ตอนที่ 128 รัศมีของไอดอล

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 128 รัศมีของไอดอล

ตี้อู๋เปียนคุยกับเยี่ยอิ่งสักพักก่อนที่จะปล่อยให้เขาจากไป

“อู๋เปียน นายเปลี่ยนไป นายไม่สนใจฉันอีกต่อไปแล้ว ไม่ถามด้วยซ้ำว่าฉันพักอยู่ที่ไหนในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้” เยี่ยอิ่งมีสีหน้าเจ็บปวดใจบนใบหน้าของเขา

“ไปๆๆ หยุดแสดงได้แล้ว”

เยี่ยอิ่งเม้มปาก ลุกขึ้นปัดก้นแล้วพูดว่า “ฉันพักอยู่ที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน เจ้าของบ้านชื่อลุงมู่สาม” ไม่ถาม เขาจะบอกเองไม่ได้เหรอ!

“อ้อ” ไม่สนใจ

“ไปล่ะ มีอะไรติดต่อฉันผ่านอินเทอร์เน็ตละกัน” เขาไม่ได้คาดหวังว่าหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลแห่งนี้จะมีอินเทอร์เน็ตที่ดีขนาดนี้!

เขามาที่หมู่บ้านนี้ในฐานะผู้ตรวจสอบธุรกิจ

เนื่องจากช่วงนี้ถนนของหมู่บ้านทั้งสามแห่งกำลังเปิดใช้และยังมีกองถ่ายภาพยนตร์อยู่ทำให้มีคนแปลกหน้าเข้าออกมากมาย ชาวบ้านจึงไม่รู้สึกอึดอัดใจเมื่อเห็นคนแปลกหน้าเข้ามา

ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว

ไม่เหมือนเมื่อสิบแปดปีที่แล้ว เมื่อหยวนเหยี่ยเดินเข้ามาพร้อมกับมู่เถาเยาในอ้อมแขน ทั้งหมู่บ้านนั้นรู้สึกหาได้ยากเป็นอย่างมาก เพราะในเวลานั้นแทบจะไม่มีใครจากภายนอกเข้ามาเลย

แต่ตอนนี้ พวกเขาเป็นคนที่ได้เห็นโลกกว้างแล้ว!

ตี้อู๋เปียนพยักหน้าพลางพูดว่า “อืม ฉันจะติดต่อนายเองหากมีอะไรให้ต้องทำ และอย่ารบกวนฉันหากไม่มีเรื่องด่วนใดๆ”

เยี่ยอิ่ง “…” ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองถูกรังเกียจ!

นี่คือภาพลวงตาของเขาเองใช่ไหม ใช่ไหม

ฮึ่ม ไม่ใช่แน่นอน!

ขนาดแฟนเขายังรักเขาขนาดนั้น เขาจะถูกคนอื่นรังเกียจได้ยังไง!

ตี้อู๋เปียนผลักคนที่ยังนั่งอยู่ข้างๆ เขา “รีบไปซะ ซาลาเปาน้อยและคนอื่นๆ กำลังจะกลับมาจากการออกไปเดินเล่นแล้ว”

“…หน้าตาฉันไม่ได้แย่สักหน่อย ใช่ว่าจะให้ใครเห็นไม่ได้เลย…”

ตี้อู๋เปียนจ้องอีกฝ่ายราวกับจ้องคนตาย

“…โอเค ฉันไปแล้ว” ไม่รักแล้ว!

ตี้อู๋เปียนเฝ้าดูเขาเดินจากไป (อันที่จริง เขากำลังมองไปยังทิศทางที่มู่เถาเยาและคนอื่นๆ กลับมา) แต่เยี่ยอิ่งไม่รู้ ว้าว เพื่อนรักเขายังอุตส่าห์มองส่งเขาจนลับสายตา เขารู้สึกได้ทันใดนั้นว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความรัก!

ไม่กี่นาทีหลังจากที่เยี่ยอิ่งจากไป มู่เถาเยา สองแม่ลูกตระกูลเย่ว์ ถุงลมน้อย และถังถังก็กลับมา

“คุณป้า ซาลาเปาน้อย ทุกคนกลับมาแล้ว”

หลายคนยิ้มและพยักหน้า

“ตี้อู๋เปียน หมอไป๋ไปไหนแล้ว” มู่เถาเยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ไป๋เฮ่าอวี๋แยกจากตี้อู๋เปียนได้ด้วยเหรอ

เธอเคยกำชับไปแล้วว่าตี้อู๋เปียนแม้จะไม่เป็นลม แต่ไป๋เฮ่าอวี๋ก็ยังต้องเฝ้าระวังไว้

น่าแปลกที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่กับเขาเลย

“…เขาไปเดินเล่นกับคุณป้าคนหนึ่ง” กลับมาก็ถามเขาเลยว่าไป๋เฮ่าอวี๋ไปไหน ไม่ถามเขาเลยแม้แต่คำเดียว!

“อ้อ ถ้าอย่างนั้นคุณอยากจะนั่งอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพักหรือจะกลับบ้านด้วยกันเลย”

“กลับดัวยกันเถอะ ฉันนั่งเล่นอยู่ตรงนี้มานานแล้วเหมือนกัน”

“อื้ม ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว อุณหภูมิตอนเช้ากับตอนเย็นบนภูเขาต่างกันมาก กลับไปสวมเสื้อผ้าให้หนาขึ้นอีกสักหน่อย”

ถุงลมน้อยดึงมือของตี้อู๋เปียน และเดินเข้าไปในประตูพร้อมกับมู่เถาเยา

มองดูจากด้านหลัง ภาพนี้ช่างดูเหมือนกับครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกมาก

เย่ว์จือกวงปวดฟัน

คนหนึ่งเด็ก คนหนึ่งคนป่วย เขาโกรธไม่ได้

เป่ยซีก็ชะงักไปเช่นกัน

เธอไม่เคยคิดเลยว่าข้างตัวลูกสาววัยสิบแปดปีของเธอจะมีคนแบบนี้ปรากฏตัวขึ้นมาเดินเคียงข้าง

เด็กคนนี้ดีไปหมดทุกอย่าง น่าเสียดายที่ร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไป

ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องจากผู้ชายเสมอไป แต่มันจะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงหากผู้ชายไม่สามารถปกป้องภรรยาและลูกๆ ของเขาได้

นี่เป็นสองแนวคิดที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ในฐานะแม่ ไม่มีใครอยากได้ลูกเขยที่ป่วยซึ่งอาจเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ

โชคดีที่ลูกสาวของเธอยังไม่รู้ความ ไม่งั้นเธอคงปวดใจตาย

อย่างไรก็ตาม ลูกชายคนเล็กของตระกูลตี้ก็เป็นคนที่มีเหตุผลเช่นกัน และเขาไม่ได้แสดงความรู้สึกที่คลุมเครือนั้นกับลูกสาวของเธอ

เธอเป็นคนที่มีประสบการณ์มาก่อน ย่อมเข้าใจลักษณะนี้ได้อย่างรวดเร็ว

เพียงระยะทางสั้นๆ จากลานบ้านไปยังห้องนั่งเล่น เป่ยซีคิดเรื่องราวไปแล้วมากมาย

หลายคนนั่งล้อมรอบโต๊ะน้ำชาที่ทำจากไม้เนื้อดี

มู่เถาเยาชงชา

นี่เป็นครั้งแรกที่ตี้อู๋เปียนและสองแม่ลูกเย่ว์จือกวงและคนอื่นๆ เห็นทักษะชงชาที่แท้จริงของมู่เถาเยา

หลังจากล้างมือด้วยน้ำสะอาดแล้ว เธอก็เข้าสู่อารมณ์ของการชงชาโดยสมบูรณ์

ต้มน้ำแร่ รินลงในถ้วย ใส่ใบชา จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาดเร็วๆ ตักฟองออกเพื่อรักษากลิ่นหอม จุดไฟตั้งน้ำให้น้ำเดือดอีกครั้ง รินผ่านใบชาอีกครั้ง เสิร์ฟชา จากนั้นก็ลิ้มรสใบชา เพลิดเพลินไปกับสี กลิ่นหอม และรสชาติของชา

กระบวนการทั้งหมดเป็นเหมือนเมฆที่เคลื่อนคล้อยและสายน้ำที่ไหลเอื่อย ทำให้ผู้คนสามารถเพลิดเพลินไปกับความงดงามของความเงียบสงบ

“เสี่ยวเยาเยา ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกเธอไม่ได้ชงชาแบบนี้หรือเปล่า”

“ในตอนนั้น สถานการณ์ไม่เหมาะกับการชงชาที่แท้จริง ยิ่งไม่เหมาะสำหรับการชงชาแดง”

“อ้อๆ ถ้างั้นนี่ก็คือชาแดง?” น้ำชาสีแดงสดนั้นสะดุดตามาก!

“นี่คือชาดำ เป็นชาที่ผลิตจากต้นชาโบราณที่ไม่เหมือนใครในป่าเซียนโหยว” หลังจากที่ชาวบ้านเก็บมาแล้ว พวกเขาก็มอบให้กับพวกอาจารย์มาโดยตลอด ไม่ได้เก็บไว้เองเลย

นับเป็นชาที่ผลิตขึ้นเอง เป็นชาของเธอเองอย่างแท้จริง

“โอเค” ปกติเธอไม่ค่อยดื่มชาเท่าไหร่!

ตอนเด็กๆ เพราะเคยนั่งดื่มกับบรรพบุรุษ พบว่ามันขมมากเมื่อโตขึ้นเธอจึงไม่ชอบดื่มมัน

ครั้งแรกที่พวกเธอพบกัน ทั้งเวลาและสถานที่ล้วนถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าโดยมู่เถาเยาหมดแล้ว เธอแค่ไปตามนัด

ในตอนนั้น เธอลิ้มรสรสชาติของชาไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะเอาแต่ตกใจกับ ‘ตาแก่’ ที่อยู่ตรงหน้าเธอ แน่นอนว่าทักษะการชงชาของเธอนั้นดีมาก ดังนั้น…

คิกๆๆ นี่คือรัศมีของไอดอลสินะ!

หลายคนเพิ่งจะดื่มชาเสร็จ ผู้เฒ่าทั้งสามคนก็กลับมาถึงบ้านพอดี

ตี้อู๋เปียน เย่ว์จือกวง และถังถังจึงสละที่นั่งดีๆ ให้กับผู้เฒ่าทั้งสามคนโดยอัตโนมัติและย้ายไปนั่งริมสุด

มู่เถาเยาชงชาชุดใหม่ด้วยใบชาใหม่ให้ผู้เฒ่าทั้งหลาย หลายคนพยักหน้าพอใจขณะดื่ม

ซย่าโหวโซ่วพูดหลังจากลิ้มรสชาถ้วยเล็ก “ชาที่เก็บในฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วดีกว่าปีก่อนๆ มากจริงๆ”

ก่อนที่เขาจะมาที่หมู่บ้านภูเขาเถาหยวนซาน เขาไม่มีนิสัยชอบดื่มชา ต่อมามู่เถาเยาตัวน้อยชงชาให้ดื่ม เขาก็ถูก ‘ตก’ ไปในทันที และคิดว่าคงต้องให้ศิษย์ตัวน้อยชงชาให้เขาดื่มอีกสักหลายสิบปี

แน่นอนว่านับแต่นั้นมาลิ้นของเขาก็เลือกดื่มขึ้นมาก!

หยวนเหยี่ยยิ้มพลางพูดกับทุกคนว่า “เสี่ยวเยาเยาปลูกสมุนไพรรอบๆ ต้นชาโบราณและใช้ยาในการปลูกชา ดังนั้นไม่เพียงแต่ชาจะมีรสชาติดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย อาโซ่ว อาหยวน ดูพวกเราสิ ทั้งสองไม่รู้สึกว่าเราตัวเบามากขึ้นทุกปีเหรอ”

“ใช่แล้ว! ฉันยังคิดว่าทักษะวรยุทธ์ของฉันพัฒนาขึ้นซะอีก!”

อาจารย์แม่เล็กถังหยวนพยักหน้าตามคำพูดของสามีของเธอ เธอเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน

พวกเขาไม่ใช่หมอย่อมไม่เข้าใจประสิทธิภาพของยาเหล่านี้ พวกเขาจึงคิดว่าชาเป็นเพียงเครื่องดื่มเพื่อความเพลิดเพลิน

ทั้งเย่ว์จือกวงและถังถังจ้องมองไปที่มู่เถาเยาด้วยดวงตาเปล่งประกาย

ทั้งคู่ต้องการเพิ่มพลังของพวกเขาจริงๆ!

เย่ว์จือกวงต้องการพลังเพื่อปกป้องน้องสาวของเขา ดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะขึ้นไปถึงชั้นสิบ!

ในช่วงเวลานี้ที่เขาอยู่ในหมู่บ้านเถาหยวนซาน เขามักจะมาขอคำแนะนำจากอาจารย์เล็กของน้องสาวทุกวัน

ไม่ใช่ว่าที่เรียนรู้มาจากป้าเย่ว์เลี่ยงไม่ดี แต่เมื่อเอาองค์ประกอบต่างๆ มากมายมารวมกัน เห็นได้ชัดว่าอาจารย์เล็กพัฒนาขึ้นเพราะการชี้แนะของมู่เถาเยาจริงๆ และเขาเองก็พัฒนาขึ้นอย่างมากหลังจากฝึกตามคำชี้แนะ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของเขา ปราดเปรียวขึ้นมาก…

ส่วนถังถัง เธอต้องการวรยุทธ์ที่แข็งแกร่ง เธอจะได้เข้าไปในเขตป่าชั้นในได้ทุกเวลา โดยไม่ต้องรอความเมตตาจากประธานเย่ว์อีกต่อไป!

มู่เถาเยายิ้มเบาๆ พูดว่า “มีชามากกว่าหนึ่งโหลที่บ้าน ถ้าพี่กลับไป ก็เอามันกลับไปด้วยนะคะ”

“ขอบคุณน้องสาว ขอบคุณครับอาจารย์แม่”

“ขอบคุณนะเสี่ยวเยาเยา ขอบคุณค่ะอาจารย์แม่”

เย่ว์จือกวงและถังถังพูดขึ้นพร้อมกัน

หลายคนมองพวกเขาเป็นตาเดียว

ใครจะเชื่อว่าไม่ใช่คู่รักกัน! ความเข้ากันแบบนี้มันมากเกินไปแล้ว!

หาได้ยากจริงๆ ที่คนสองคนที่มีนิสัยต่างกันสามารถเข้ากันได้ดีขนาดนี้!

เย่ว์จือกวงกระตุกมุมปาก

ถังถังมุ่ยปากของเธอ

แต่ตี้อู๋เปียนมองพวกเขาด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากคนอื่น

เขาก็อยากดื่มชาด้วยเหมือนกันนะ เพราะงั้นเลยอิจฉามาก!

“ซาลาเปาน้อย…”

“คุณยังไม่เหมาะที่จะดื่มชาที่มีฤทธิ์แรงตอนนี้ แต่นานๆ ทีจิบครั้งพอได้”

“…”

ตี้อู๋เปียนรู้สึกซับซ้อนมากเมื่อเขาถูกปฏิเสธก่อนที่จะเอ่ยปากด้วยซ้ำ

เขาปรารถนาอย่างมากที่จะใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป

อืม รอเขาหายดีก่อน เขาก็จะมีแรงไล่ตามซาลาเปาน้อยแล้ว

สมองดีอย่างเดียวไม่พอจริงๆ!