิ”

ชอบเดินเล่นเป็นนิสัยที่ดี! โดยเฉพาะกับคนหนุ่มสาว!

หลังจากที่ทั้งสองเดินจากไป เสียงหัวเราะของเยี่ยอิ่งก็ยังคงไม่สามารถหยุดได้

ตี้อู๋เปียนมองเขาอย่างเย็นชา

เยี่ยอิ่งพยายามหยุดหัวเราะอย่างยากลำบาก

“อะแฮ่ม…อันที่จริงนายต้องออกมาเดินข้างนอกให้มากกว่านี้นะ ไม่งั้นจะไม่มีใครเคยเห็นผู้ชายหน้าตาดีแบบนี้มาก่อน และพวกเขาก็จะมองว่านายเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ”

ตี้อู๋เปียนตวัดสายตาราวกับจะบอกว่าลองเป็นตัวเองดูไหมไปให้อีกฝ่าย

“อู๋เปียน รู้ไหมว่าการที่นายมาที่นี่มันทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ ยังไงก็เถอะ ร่างกายของนายดูดีขึ้นมากทีเดียว ปีศาจน้อยคนนั้นมีความสามารถจริงๆ!”

“เธอชื่อเสี่ยวเยาเยา”

“เอ่อ…ดันถูกอาซิ่นชักนำให้หลงทางเข้าแล้ว”

“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว มีข่าวของหมอหญิงเดินเท้าแล้วเหรอ”

“ไม่ แต่ฉันได้วางคนของเราไว้ในทุกหมู่บ้านแล้ว ขอแค่เธอกลับออกมา คนของเราก็จะได้รับข่าวทันที”

“กลัวก็แต่ว่าเธอจะไม่ออกตามเส้นทางเข้าหมู่บ้านแต่ใช้เส้นทางพิเศษที่อยู่นอกเหนือการเฝ้าจับตาน่ะสิ ด้วยความสามารถของเธอที่กล้าเข้าไปในเขตป่าชั้นในคนเดียว เธอก็สามารถออกจากป่าทางด้านไหนก็ได้”

“งั้นเราต้องจัดคนเพิ่มหรือเปล่า หรือว่าใช้พวกอุปกรณ์ติดตามพิเศษดี”

“ไม่ได้ ป่าเซียนโหยวมีเนื้อที่ขนาดใหญ่ครอบคลุมทั้งสามประเทศ หากมีการตรวจสอบขึ้นมา อาจดึงดูดความสนใจของอีกสองประเทศที่เหลือ ทำให้พวกนั้นเข้าใจผิดคิดไปว่ามีสมบัติล้ำค่าบางอย่างในป่า…ด้วยวิธีการนี้ มันจะไปรบกวนวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านบริเวณรอบๆ ป่าแน่ๆ ในกรณีร้ายแรงอาจทำให้ทั้งสามประเทศทะเลาะกัน”

“นั่นก็จริง พวกนั้นคงไม่เชื่อหรอกว่าเราแค่ต้องการตามหาใครสักคน” จุดประสงค์ที่แท้จริงนั้นก็คือการค้นหาสมุนไพร

แต่สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถป่าวประกาศออกไปได้!

ใครบ้างจะไม่ต้องการสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่มีฤทธิ์ทรงพลังขนาดนี้

แม้ว่าตอนนี้จะสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีไม่ได้ป่วยไข้ แต่คงไม่มีใครยินดีที่จะเห็นคุณใช้มันเพื่อรักษาชีวิตของคุณเองหรอก

นี่คือธรรมชาติของมนุษย์

ดังนั้นยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี

“อืม ไว้ฉันจะหาวิธีและแจ้งพิกัดที่แน่นอนให้ทราบทีหลัง พรุ่งนี้ซาลาเปาน้อยจะเข้าไปในเขตป่าชั้นในเพื่อเก็บสมุนไพร เธอจะต้องให้ความสนใจกับจุดนี้อย่างแน่นอน”

หรือถ้าเธอไม่สนใจก็ไม่เป็นไร ยังไงซะเขาแค่หาขอแก้ตัว เพื่อที่เมื่อได้รับพิกัดแน่นอนของหมอหญิงเดินเท้ามาจากดอกฉยงฮวาแล้ว คนอื่นๆ จะได้ไม่สงสัยเกี่ยวกับที่มาที่ไปของเบาะแสนี้

ซาลาเปาน้อยและเยี่ยอิ่งไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน ดังนั้นไม่โป๊ะแตกอย่างแน่นอน

“ปีศาจน้อยนั่นน่ะเหรอ…เสี่ยวเยาเยาเก่งกาจขนาดนั้นเชียว? พวกเรายังไม่มีปัญญาเข้าไปเลย เธอเข้าไปได้เหรอ”

“แน่นอนสิ เธอเป็นสาวน้อยที่เก่งกาจที่สุดในโลก!”

ตี้อู๋เปียนพูดอย่างใจเย็น แต่เขาก็ยังเป็นกังวลอยู่เล็กน้อย

เยี่ยอิ่งสังเกตเห็นว่าการแสดงออกของคนที่อยู่ข้างๆ เขาแปลกไปเล็กน้อย

ความแปลกประหลาดนี้ไม่ได้หมายถึงสีหน้าท่าทางของเขาประหลาด แต่เป็นอารมณ์และบรรยากาศของตี้อู๋เปียนที่ไม่เคยปรากฏแบบนี้มาก่อน

“…อู๋เปียน นายตกหลุมรักปีศาจ…เสี่ยวเยาเยาเข้าให้แล้วเหรอ”

“พูดบ้าอะไรของนาย! ซาลาเปาน้อยเพิ่งจะอายุแค่สิบแปดปีเท่านั้น! ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยร่างกายของฉัน ฉันอาจจะตายเมื่อไรก็ได้ ดังนั้นฉันไม่สมควรที่จะชอบใครหรอก”

“ปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้เชียว อู๋เปียน นายร้อนตัวนะ!” เยี่ยอิ่งเลิกคิ้ว

เขาเป็นชายหนุ่มที่มีแฟนแล้ว จะมองพฤติกรรมแบบนี้ไม่ออกได้ยังไง

“ถ้าขืนยังพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้อีก ฉันจะหักเงินเดือนนายซะ!” ให้นายกลับบ้านไปใช้มรดกของตระกูลต่อ!

“…โอเค ฉันจะหุบปากเดี๋ยวนี้ แต่เสี่ยวเยาเยาเก่งกาจมากขนาดนี้ เธอรักษานายได้หรือเปล่า”

“สตรียากจะหุงหาข้าวโดยไร้วัตถุดิบ เมื่อไม่มีสมุนไพรที่ใช้ในการรักษา ไม่ว่าเธอจะมีทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยมแค่ไหนก็ยากที่จะทำอะไรต่อไปได้”

“แล้วหมอหญิงเดินเท้าคนนั้นล่ะ เธอจะมีวิธีไหม”

“ซาลาเปาน้อยบอกแค่ว่าต้องหา งั้นก็ต้องหาให้เจอ”

“นั่นก็จริง ฟังตามที่หมอเทวดาแนะนำถูกต้องเสมอ แต่บอกเลยว่าทริปนี้มาไม่เสียเที่ยวจริงๆ ใครจะคิดว่าในหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขา ชาวบ้านในหมู่บ้านจะมีทักษะต่อสู้ไม่ได้ด้อยไปกว่าทหารในกองทัพแม้แต่น้อย แถมยังมีระบอบเศรษฐกิจราวกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในเมือง นี่มันน่าอัศจรรย์ใจมาก!”

“เป็นความดีความชอบของซาลาเปาน้อยไปแล้วเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์”

“…เอาเถอะ ซาลาเปาน้อยไร้เทียมทานในสายตาของนายอยู่แล้วนี่”

“ความจริงมันก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้วไหม นายต่อยตีเอาชนะเธอไม่ได้ สมองก็เทียบเธอไม่ติด แถมยังกระเป๋าตังค์แฟบไม่ร่ำรวยเท่าเธอ…” บลาๆๆ

ตี้อู๋เปียนพยายามยัดภาพลักษณ์นางฟ้าของมู่เถาเยาใส่สมองของเยี่ยอิ่งไม่หยุด

เยี่ยอิ่ง “…”

ตี้อู๋เปียนยกย่องนางฟ้าในใจของเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เยี่ยอิ่งฟังจนจะเคลิ้มหลับอยู่แล้ว

ตี้อู๋เปียนยกเท้าขึ้นเตะหน้าแข้งเขา ทำให้เขาเกือบจะล้มหัวฟาดพื้น

“ฉันกำลังคุยกับนายอยู่นะ สัปหงกแบบนี้ เสียมารยาทมาก!”

เยี่ยอิ่งหาวหวอด นั่งลงอีกครั้งพลางพูดว่า “อู๋เปียน ก็นิทานที่นายเล่ามันไม่น่าตื่นเต้นเลยนี่ อย่างกับอาจารย์ที่ยืนสอนอยู่หน้าชั้นเรียนแน่ะ”

“แล้วใครเล่านิทานให้นายฟัง! ฉันกำลังพูดเรื่องซาลาเปาน้อย!”

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ตี้อู๋เปียนกลายเป็นเหมือนชาวบ้านในหมู่บ้านเถาหยวนซานที่มักจะใช้คำว่า ‘ซาลาเปาน้อย’ นำหน้าทุกประโยค ทุกเรื่องที่เขาพูดถึง

เยี่ยอิ่งแทบจะร้องไห้ออกมา

เขาคิดว่าเพื่อนของเขากำลังเล่านิทาน!

ตี้อู๋เปียนโกรธมาก

ช่างเป็นทัศนคติที่ย่ำแย่อะไรขนาดนี้!

ไม่ฟังเจ้านาย หักเงินเดือนครึ่งปี!

ทันใดนั้นเยี่ยอิ่งก็นั่งตัวตรง มองไปที่ตี้อู๋เปียนและพูดอย่างจริงจังว่า “อู๋เปียน ฉันรู้สึกว่านายมีกำลังกายมากขึ้นหรือเปล่า คุยมากว่าชั่วโมงแล้ว นายยังมีแรงโกรธฉันอยู่อีก!”

“ฉันต้องดีขึ้นมากอยู่แล้ว! ไม่งั้นจะถ่อมาถึงที่นี่ได้ยังไง! แถมยังเดินเตร่เที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกมาตลอดทั้งบ่ายแล้ว!”

“เรื่องจริง? ร่างกายของนายดีกว่าเมื่อก่อนมากจริงๆ! อู๋เปียน เสี่ยวเยาเยาจะต้องรักษานายได้อย่างแน่นอน!”

“อืม” แค่ยังมีหวัง แค่นี้ก็เกินพอแล้วล่ะ

แม้ว่าผลที่ได้ในท้ายที่สุดจะน่าผิดหวังก็ตาม แต่การได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเป็นเวลาห้าปีก็ไม่สูญเปล่า

คุ้มค่าแล้ว!