บทที่ 106.1 รักษา แผนการของเณรน้อย (1)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

เมื่อถึงเวลามื้อค่ำ คนทั้งครอบครัวก็เห็นเสี่ยวจิ้งคงถือลูกคิดทองคำมาเล่น ทุกคนต่างรู้สึกว่ามันระยิบระยับจนตาแทบจะบอดอยู่รอมร่อแล้ว

เสี่ยวจิ้งคงไม่ค่อยจะรู้ความหมายของทองคำเท่าใดนัก สิ่งที่เขารู้คือเงินตรามีเพียงทองแดงกับเงินเท่านั้น เพราะยามนี้ที่บ้านใช้แค่สองอย่างนี้

เป็นไปอย่างที่เขาพูด เหตุผลเดียวที่เขาชอบลูกคิดทองคำนี้เป็นเพราะมันสวยกว่า

กู้เจียว เด็กทุกคนคงจะชอบสิ่งของเปล่งประกายระยิบระยับได้กันหมดสินะ

หากควักไข่มุกจากลูกคิดทองคำมาสักเม็ดไปขายละก็ คงสามารถเลี้ยงปากท้องคนทั้งบ้านได้สบายทั้งปี แต่ยังนับว่าพวกเขามีศักดิ์ศรีอยู่ ต่อให้ที่บ้านยากจนกว่านี้ก็ไม่ถึงขั้นคิดจะทำลายลูกคิดของเสี่ยวจิ้งคง

ยามราตรีมาเยือน กู้เจียวช่วยเสี่ยวจิ้งคงจัดเก็บของทั้งหมดของเขาอีกรอบ ก่อนจะพบว่านอกจากลูกคิดทองคำกับตำราคัมภีร์แล้ว ไม่มีสิ่งของมีค่าอื่นใดอีก ล้วนเป็นของเล่นเก่าผุพังเท่านั้น ดูแล้วคงขายไม่ได้ราคาอะไร

กู้เจียวพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “นี่สิจึงจะถูก พระรูปหนึ่งมีเงินมากเกินไปคงทำเอาชาวบ้านตกอกตกใจได้กันพอดี”

ดูท่าแล้วอาจารย์ของเสี่ยวจิ้งคงน่าจะเอ็นดูเขามากเช่นกัน ต่อให้ยากจนข้นแค้นกว่านี้ แต่เพราะเสี่ยวจิ้งคงชอบลูกคิดทองคำ ก็ยังเอาทุกสิ่งทุกอย่างมาทำให้เขามา

โรงเรียนมีลูกคิดให้ ไม่ต้องให้นักเรียนเตรียมมาเอง ดังนั้นแค่ตอนที่เสี่ยวจิ้งคงทบทวนบทเรียนที่บ้านเท่านั้นจที่จะเอาลูกคิดทองคำออกมาใช้ ไม่ได้เอาไปที่โรงเรียนด้วย

จึงไม่ได้เกิดความโกลาหลขนานใหญ่ขึ้นมา

วันรุ่งขึ้น เซียวลิ่วหลังพา ‘ต้าหวา’ ‘เอ้อร์หวา’ ‘ซานหวา’ ที่บ้านไปโรงเรียนตามปกติ แม่นางเหยานำของขวัญที่กู้จิ่นอวี้มอบให้มาให้ที่บ้าน

ไม่ผิดไปจากที่คาด กู้เจียวไม่รับไว้แม้แต่อันเดียว

แม่นางเหยาก็ไม่ได้ไปบังคับนาง

แม่นมฝางกระซิบโน้มน้าว “ฮูหยิน ท่านควรโน้มน้าวคุณหนูใหญ่นะเจ้าคะ แม้จะบอกว่าคุณหนูรองไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของนาง แต่นางก็น่าจะแสร้งๆ รับของขวัญเอาไว้หน่อยนะเจ้าคะ”

แม่นมฝางไม่ได้ทวงความยุติธรรมแทนกู้จิ่นอวี้จริงๆ ในเมื่องนางไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ เสียหน่อย ขยิบตาให้นางทีหนึ่งก็เป็นการให้เกียรตินางแล้ว แต่บางครั้งการจะทำสิ่งใดก็ต้องทำให้ทุกคนได้เห็นบ้าง

คุณหนูใหญ่ควรมีน้ำจิตน้ำใจของคุณหนูใหญ่

แม่นางเหยากลับเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “เจียวเจียวมีความสุขก็ดีแล้ว บนโลกนี้เดิมทีก็ไม่มีเหตุผลให้บีบบังคับคนอื่นให้รับความปรารถนาดีของใครเอาไว้อยู่แล้ว”

แม่นมฝางถอนหายใจ

หลังจากแม่นางเหยากลับไปแล้ว กู้เจียวก็เข้าเมืองเพื่อสั่งทำเครื่องมือเหล็ก

แคว้นจ้าวควบคุมดูแลเรื่องเหล็กกับเกลือเข้มงวดมาก กู้เจียวต้องการเครื่องมือทางการเกษตรจำนวนมาก นางจึงต้องไปลงทะเบียนที่อำเภอเสียก่อน เพื่อเอาใบอนุญาตมาแผ่นหนึ่ง

กู้เจียวไปศาลาว่าการประจำอำเภอ

นายอำเภอมารับกู้เจียวด้วยตัวเอง

เขายิ้มตาหยีถามขึ้นว่า “แม่นางเซียวมาที่ศาลาว่าการได้อย่างไร ในหมู่บ้านเกิดความเดือดร้อนใดขึ้นหรือ”

ประโยคนี้ของเขากลับถามจนกู้เจียวนิ่งงันไป

เขาไม่เตือนนางก็เกือบลืมคนที่กระสับกระส่ายเหล่านั้นในหมู่บ้านไปแล้ว

ตระกูลกู้ถูกท่านโหวกู้กดขี่ นายอำเภอเป็นดาบเล่มแรก นายอากรอย่างนายท่านกู้ถูกเขาปลดออกจากตำแหน่งไป ต่อไปนี้เสบียงอาหารที่ส่งให้เซียวลิ่วหลังก็เป็นเขาที่มีอำนาจจัดการทั้งหมด

แน่นอนว่า เขายังไม่รู้ฐานันดรของกู้เจียว รู้แค่ว่านางกับจวนโหวมีความเกี่ยวข้องกันนิดหน่อย ผนวกกับนางเป็นภรรยาของเซียวซิ่วไฉ จึงได้นอบน้อมกับนางเป็นพิเศษ

“เหตุการณ์คราวนั้นข้าล่วงเกินแม่นางยิ่งนัก เซียวเหนียงจื่อโปรดอภัยด้วย”

หมายถึงเรื่องที่เขารับคำสั่งจากท่านโหวกู้จับตัวกู้เจียวกับเสี่ยวจิ้งคงขึ้นรถนักโทษเรื่องนั้น

กู้เจียวเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ที่ข้ามาวันนี้เพราะอยากจะทำเครื่องมือเหล็กเสียหน่อย นายอำเภอสะดวกประทับตราให้หน่อยหรือไม่”

นายอำเภอรีบเอ่ยขึ้นทันทีว่า “สะดวก! สะดวก! ไม่ทราบว่าเซียวเหนียงจื่อต้องการเท่าใดหรือ”

กู้เจียวบอกจำนวนไป

นายอำเภอตกใจขึ้น “มากมายเพียงนี้เชียวรึ ถามได้หรือไม่ว่าเซียวเหนียงจื่อจะเอาไปทำอะไร”

กู้เจียวยื่นโฉนดที่ดินของตัวเองออกมา “ข้าซื้อภูเขาไว้ลูกหนึ่ง ต้องการจะหักร้างถางพงน่ะ”

ว่ามาเช่นนี้นายอำเภอก็กระจ่างแจ้งทันที หักร้างถางพงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ต้องใช้แรงงานคนและแรงงานวัตถุขนานใหญ่ จะใช้เครื่องมือเกษตรมากมายเพียงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

โดยปกติแล้วเอกสารประเภทนี้ต้องทำตามขั้นตอนซึ่งใช้เวลาหลายวันทีเดียว แต่เพราะนายอำเภอจัดการให้ด้วยตัวเอง เพียงไม่นานก็จัดการให้กู้เจียวเสร็จสิ้น

ก่อนจะกลับ นายอำเภอยังยิ้มเอ่ยกับกู้เจียวอีกว่า “หากมีเรื่องใดที่ต้องการให้ศาลาว่าการรับใช้ เซียวเหนียงจื่อก็อย่าได้เกรงใจ”

กู้เจียวผงกหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขอบคุณแล้วจากมา

นางเพิ่งจะออกประตูใหญ่ของศาลาว่าการไป ก็เห็นเถ้าแก่รองวิ่งหอบแฮ่กๆ มาหา “มะ…แม่นางกู้…ในที่สุดก็หาเจ้าเจอเสียที…เมื่อครู่ข้าไปหมู่บ้านมา…ท่านย่าเจ้าบอกว่าเจ้ามาศาลาว่าการ…เจ้าไม่เป็นไรกระมัง”

“ข้าไม่เป็นไร ต้องการจะซื้อเครื่องมือเกษตรน่ะ เลยมาประทับตราราชการเท่านั้น” กู้เจียวบอกพลางมองเขาอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง “แต่เจ้าน่ะ เช้าตรู่ขนาดนี้เจ้าไปหมู่บ้านทำไมกัน”

เถ้าแก่รองถูมือไปมา ค่อนข้างยากจะพูด

กู้เจียวจึงเอ่ยว่า “ว่ามาเถอะ คนป่วยอยู่ที่ไหนล่ะ”

“แค่กๆ!” เถ้าแก่รองส่งสัญญาณให้กู้เจียวเอาเอกสารที่ประทับตราราชการในมือไปให้เขา

กู้เจียวมอบให้เขา เขาเอ่ยถามว่า “ต้องการสั่งจองเครื่องมือเหล็กไว้ทำไร่ทำนารึ จะจองเท่าใดล่ะ”

กู้เจียวยื่นรายการให้เขาดู

เขาถือไปให้คนขับรถแล้วบอกว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าไปร้านตีเหล็กนะ จัดการเรื่องนี้ด้วย!”

“ขอรับ!” คนขับรถรับเอกสารและใบรายการมา

“ขึ้นรถก่อนค่อยว่ากัน” เถ้าแก่รองบอกกู้เจียว

กู้เจียวจึงขึ้นรถไปกับเถ้าแก่รอง

“ไปหุยชุนถังก่อน” เถ้าแก่รองสั่งคนขับรถ

คนขับขานรับแล้วสะบัดบังเหียนให้รถม้าเคลื่อนตัว

เขาไปส่งทั้งสองคนที่โรงหมอก่อนแล้วจึงไปร้านตีเหล็ก

เถ้าแก่รองปาดเหงื่อบนหน้าผาก สะทกสะท้อนใจว่า “มีคนไข้คนหนึ่ง ค่อนข้างจัดการยากทีเดียว ข้าก็ไร้หนทางแล้วจึงได้ไปหาเจ้า ครานี้เรียกได้ว่าข้าติดค้างน้ำใจเจ้าครั้งหนึ่งแล้ว”

กู้เจียวชะงักไปก่อนเอ่ยว่า “ไม่ต้องหรอก ครานี้คิดไปในงานเดือนนี้ของข้าเลย”

เถ้าแก่รองนิ่งอึ้ง “หา แล้วทางท่านชายน้อยกู้จะไม่ไปดูเขาแล้วหรือ”

กู้เจียวพยักหน้า “อืม ไม่ไปแล้ว”

เขามาพักบ้านข้าแล้วต่างหาก

วันนี้กู้เหยี่ยนไปเข้าเรียนที่โรงเรียนแล้ว เถ้าแก่รองจึงเจอแค่หญิงชราคนเดียว เขาย่อมไม่รู้ว่ากู้เหยี่ยนเข้ามาพักในบ้านกู้เจียวตั้งนานแล้ว

เถ้าแก่รองพยักหน้าคล้ายมีความคิดบางอย่าง “ข้าดูแล้วอาการป่วยของท่านชายน้อยดีขึ้นมามากแล้ว ไม่ไปก็ได้ เดือนหน้าค่อยไป”

กู้เจียวไม่ได้เอ่ยอะไร

ครู่ต่อมาก็มาถึงโรงหมอแล้ว

พอกู้เจียวเข้าโถงใหญ่ไปจึงได้เข้าใจว่าเหตุใดเถ้าแก่รองจึงมาหานางอย่างรีบร้อนเพียงนั้น

คนไข้ของโรงหมอหายไปหมอเสียแล้ว หมอทั้งหมดกับพนักงาน รวมถึงผู้ดูแลหวังล้วนถูกองครักษ์ในชุดผ้าฝ้ายตลอดร่างกลุ่มหนึ่งมาควบคุมตัวไว้ ในโถงใหญ่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันตรายและเงียบงัน

ชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ หน้าตาหล่อเหล่ารูปงามคนหนึ่งเดินมาหา บั้นเอวเขามีกระบี่พกอยู่เล่มหนึ่ง

เขากวาดตามองเถ้าแก่รองอย่างเย็นชา หางตากวาดดูกู้เจียว ทว่าทันใดนั้นก็ไม่สนใจกู้เจียวอีก “หมอที่เจ้าไปเชิญมาเล่า”

เถ้าแก่รองพยายามมองกู้เจียวอย่างสงบนิ่ง “คือนาง”

องครักษ์หนุ่มขมวดคิ้ว “เด็กสาวหน้าตาอัปลักษณ์นี่น่ะรึ”

กู้เจียวเปลี่ยนเสื้อผ้าที่แม่นางเหยาเป็นคนทำ มันทั้งเก่าทั้งขาดสุดๆ เลยทีเดียว แต่ก็ยังมีสภาพเป็นเสื้อผ้าของชาวบ้านทั่วไป ยากจะทำให้คนเชื่อมโยงได้ว่านางเป็นหมอที่ช่วยเหลือรักษาคน

ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ยังอายุน้อยเพียงนี้ด้วย

“เป็นนาง!” เถ้าแก่รองปาดเหงื่อเย็นฉาดหนึ่ง “นางเป็นหมอที่ฝีมือสูงส่งที่สุดในหุยชุนถังของพวกเรา หากกระทั่งนางยังรักษาไม่หาย เช่นนั้นในเมืองนี้ก็ไม่มีใครรักษาให้หายได้แล้ว”

องครักษ์หนุ่มพินิจมองกู้เจียวอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

อายุน้อยน่ะก็น้อยอยู่บ้าง แต่ดวงตาที่มองความเป็นตาอย่างปรุโปร่งคู่นั้นช่างเย็นเยียบไร้หัวใจ

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว สุดท้ายจึงเอ่ยว่า “เจ้าตามข้ามา”

กู้เจียวสะพายตะกร้าใบน้อยเดินตามชายหนุ่มไปห้องปีกข้างของเรือนท้าย

ในเรือนท้ายมีองครักษ์หลายสิบนายเฝ้าอยู่ แทบจะเรียกได้ว่าเดินไปห้าฝีเก้าต่อคน ทำเอาทั่วทั้งเรือนท้ายแออัดขึ้น

กู้เจียวยังสังเกตเห็นบนหลังคากับในตรอกล้วนมีองครักษ์ซ่อนอยู่อีกหลายคน

ป้องกันเข้มงวดแน่นหนาเช่นนี้ เกรงว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนใหญ่คนโต

แต่กู้เจียวไม่ได้ถามอะไรเลยสักอย่าง ตั้งแต่ต้นจนจบนางสงบนิ่งไม่สะทกสะท้าน