ตอนที่ 129 ดอกเถียนซินและดอกฉยงฮวา

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 129 ดอกเถียนซินและดอกฉยงฮวา

หลังจากชงชากาที่สองเสร็จ มู่เถาเยาก็ไม่อนุญาตให้ตี้อู๋เปียนและถุงลมน้อยดื่มอีก

ตี้อู๋เปียนเพราะร่างกายไม่ดี เขาไม่สามารถดูดซับพลังของยาได้มากกว่านี้อีกแล้ว ทุกอย่างจะสูญเปล่าหากเขาดื่มมันเข้าไป

นี่คือเหตุผลที่เธอไม่อนุญาตให้ตี้อู๋เปียนดื่มยาบำรุง

ในสถานการณ์ปัจจุบัน ตราบใดที่เขากินข้าวมากขึ้นในมื้ออาหารปกติก็โอเคแล้ว

ไม่ว่าของที่เข้าปากเขาไปจะดีแค่ไหน ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์

สำหรับถุงลมน้อยนั้นเป็นเพราะเขายังเด็กเกินไปที่จะดื่มชาในปริมาณมาก

ระบบประสาทของเด็กที่ยังเล็กเกินไป ยังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อไปสู่ความสมบูรณ์แบบ ดังนั้นจึงค่อนข้างง่ายที่จะถูกกระตุ้น

ในชายังมีสารแอล ธีอะนีน (L-theanine) เมื่อสารนี้เข้าสู่สมอง สารสื่อประสาทโดพามีนในไมโทคอนเดรียของสมองจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

โดพามีนเป็นสารตั้งต้นของอะดรีนาลีน และเป็นสารที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการส่งสัญญาณที่จะกระตุ้นเซลล์ประสาทในสมอง

เป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า ‘สารแห่งความสุข’ ดังนั้นสารที่หลั่งออกมาจะส่งผลต่ออารมณ์ของผู้คนอย่างมาก

หากคุณดื่มชาที่มีส่วนผสมทางชีวภาพมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนนั้นเป็นเด็ก การกระตุ้นและอารมณ์ของเขาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ความง่วงลดลง ซึ่งจะไปส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการหลังจากผ่านไปนาน

นอกจากนี้ลักษณะของชาส่วนใหญ่ยังมีฤทธิ์เย็น ดื่มมากเกินไปจะทำลายม้ามและกระเพาะอาหารของเด็ก

ตัวเด็กเองมีม้ามที่ยังไม่แข็งแรงพอ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้เด็กดื่มชามากๆ อย่างน้อยก็จากมุมมองทางการแพทย์

หลังจากอายุหกขวบ การทำงานของร่างกายจะค่อยๆ ดีขึ้น คุณสามารถดื่มชาในปริมาณเล็กน้อยได้อย่างเหมาะสม

แต่สำหรับเด็กที่อายุน้อยอย่างถุงลมน้อย ไม่ว่าชาชนิดไหนเขาก็ไม่ควรดื่มมากเกินไป

เนื่องจากวันนี้ถุงลมน้อยเดินมานานมาก มู่เถาเยาจึงให้ชาสมุนไพรแก่เขาเพื่อฟื้นฟูพละกำลังโดยเร็วที่สุด

เมื่อจวนจะถึงเวลา มู่เถาเยาก็ออกจากโต๊ะและหยิบถ้วยชามาจากมือของสองคนที่ไม่เหมาะจะดื่มชาต่อไปอีก

“ซาลาเปาน้อย ดอกเถียนซินของเธออยู่ที่ไหนเหรอ”

“มันอยู่ในสวนหลังบ้าน คุณอยากดูไหม”

“ไปดูกัน”

“ได้ งั้นคุณสวมเสื้อโค้ทเพิ่มอีกชั้นก่อน กลางคืนน้ำค้างลงหนัก ข้างนอกลมแรง”

“อื้ม”

ตี้อู๋เปียนเดินไปที่โซฟาเพื่อหยิบเสื้อโค้ทมาสวม และกอดกระถางดอกฉยงฮวาที่วางไว้ข้างๆ ขึ้นมา

มู่เถาเยาเข้าไปช่วยถุงลมน้อยสวมเสื้อโค้ทขนาดเล็ก

“ตี้อู๋เปียน ทำไมคุณถึงอุ้มกระถางดอกไม้นี้ไปด้วยทุกที่เลย” มู่เถาเยาสงสัยจากก้นบึ้งของหัวใจ

“หายากที่มันจะได้ออกมาข้างนอก ดังนั้นให้มันเห็นพืชชนิดต่างๆ มากขึ้น จะได้สื่อสารกับพวกมันและหาเพื่อนใหม่”

มู่เถาเยา “…”

คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณจะยังมีความคิดที่เป็นเหมือนเทพนิยายแบบนี้อยู่

อย่างไรก็ตาม เป็นความจริงที่ว่าทุกสิ่งมีจิตวิญญาณ พืชก็มีการสื่อสารซึ่งกันและกันเช่นกัน

เช่นเดียวกับเมื่อเราไปต่างประเทศ การได้สื่อสารกับผู้คนที่แตกต่างกันย่อมเกิดประโยชน์ตามธรรมชาติ

แน่นอนว่าพืชก็ไม่มีข้อยกเว้น

มู่เถาเยาจึงไม่พูดอะไรมากเกี่ยวกับตี้อู๋เปียนเมื่อเขาออกไปพร้อมกับดอกฉยงฮวาในอ้อมแขน

ถุงลมน้อยถาม “อาเล็กครับ เสี่ยวไป๋ไป๋จะหนาวไหม” พวกเขาทั้งหมดล้วนสวมเสื้อโค้ท

“…ไม่ ตอนนี้เป็นฤดูร้อน”

มู่เถาเยาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่ก็หันศีรษะกลับไปมองเช่นกัน

“ตี้อู๋เปียน ดอกฉยงฮวาก็กลัวหนาวเหมือนกันเหรอ”

“ใช่ ผมต้องเอามันเข้าไปในเรือนกระจกทุกครั้งเมื่อถึงฤดูหนาว”

ตี้อู๋เปียนครุ่นคิด

ทำไมดอกฉยงฮวาถึงกลัวความหนาวเย็นเหมือนกับดอกเถียนซิน เพราะพวกมันเป็นพืชชนิดเดียวกันเหรอ แต่ดอกฉยงฮวายังเป็นต้นอ่อนดังนั้นจึงไม่สามารถออกดอกได้หรือเปล่า

ต้องรู้ก่อนว่าพวกมันสีขาวเกือบจะโปร่งใสเหมือนกัน

ดอกเถียนซินจะกลายเป็นหินแร่ผลึกในฤดูหนาว และดอกฉยงฮวาก็ชอบที่จะถูกเลี้ยงในกระถางคริสตัล

เห็นได้ชัดว่าตี้อู๋เปียนยังจำได้ว่ามู่เถาเยาเคยได้อธิบายลักษณะของดอกเถียนซินให้เขาฟังไว้แบบไหนบ้าง ดังนั้นเขาจึงนึกถึงความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ระหว่างทั้งสอง

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ถามความสงสัยอกไปในตอนนี้ เขาจะรอจนกว่าจะได้เห็นดอกเถียนซินกับตา

มู่เถาเยาบอกคนที่กำลังชงชาและนั่งดื่มชาอยู่ข้างในบ้าน จากนั้นก็เปิดไฟในสวนหลังบ้านตรงประตูแล้วพาถุงลมน้อยและอาเล็กของเขาออกไปดูดอกเถียนซินของเธอ

สวนหลังบ้านมีขนาดไม่ใหญ่เกินไปนัก มีการปลูกดอกไม้และสมุนไพรหายากไว้มากมาย เช่นต้นลิ้นจี่ ต้นลำไย และต้นมะม่วง

มะม่วงกำลังสุกและร่วงหล่นลงมาจากต้น

ลิ้นจี่จะสามารถรับประทานได้ภายในอีกหนึ่งเดือน

หลังจากกินลิ้นจี่เสร็จ ยังเก็บลำไยกินต่อได้อีก

“ซาลาเปาน้อย ลานบ้านเล็กๆ ของเธอดูสบายกว่าวิลล่าหลังใหญ่ใจกลางเมืองหลวงซะอีก” ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะย้ายจากเมืองเย่ว์ตูมาอยู่ที่นี่เพื่ออยู่ร่วมกับพืชพรรณและธรรมชาติ

“แน่นอนสิ”

มิฉะนั้นอาจารย์จะอยู่ที่นี่เกือบยี่สิบปีได้อย่างไร! การสอนสิ่งต่างๆ ให้เธอไม่จำเป็นต้องอยู่แต่ที่นี่เสมอไป!

“ฉันเคยเห็นคำอธิบายของป่าเซียนโหยวในหนังสือ แต่มีการกล่าวถึงหมู่บ้านที่อยู่โดยรอบเพียงสั้นๆ เท่านั้นว่าสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์โดยรอบนั้นพิเศษและเป็นการยากที่จะพัฒนา”

หมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขาที่ห่างไกลแบบนี้ มีให้เห็นอยู่ทั่วประเทศเหยียนหวงซึ่งมีภูเขามากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช้หมึกมากเกินไปในการเขียนอธิบาย

“อื้ม” เธอก็ใช้เวลานานมากเช่นกันในการหาทีมวิศวกรมาซ่อมแซมถนนที่นี่

“ซาลาเปาน้อย พวกเธอกำลังจะสร้างถนนสายหลักที่เปิดทางออกไปสู่โลกภายนอกในหมู่บ้านใช่ไหม โครงการไม่เล็กเลยนะ!”

สาวน้อยมีเงินมากมายจริงๆ!

มู่เถาเยากะพริบตาและพูดว่า “อย่าพูดไร้สาระ รัฐบาลต่างหากที่สร้างมัน” ตราบใดที่เธอไม่ยอมรับ ก็ไม่ใช่เธอที่สร้าง

(ทุกคนในหมู่บ้าน เสี่ยวเยาเยาบอกว่าใครก็ตามที่ซ่อมมันก็คือใครก็ตามที่ซ่อมมัน ตราบใดที่พวกเขาจำไว้ในใจก็พอ!)

ตี้อู๋เปียน “…”

เมื่อเขาอยู่ที่สวนผลไม้ในตอนบ่าย เขาคิดว่าตัวเองมีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับทุกแง่มุมของชาวบ้านและหมู่บ้านเถาหยวนซานแล้ว

เพราะชาวบ้านรู้ว่าเสี่ยวเยาเยาเป็นคนพาเขาเข้ามาในหมู่บ้าน ดังนั้นไม่ว่าพูดเรื่องอะไรจึงไม่ปิดบังเลย พวกเขาพูดคุยกันทุกเรื่องอย่างไม่รู้จบ

แน่นอน ยกเว้นเรื่องการรักษาความลับสำคัญบางอย่าง

มู่เถาเยาพาสองอาหลานไปที่แปลงเล็กๆ ที่ปลูกโสมแดง กิ่งก้านของดอกสีขาวราวกับหิมะโดดเด่นเป็นพิเศษท่ามกลางพวงเถาวัลย์สีเขียวเข้ม

“ว้าว! ดอกไม้สีขาวดอกใหญ่นี้สวยมาก!”

ถุงลมน้อยอุทานออกมา เขาคุกเข่าลงเพื่อสัมผัสมันอย่างระมัดระวัง

จากนั้นก็หันกลับมา “พี่สาวครับ ต้าฮวาเย็นมากเลย สบายจัง”

“อื้ม”

ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่มันจะเปลี่ยนเป็นแร่ผลึก เธอคงให้ถุงลมน้อยเลียมันไปแล้ว

ให้เขาได้ลิ้มรสความหวานที่ไปถึงหัวใจ!

มู่เถาเยานั่งยองๆ ลงข้างๆ ถุงลมน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบไล้ดอกเถียนซินขนาดใหญ่

ดอกฉยงฮวาในมือของตี้อู๋เปียนสั่นสะท้านอย่างรุนแรง มันตื่นเต้นมาก!

มีพืชที่สวยงามกว่ามันในโลกนี้จริงๆ!

แต่นี่คือสายพันธุ์อะไร ทำไมถึงให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูก ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นมันมาก่อน

“เจ้านาย เจ้านาย วางข้าลง คืนนี้ข้าจะอยู่กับมันที่นี่”

ตี้อู๋เปียนสะกิดเพื่อสื่อสารกับมัน

“ถามมันว่ารู้ไหมว่าแกเป็นสายพันธุ์อะไร พวกแกล้วนแต่เป็นต้นไม้ที่ไม่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร”

“รู้แล้วๆ ข้าจะถามให้นะ”

ตี้อู๋เปียนนั่งยองๆ ลงอีกข้างของถุงลมน้อยและวางดอกฉยงฮวาลงไปให้อยู่ใกล้กับดอกเถียนซินที่สุด

“ตี้อู๋เปียน คืนนี้คุณอยากให้มันอยู่ที่นี่ไหม”

“อืม ซาลาเปาน้อย เธอคิดว่าพวกมันเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า”

มู่เถาเยามองไปที่ดอกเถียนซิน จากนั้นก็มองไปที่ดอกฉยงฮวา คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันเก็บดอกเถียนซินได้ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก มันก็มีลักษณะเช่นนี้มาโดยตลอด และคิดว่าจะยังคงลักษณะเช่นนี้ต่อไปอีกสิบปีให้หลัง ดอกฉยงฮวาเองก็เป็นแบบนี้มานานยี่สิบปีแล้ว…และสีของพวกมันก็คล้ายกันมาก”

“สีของดอกเถียนซินนั้นสว่างกว่า บางทีมันอาจจะเป็นต้นไม้ที่โตเต็มที่แล้ว? เป็นไปได้ไหมที่ดอกฉยงฮวาเป็นต้นอ่อนของมัน”

มู่เถาเยาพยักหน้า

มีความเป็นไปได้สูงมาก

ถุงลมน้อยไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ทั้งสองพูด แต่เขามองไปที่ต้นไม้ทั้งสองต้นแล้วถามทันทีว่า “พี่สาว ต้าฮวาคือแม่ของเสี่ยวไป๋ไป๋เหรอครับ”

“…อาจจะ” ใครจะไปรู้

“แล้วทำไมพวกมันถึงแยกจากกันล่ะ หรือว่าก็เหมือนกับอันเหยี่ยกับคุณพ่อคุณแม่?” เขาแยกจากพ่อแม่เพื่อมาอยู่กับอาเล็กของเขา

แม่ของเสี่ยวไป๋ไป๋ต้องแยกจากเสี่ยวไป๋ไป๋เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนปู่ทวดหยวน!

“…อาจจะ” พระเจ้าเท่านั้นแหละที่รู้

ตี้อู๋เปียนมองไปที่เด็กน้อยทั้งสองอย่างพูดไม่ออก