ตอนที่ 116 ยังไม่รีบไปเติมสินค้าอีก

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 116 ยังไม่รีบไปเติมสินค้าอีก

คืนสุดท้ายของเดือนมิถุนายน

เรื่องกระบี่เทพสังหารทั้งหมดเจ็ดแสนเล่มได้ทยอยย้ายเข้ามาในแต่ละคลังสินค้าใหญ่และชั้นหนังสือของศูนย์หนังสือจิ้งอัน จนในบริษัทพากันแตกตื่น!

“เผยตูคุณบ้าไปแล้ว?”

“สั่งกระบี่เทพสังหารมาเจ็ดแสนเล่ม?”

“คุณไม่รู้เหรอว่าร้านหนังสืออื่นในฉินโจวเขาสั่งกันเท่าไหร่”

“มากสุดก็ยังไม่ถึงหนึ่งแสนเล่ม!”

“คนอื่นหลบหลีกกันแทบแย่ คุณกลับมองว่าจะเป็นหนังสือขายดี?”

“คุณคงไม่ได้ค่าคอมมิชชันจากคลังหนังสือซิลเวอร์บลูหรอกใช่มั้ย”

เผยตูได้รับโทรศัพท์จากผู้บริหารระดับสูงหลายคนอย่างไม่ขาดสาย บ้างก็ตำหนิกล่าวโทษ บ้างก็คลางแคลงสงสัย บ้างก็กังวลใจ เขาล้วนตอบกลับไปเหมือนกันทุกสายว่า “ถ้าเกิดปัญหา ผมจะรับผิดชอบเอง”

เสียใจมั้ยน่ะเหรอ

ก็มีบ้างเล็กน้อย

ปฏิกิริยาของผู้บริหารระดับสูงนั้นรุนแรงกว่าที่เผยตูจินตนาการไว้ แม้แต่ลูกน้องของเขาเองก็ยังมีสีหน้ากังวล คิดว่าเผยตูถูกคลังหนังสือซิลเวอร์บลูหลอกแล้ว

“ผู้จัดการใหญ่ลำบากแล้ว”

“คลังหนังสือซิลเวอร์บลูต้องรู้ว่าหนังสือขายไม่ออกแล้ว เลยเอามาขายพวกเราแน่เลย”

“ทำได้แค่ภาวนาให้พรุ่งนี้มีคนอ่านมาซื้อไปให้มากหน่อย”

“สต็อกเจ็ดแสนเล่ม ขายได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นเถอะ”

“ยิ่งเหลือเยอะ ผู้จัดการก็ต้องรับผิดชอบมาก”

“…”

เผยตูกัดฟัน

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จะเสียใจไปก็ไร้ประโยชน์

เขาขบกรามแน่น มีคำสั่งลงไปสามเรื่อง

เรื่องแรก หัวข้อใหญ่ของเว็บไซต์บริษัทในวันพรุ่งนี้ต้องเหลือพื้นที่ไว้สำหรับกระบี่เทพสังหาร

เรื่องที่สอง ตั้งแค่คืนนี้เป็นต้นไป ให้เปลี่ยนแบนเนอร์โฆษณาของร้านหนังสือในเครือศูนย์หนังสือจิ้งอันให้เป็นกระบี่เทพสังหาร

เรื่องที่สาม ชั้นด้านหน้าของร้านหนังสือในเครือศูนย์หนังสือจิ้งอันทั้งหมด จัดวางได้แค่เรื่องกระบี่เทพสังหาร หนังสือเรื่องอื่นๆ ทั้งหมดให้วางด้านหลัง

เผยตูจะทำให้ทุกคนเห็นเรื่องกระบี่เทพสังหารทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในศูนย์หนังสือจิ้งอัน

“ได้ครับ”

ผู้ใต้บังคับบัญชาทำได้เพียงปฏิบัติตาม

ผู้จัดการใหญ่เสียสติไปแล้ว

และการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในศูนย์หนังสือจิ้งอันนี้ย่อมไม่อาจปิดบังคนในวงการซึ่งข่าวสารฉับไวได้ ปฏิกิริยาที่ทุกคนมีต่อข่าวเขย่าขวัญในครั้งนี้ล้วนเหมือนกัน

เผยตูบ้าไปแล้ว!

ไม่มีใครรู้ว่าสรุปแล้วคลังหนังสือซิลเวอร์บลูกรอกยาอะไรให้เผยตูกันแน่ ถึงทำให้เผยตูเล่นใหญ่ซะขนาดนี้ จนถึงขั้นนำตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของตนมาล้อเล่นแบบนี้

“เดิมพันสุดๆ ไปเลย”

“เผยตูเป็นแฟนคลับฉู่ขวง?”

“นอกจากแฟนคลับของฉู่ขวง ฉันก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะยังมีใครที่เชื่อมั่นในกระบี่เทพสังหารได้มากขนาดนี้”

“ไม่แน่เขาอาจโดนไล่ออก”

“ทุกคนเพลย์เซฟกันซะขนาดนี้ เขาเอาชีวิตไปเสี่ยงเอง”

“…”

ระหว่างสำนักพิมพ์นั้นมีการแข่งขัน ระหว่างร้านหนังสือแต่ละร้านในฉินโจวก็ย่อมมีการแข่งขันเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นว่าศูนย์หนังสือจิ้งอันเล่นใหญ่ถึงขนาดนี้ หลายคนก็พากันหัวเราะเยาะ

ถ้าหนังสือขายได้ ศูนย์หนังสือจิ้งอันก็ยังรับมือไหวแหละน่า

ยอดขายเจ็ดแสนเล่มต่อให้ขายไม่ออกทั้งหมดก็ยังไม่เป็นไร ศูนย์หนังสือจิ้งอันในฐานะที่เป็นเชนร้านหนังสืออันดับต้นๆ ของประเทศ ไม่มีทางไร้ซึ่งความสามารถในการรับมือแค่นี้หรอก

แต่จะว่าไปแล้วก็เป็นความเสียหายที่ไม่น้อยเลย

ถ้าหากเรื่องกระบี่เทพสังหารล้มเหลวไม่เป็นท่า ท่ามการกลางแข่งขันที่มีการได้เปรียบเสียเปรียบ ชื่อเสียงของศูนย์หนังสือจิ้งอันจะต้องถูกกระทบกระเทือนอย่างแน่นอน

นี่สิถึงจะเป็นภาพเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนดีใจที่สุด

รอให้ถึงพรุ่งนี้เลย!

ในคืนนั้น ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนเฝ้ารอวันถัดไป

ส่วนเผยตูเอง กลับเป็นคืนที่ข่มตาหลับไม่ลง รู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ สุดท้ายก็อดนอนไปจนสว่าง

“ทรมานเหลือเกิน”

คนเราเมื่ออายุมาก ความสามารถในการโต้รุ่งนั้นต่ำมาก ปีนี้เผยตูอายุสี่สิบ อดนอนมาหนึ่งคืน รู้สึกเพียงว่าสมองแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

หลังจากดื่มน้ำไปแก้วหนึ่ง สภาพของเขาก็ค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อย

หรือว่าจะนอนต่อดี?

เผยตูส่ายหน้า ตัดสินใจไปที่ร้านหนังสือสักหน่อย ไม่งั้นจิตใจคงไม่เป็นสุขแน่

……

ศูนย์หนังสือจิ้งอันในฐานะที่เป็นร้านหนังสืออันดับห้าของฉินโจว ลำพังในเมืองซูก็มีตั้งหลายสาขาแล้ว เผยตูไปยังสาขาที่ใหญ่ที่สุด

สาขานี้มีสามชั้น

หลังจากที่เผยตูไปแล้ว ก็ให้คนเปิดประตู เดินเข้าไปตรวจสอบดูสักรอบ

ผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามความต้องการของเขา ใช้แบนเนอร์ทั้งหมดสำหรับโปรโมตเรื่องกระบี่เทพสังหาร

ชั้นหนังสือแถวแรก โดยทั่วไปจะเป็นหนังสือแนะนำจากทางร้าน จัดวางเรื่องกระบี่เทพสังหารไว้เช่นเดียวกัน

ทั้งเมืองซู…

ไม่สิ น่าจะทั้งฉินโจว เห็นจะมีเพียงศูนย์หนังสือจิ้งอันที่ดันขายกระบี่เทพสังหารสุดชีวิตขนาดนี้

“ผู้จัดการครับ ยังไม่ถึงเวลาเปิดทำการเลย”

พนักงานในร้านเอ่ยเตือนประโยคหนึ่งอย่างระแวดระวัง เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็รู้ว่าเผยตูกำลังเผชิญกับอะไร

“ไม่เป็นไร”

เผยตูโบกมือ หามุมหนึ่งนั่งลง หลับตาทำสมาธิ

ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่กล้าพูดอะไรมาก ต่างคนต่างเตรียมตัวเริ่มงานในวันนี้

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง

ร้านหนังสือก็เปิดประตูแล้ว

เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้น ปลุกให้เผยตูตื่นขึ้นมา เขาขยี้ตาเบาๆ มองไปยังลูกค้ามากมายที่เดินเข้าประตูมา

เอ๊ะ?

ลูกค้าหลายคนหลังจากที่เข้ามาในร้าน ก็ตะลึงงันไปเล็กน้อย

เพราะทั้งศูนย์หนังสือจิ้งอัน ตั้งแต่แบนเนอร์ วอลเปเปอร์ ไปจนถึงบนชั้นหนังสือ ก็มีแต่กระบี่เทพสังหาร จะไม่ให้สังเกตเห็นเลยก็คงยาก

มีหนังสือน้อยนักที่ได้รับการโปรโมตยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้

เพราะฉะนั้น นักอ่านที่สงสัยใคร่รู้ก็หยิบกระบี่เทพสังหารขึ้นมาอ่าน

ความง่วงของเผยตูอันตรธานหายไปในชั่วพริบตา เขาใช้ดวงตาแดงก่ำจ้องมองลูกค้าแต่ละคนที่หยิบกระบี่เทพสังหารขึ้นมา ทั้งห้วงความคิดมีเพียงสองคำ

ซื้อเลย!

ซื้อเลย!

ซื้อเลย!

เผยตูถึงขั้นแทบอยากเดินลงไปแนะนำสินค้าให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าตนไม่ได้สวมเครื่องแบบของร้าน เดินดุ่มเข้าไปก็รังแต่จะทำให้ลูกค้าตกใจ

เขาทำให้ลูกค้าตกใจจริงๆ นั่นแหละ

ลูกค้าบางคนที่หยิบเรื่องกระบี่เทพสังหารขึ้นมาอ่าน จู่ๆ หางตาก็สังเกตเห็นว่าผู้ชายคนหนึ่งกำลังใช้ดวงตาซึ่งเต็มไปด้วยเส้นเลือดจ้องมองมายังตน พานให้ตกใจจนแทบทำหนังสือกระเด็นหลุดจากมือ

“ขอโทษครับ”

เผยตูกระแอมครั้งหนึ่ง โบกมือไหวๆ เพื่อแสดงการขอโทษ ก่อนที่จะเบนสายตาออกไป เพียงแต่ยังคงปรายตามองไปยังลูกค้าเหล่านั้น ในใจคำรามลั่นอย่างไม่ลดละ

ซื้อเลย!

ซื้อเลย!

ซื้อเลย!

ประหนึ่งมีพลังจริงๆ หลังจากที่จิตวิญญาณของเผยตูคำรามร้องไปหนึ่งคำรบ ลูกค้าคนแรกที่หยิบกระบี่เทพสังหารขึ้นมาก็เดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์จริงๆ

จากนั้นไม่ทันไร

ลูกค้าก็หยิบกระบี่เทพสังหารขึ้นมาอ่านมากขึ้นเรื่อยๆ ร้านหนังสือแนะนำซะอลังการงานสร้าง สำหรับลูกค้าแล้วก็นับว่าได้ผลทีเดียว

คนที่สอง…

คนที่สาม…

คนที่สี่…

คนที่ห้า…

ลูกค้าหยิบเรื่องกระบี่เทพสังหารไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนพนักงานหน้าแคชเชียร์เองต่างก็มองหน้ากัน

ดูเหมือนจะขายดีมากอยู่นะ?

เป็นผลจากการโฆษณาหรือเปล่า

คำตอบของคำถามเหล่านี้ปรากฏขึ้นราวครึ่งชั่วโมงให้หลัง เพราะบนชั้นซึ่งวางเรื่องกระบี่เทพสังหารไว้นั้น ในตอนนี้ขายออกไปแล้วสองในสามส่วน ถึงขั้นว่าด้านบนสุดของชั้นนั้นว่างเปล่าไปแล้ว ความเร็วในการขายนี้เร็วจนน่ากลัวเลยละ!

“ดังขนาดนั้นเลย?”

หญิงสาวหน้าแคชเชียร์หลายคนจ้องมองตาโต ประสบการณ์จากการทำงานเป็นแคชเชียร์ในร้านหนังสือบอกพวกเธอว่านี่ไม่ได้เป็นผลจากการโฆษณาเพียงอย่างเดียว!

สิ่งที่ตัดสินยอดขายของผลงานก็คือคุณภาพ!

การโฆษณาเป็นเพียงการเติมบุปผาบนดิ้นแพรก็แค่นั้น!

ไม่นาน ก็มีลูกค้าอีกคนหนึ่งปรากฏตัวหน้าแคชเชียร์ ด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้น ถือเรื่องกระบี่เทพสังหารมาหนึ่งเล่ม พลางเอ่ยว่า

“คิดเงินค่ะ”

“หนังสือเรื่องนี้สนุก?” พนักงานหญิงสาวหน้าแคชเชียร์ถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ทันใดนั้นเธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าด้วยสถานะของตน ถามคำถามแบบนี้ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก

“แหะๆ ”

ลูกค้าชะงักไป ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เป็นประโยคคำถามเหรอคะ”

“ต้องเป็นประโยคบอกเล่าสิครับ”

ไม่รู้ว่าเผยตูมาปรากฏตัวที่แคชเชียร์ตั้งแต่เมื่อไหร่

เขายิ้มบางให้กับลูกค้า จากนั้นก็หันหลังไปบีบเสียง แล้วตะโกนออกมาอย่างดุดันด้วยเสียงขึ้นจมูก

“ทำอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบให้คนไปเติมสินค้าอีก!”

บรรดาพนักงานหน้าแคชเชียร์งงงันไปชั่วขณะ ในตอนนั้นถึงตระหนักได้ว่าที่แท้เรื่องกระบี่เทพสังหารบนชั้นก็ใกล้จะหมดแล้ว

…………………………………………..