มปีศาจที่อ่อนแอที่สุด , อันดับที่ 71st , ดันทาเลี่ยน
ปฏิทินจักรวรรดิ: ปี 1505, เดือน 9, วันที่ 5
นิฟเฮม, ณ พระราชวังของเจ้าเมือง
“…… กระผมผู้นี้ไม่เคยเขียนจดหมายอันนี้มาก่อนเลยนะครับ”
“คุณหัวหน้า ข้าก็เช่นกัน ที่อยากจะเชื่อว่าคุณไม่รู้เรื่องนะ แต่คุณเคยคิดร้ายต่อข้าและโจมตีข้าในอดีต หรือไม่จริงล่ะ? กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ คุณยังไม่น่าไว้วางใจอย่างหมดกังวลน่ะ ”
“กระผมผู้นี้ไม่มีแผนที่จะเป็นศัตรูต่อฝ่าบาทอีกต่อไปแล้วครับ”
“นั่นค่อนข้างน่าเสียดายแฮะ แต่ข้าก็ยังไม่สามารถเชื่อคุณได้อยู่ดีนั่นแหละ ”
“……”
อีวาน ล๊อทบรอคได้กัดฟันของเขา
มันเป็นที่ชัดเจนว่าเขากำลังอารมณ์เสียอยู่ ก็เขามีเหตุผลมากพอที่จะโกรธเคืองอ่ะนะ
คนที่อยู่ตรงหน้าผมนี้เดิมทีเป็นหนึ่งในคนที่มีอำนาจมากที่สุด เขาเป็นคนซึ่งร่ำรวยที่สุดในโลกของปีศาจอีกทั้งยังเป็นผู้ปกครองหลังฉากแห่งนครอิสระ ‘นิฟเฮม’
คนผู้นั้นได้ถูกพิชิตและตอนนี้ทำหน้าที่ดั่งหุ่นเชิดของผม เขาได้เห่าหอนเหมือนหมาตามคำบัญชาทุกอย่างของผม มันกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าสมเพชเนอะ ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่มีแผนที่จะยกโทษให้เขาอย่างง่ายๆหรอกนะ
“กระผมผู้นี้ต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะได้รับความ ‘ไว้วางใจ’ จากฝ่าบาทล่ะครับ?”
“แค่ช่วยทำอะไรบางอย่างให้ข้าหน่อยน่ะ”
“ให้ช่วยแบบไหนกันล่ะครับ…… ?”
“อย่างแรก ข้าต้องการที่จะว่าจ้างทหารซักหน่อย”
มันถูกเขียนลงบนจดหมายที่ไม่ระบุชื่อว่าทหารสองพันนายกำลังจะบุกโจมตี
ถึงแม้ว่ามันจะยังคงไม่แน่ใจว่าจดหมายนั้นเป็นความจริงหรือเท็จก็เถอะ แต่มันก็ไม่ผิดอะไรที่จะเตรียมตัวให้พร้อมหรอกนะ เพราะอย่างน้อยที่สุดก็คือสามพันเลยนะเออ ใช่แล้วแหละ ผมเลยต้องการที่จะเตรียมตัวด้วยกองทัพอย่างน้อยสามพันนายน่ะ
“ข้าคิดว่านี่เป็นข้อเรียกร้องที่จิ๊บๆอยู่นะ ถ้านี่คือบริษัทกึนคัสก้าอันยิ่งใหญ่แล้วละก็งั้นก็เป็นที่แน่นอนว่าคุณจะสามารถรวบรวมทหารสามพันนายได้อย่างง่ายดายชัวร์ๆ คุณไม่คิดอย่างงั้นเช่นกันหรือ? ”
“……แน่นอนครับ ฝ่าบาท ”
อีกฝ่ายได้แสดงสีหน้าหยั่งกับว่าเขาได้เคี้ยวขี้ยังไงยังงั้น
เฮ้ย อารมณ์ของแกได้แสดงออกมาทั่วทั้งใบหน้าของแกแล้วนะ
บางทีเขาอาจจะมองผมด้วยความรังเกียจล่ะมั้ง? น่าจะเป็นเช่นนั้นนะ นี่เขาได้ตัดสินใจว่าเขาไม่จำเป็นต้องสงวนท่าทีต่อหน้าผมแล้วหรือไงกัน?
นั่นน่าเป็นปัญหาแล้วแฮะ สัตว์เลี้ยงที่ดูหมิ่นเจ้าของตัวเองย่อมเริ่มใช้การไม่ได้ ดูเหมือนว่าผมคงต้องสอนมารยาทแก่เจ้าแวมไพร์นี้อีกสักครั้งนึงแล้วแหละ
“ล๊อทบรอค บางทีคุณน่าจะเกลียดข้าเข้าให้แล้วสินะ? ”
“…… นั่นเป็นไปไม่ได้เลยครับ กระผมผู้นี้ยึดมั่นในการให้ความเคารพและความจงรักภักดีต่อเหล่าจอมปีศาจภายในอกของกระผมผู้นี้อยู่เสมอครับ ”
“ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะข้าค่อนข้างชอบคุณมากเลยทีเดียวน้า ข้าได้กังวลว่ามันอาจจะเป็นรักข้างเดียวน่ะ รักข้างเดียวเป็นสิ่งที่สวยงามแค่ในช่วงวัยเด็กเท่านั้นแหละ แต่ในวัยนี้ มันไม่สัปดนหรอกหรือที่ดันหลงพัวพันในเรื่องพรรณนี้น่ะ? ”
อีวาน ล๊อทบรอคมองผมด้วยสายตาที่ครางแครงใจ เขาคงจะพยายามค้นหาสิ่งที่ผมกำลังสื่อถึงอยู่
ผมนำเอาอะไรบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อของผม ก็นะ, มันก็ไม่ใช่อะไรที่สำคัญหรอก ก็แค่เส้นผมเส้นเดียวน่ะ มันเป็นเพียงเส้นผมเส้นเดียวที่มีสีบลอนด์
อีวาน ล๊อทบรอคทำหน้าบูดบึ้งและกล่าวว่า
“นั่นคืออะไรกันแน่ครับ?”
“ข้าจะพูดอีกครั้งนึงนะ ข้าค่อนข้างชอบคุณมากเลยทีเดียว เว้นแต่ ไม่ใช่ร่างแก่ๆของคุณหรอกนะแต่เป็นร่างเดิมของคุณต่างหากล่ะ ร่างอันบอบบางและเป็นเพศหญิง ข้าชอบร่างนั้นมากกว่า ”
“…… !”
นัยน์ตาของล๊อทบรอคสั่นเครือด้วยความกังวล
ร่างหลักของล๊อทบรอคคือหญิงสาวผู้มีผมสีบรอนซ์ เส้นผมที่ผมพึ่งนำออกมาก็คือสีบรอนซ์เช่นกัน นี่หมายความว่าอะไรกันแน่หนอ
“นี่มัน…….!”
“เกี่ยวกับร่างกายของคุณ ตัวข้าเองชอบเรียวขาของคุณนะ หน้าอกที่เล็กกระทัดรัดและโครงร่างเอวของคุณก็ใช้ได้อยู่หรอกนะ แต่ข้าคิดว่าเรียวขาของคุณเด็ดที่สุดแล้วล่ะ ”
ผมยิ้มออกมา
“ถ้าคุณลูบไล้มันอย่างละเอียดละออแล้วคุณจะสามารถรู้สึกได้ทั้งความกระชับของน่องขาและความนุ่มของต้นขาในเวลาเดียวกันเลยแหละ มันรู้สึกเหมือนมือของข้าละลายเพราะความนุ่มนวลของพวกมัน กลิ่นหอมคล้ายกุหลาบที่ได้เล็ดลอดออกมาจากผิวกายของคุณเกือบทำให้ข้าเผลอต้องการที่จะเลียคุณด้วยนะ ”
“ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทสัญญาว่าจะไม่แตะต้องร่างหลักของกระผมผู้นี้หรือครับ!”
อีวาน ล๊อทบรอคปล่อยเสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยวออกมา
“กระผมผู้นี้ได้ทรยศฝ่าบาทไพม่อนตามที่ฝ่าบาทรับสั่งแล้วนะครับ! กระผมผู้นี้ยังได้ปกป้องฝ่าบาทในขณะเดียวกันก็ได้เสียสละหนึ่งในผู้บริหารบริษัทไปอีกด้วย ! แล้วทำไม …… ! ”
“อย่าเข้าใจผิดสิ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่สบายๆว่า
“พวกเราไม่ได้ทำสัญญาต่อกัน เพราะสัญญาเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อกันทั้งสองฝ่าย แต่ทว่า ความสัมพันธ์ของพวกเราเป็นอะไรที่เรียบง่ายกว่านั้นนะคุณหัวหน้า มันคือการเชื่อฟังอย่างเด็ดขาดยังไงล่ะ”
“……”
“คุกเข่าลง”
อีวาน ล๊อทบรอคชะงักชะงันแข็งทื่อไป
ผมสงสัยว่าเขาอาจจะไม่ได้ยินคำสั่งของผมอย่างชัดเจนกระมั้ง เมื่อดูจากที่เขาติดอยู่ในร่างของชายชรา การได้ยินของเขาบางทีอาจจะเสื่อมโทรมตามไปด้วยเช่นกันเนอะ? นี่ก็เป็นไปได้นะ ไม่ต้องกังวลไป ผมยึดมั่นในเรื่องการให้ความเคารพผู้สูงอายุ ผมคือผู้ชายที่สามารถแสดงเมตตาจิตต่อผู้สูงอายุได้มากเท่าที่จำเป็นนะเออ
ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ผมได้สั่งอีกครั้งนึงว่า
“คุกเข่าลงสิ คุณหัวหน้า”
“……”
“ทำสิ”
อีวาน ล๊อทบรอคค่อยๆงอเข่าของเขาลง
ผมพยักหน้าและกล่าวว่า
“ทีนี้ก็มาตรงนี้”
“……”
ความอัปยศอดสูและความโกรธได้ย้อมไปทั่วใบหน้าของสุภาพบุรุษวัยชรา
ผมอดไม่ได้ที่จะชื่นชอบเมื่อใดก็ตามที่ผู้มีอำนาจทำสีหน้าแบบนั้นแฮะ มันรู้สึกเหมือนผมกำลังเฝ้าดูพวกอันธพาลพยายามแก้ไขปรับปรุงตนเอง ผมแทบจะต้องการสดุดีความงดงามของมนุษยชาติออกมาดังๆเลย
อีวาน ล๊อทบรอคได้คลานเข่ามาทางผม
ผมถอดรองเท้าของผมและเหยียบเท้าขวาลงกับหัวของสุภาพบุรุษวัยชรา มันนั้น, แน่นอนว่า, คือการกระทำที่ดูหมิ่นอย่างมาก ไหล่ของอีวานล๊อทบรอคได้เริ่มสั่นเทา
“คุณหัวหน้า”
“……ครับฝ่าบาท”
“กรุณาประพฤติตัวด้วยความระมัดระวังมากขึ้นขณะที่ยืนอยู่ต่อหน้าข้าด้วย ข้าไม่ได้เยาะเย้ยคุณในระหว่างที่พวกเราได้พบกันเลยนะ แต่ปกติและนุ่มนวลซะด้วยซ้ำ ข้าปฏิบัติต่อคุณเหมือนเพื่อนร่วมงานที่มีความเท่าเทียมกัน แต่กระนั้น นี่คุณไม่ได้มองข้าดั่งเช่นคุณกำลังมองเศษสวะหรอกหรือ? ”
กด และก็กด
ผมดันศีรษะของเขาลงไปเรื่อยๆ
จนจมูกของอีวาน ล๊อทบรอคได้แตะกับพื้น
“นี่คือสาเหตุที่การสื่อสารพูดคุยกันนั้นเป็นไปไม่ได้ นี่คุณวางแผนที่จะทิ้งข้าไว้ในความรักที่ไม่สมหวังอีกนานเท่าไหร่กันหืม? ถ้าคุณต้องการให้ข้าเคารพต่อศักดิ์ศรีของคุณ งั้นคุณต้องเคารพศักดิ์ศรีของข้าก่อน คุณเข้าใจมั้ย?”
“กระผมผู้นี้จะ, จำใส่ใจไว้อย่างแน่นอนครับ …… ”
“เตรียมทหารสามพันนายภายใน 2 วัน”
ผมถอนเท้าของผมออก
“มันอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ถ้าคุณรวบรวมกลุ่มคนอย่างส่งเดช ดังนั้นข้าจึงต้องการทหารที่ดีเลิศที่สุด ตามที่จดหมายระบุไว้ การโจมตีจะเกิดขึ้นในอีก 10 วัน ดังนั้นรีบจัดการซะ ”
อีวาน ล๊อทบรอค รีบเงยหน้าขึ้นมาและกล่าวว่า
“ฝ่าบาท เวลาสองวันนั้นกระชั้นชิดเกินไปนะครับ! อย่างน้อย ก็ให้เวลาพวกเราสักอาทิตย์นึง….. ไม่สิถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะให้เวลาพวกเราครึ่งเดือน มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะจ้างทหารสามพันนายซึ่งดีเลิศที่สุดนะครับ ”
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่? ก็มีกำลังพลมากมายอยู่ใกล้ๆนี่นา ”
“อะไรนะครับ?”
“ไม่ใช่ว่ามีทหารป้องกันเมืองนิฟเฮมอยู่หรอกหรือ? ข้าได้ยินมาว่ากำลังทหารที่นี่มีอยู่ประมาณ 8,000 นายนะ มอบให้ข้าบางส่วนจากที่นั่นก็แล้วกัน ”
อีวาน ล๊อทบรอค ได้อ้าปากของเขา
มันเป็นใบหน้าประหนึ่งว่าเขาเพิ่งได้ยินคำแนะนำที่เหลือเชื่อออกมา
“ฝ่าบาท! นั่นเป็นทหารป้องกันเมืองแห่งนี้นะครับ! ”
“และคุณก็คือผู้ปกครองที่แท้จริงของนิฟเฮม คุณสามารถโยกย้ายกองกำลังไปมาได้ตามที่คุณต้องการ ”
“ได้โปรดเข้าใจด้วยครับ! ถ้าเหล่าทหารหายไปแล้วแนวป้องกันนิฟเฮมก็จะหายตามพวกเขาด้วยนะครับ นิฟเฮมเป็นนครอิสระที่รับผิดชอบต่อเศรษฐกิจทั้งหมดในโลกของปีศาจ ถ้าสถานที่แห่งนี้ล่มสลายลงแล้วความบรรลัยก็จะปกคลุมโลกปีศาจทั้งหมด และถ้าเกิดขึ้นในขณะที่ความตายสีดำยังคงกำลังเพ่นพ่านอาละวาด …… ! ”
“โว้ว โว้ว ใจเย็นก่อน”
ผมลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ของผม
ผมพยุงอีวาน ล๊อทบรอคกลับขึ้นมายืนบนเท้าของเขาและบรรจงปัดฝุ่นทั้งหมดออกจากเสื้อผ้าของเขา อีวาน ล๊อทบรอค, ที่ไม่แน่ใจว่าควรจะทำท่าทีอย่างไรดี, ก็อ้ำอึ้งไม่สามารถที่จะกล่าวคำพูดใดๆตอบกลับมา
“แน่นอนว่ามีหลายเรื่องที่ต้องกังวล และภัยอันตรายที่คุณต้องแบกรับก็มีมากมายเช่นกัน ข้าเข้าใจดีทุกอย่างนะ ข้าเข้าใจจริงๆ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม, คุณหัวหน้า มันน่าเสียดายมากเลยนะว่า ”
สุดท้าย ก็ปัดฝุ่นออกจากไหล่ของอีวาน ล๊อทบรอค
“นั่นคือปัญหาของคุณ ไม่ใช่ของข้า”
“……”
ผมฉีกยิ้มกว้างออกมา
อีวาน ล๊อทบรอคได้นิ่งอึ้งพูดไม่ออก
“อา ข้าน่าจะชี้แจงว่าเส้นผมนี้ไม่ได้มาจากร่างหลักของคุณหรอกนะ ข้าจะทำอย่างนั้นได้ยังไงในเมื่อข้าเคารพคุณมากขนาดนี้ เนอะคุณหัวหน้า? ไม่ต้องกังวลไปนะ ”
“อะไรนะครับ? งั้นมันมาจากไหน……?”
“ข้าดึงออกมาจากหมาที่กำลังเดินเตร่ไปรอบๆพระราชวังของเจ้าเมืองหลังจากที่เล่นกับมันสักแปปนึงน่ะ สีและความงามของเส้นขนหมาตัวนั้นค่อนข้างสละสลวยดีทีเดียว ตามที่คาดไว้เลย ถ้าเจ้าของเป็นคนมีฐานะแล้วแม้แต่สัตว์เลี้ยงก็จะใช้ชีวิตอย่างหรูหราตามไปด้วย”
สีหน้าของอีวาน ล๊อทบรอคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
เขาคงจะคิดได้ว่าเขาเพิ่งจะหยอกล้อตัวเองซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพราะขนหมาบางตัวและอึ้งพูดอะไรไม่ออก
นั่นคือเหตุผลที่คุณไม่ควรที่จะตอบโต้อย่างเปล่าประโยชน์ พวกเราควรจะมีความสุขตามวิถีของตัวเราเองโดยไม่สร้างความเดือดร้อนแก่คนอื่น ผมไม่สามารถเข้าใจผู้คนซึ่งดึงดันที่จะผดุงศักดิ์ศรีของพวกเขาไว้ทั้งๆที่พวกเขารู้อย่างชัดเจนว่ากำลังจะพ่ายแพ้แล้ว นี่คุณเป็นพวกซาดิสม์หรือไง? หรือคุณชื่นชอบรับความเจ็บปวดอย่างจงใจกันแน่หว่า? นี่มันเป็นเรื่องค่อนข้างน่าหนักใจนะที่มีพวกวิตถารจำนวนมากอยู่ในโลก ……
“ทหารสามพันนาย ที่ดีเลิศที่สุด ข้าจะทิ้งเรื่องนี้ไว้ในมือของคุณนะ คุณหัวหน้า”
“……ครับ”
“โอ้จริงสิ ข้ายังต้องการให้คุณหาข้อมูลบางอย่างด้วยนะ ”
ผมยิ้มกริ่มและกล่าวว่า
“นี่ก็เช่นกันที่ไม่ใช่งานยากอะไรมากมายดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นต้องกังวลหรอกนะ มันเป็นงานที่ต้องตามหามนุษย์เพียงคนเดียวน่ะ อ้า ในระหว่างที่คุณอยู่ที่นั่นให้ซื้อไวน์ที่แจ่มที่สุดมาฝากข้าด้วยล่ะ ”
“ตามพระบัญชาครับ …… ”
ดูเหมือนว่าเขาน่าจะยอมแพ้ในที่สุดนะ อีวาน ล๊อทบรอคจึงได้โค้งคำนับให้ มันดูน่ารักดีนะเนื่องจากเส้นผมที่ห้อยลงมาของเขาดูคล้ายกับหูของสุนัขเลย
แม้ความจริงที่ว่าเขามีริ้วรอยตีนกาจำนวนมากเป็นข้อด้อย แต่เอาเถอะ มันคงจะเป็นการดีกว่าถ้าผมแค่คิดเกี่ยวกับมันว่าเป็นการเลี้ยงสัตว์ที่มีความนึกคิดเย่อหยิ่งในตัวอย่างแรงเท่านั้น ผมคงจะรู้สึกเสียใจแน่ถ้าผมผลักไสเขามากจนเกินไป ดังนั้นผมควรจะให้รางวัลแก่เขาบ้างในภายหลังดีกว่าเนอะ โอ้ไม่สิ ผมไม่ควรมีงานอดิเรกอย่างเช่นการเลี้ยงสัตว์ตั้งแต่ทีแรกเลยนี่หว่า……
จอมปีศาจที่อ่อนแอที่สุด ,อันดับที่ 71st , ดันทาเลี่ยน
ปฏิทินจักรวรรดิ : ปี 1505, เดือน 9, วันที่ 7
นิฟเฮม, ณ พระราชวังของเจ้าเมือง
ผมได้ยินเสียงกระดาษที่กำลังถูกพลิกอยู่
ผมสงสัยว่าคงเป็นเพราะผมได้เหงื่อออกมาตลอดทั้งคืนล่ะมั้งแผ่นหลังของผมถึงได้รู้สึกเปียกอย่างงี้ ผมขยี้ตาและหันหน้าของผมเพื่อไปดูลาพิส ลาซูรี่ที่กำลังอ่านรายงานอยู่ข้างๆผมบนเตียง
“ล๊อทบรอค?”
“ใช่ค่ะ”
เพื่อเป็นการตอบคำถามสั้นๆของผมซึ่งถามว่าเป็นรายงานมาจากล๊อทบรอคใช่มั้ย ลาพิส ลาซูรี่ก็ได้ตอบกลับมาในทันที
หนึ่งสัปดาห์ได้ผ่านไปนับตั้งแต่พวกเราได้กลายมาเป็นคู่รักกัน น่าแปลกใจจัง ที่ถ้อยคำของพวกเราข้ามผ่านกันด้วยดี ผมควรจะกล่าวว่าความเข้ากันได้ของพวกเรามันเยี่ยมไปเลยดีหรือเปล่าน้า? ไม่สิ มันอาจจะเลยเถิดเกินไปที่จะถึงกับยึดถือว่าเธอเป็นคนรักของผมแล้ว……
“เป็นยังไงบ้าง”
“ระดับคุณภาพของข้อมูลน่าพอใจดีค่ะ ตลาดทาสทั้งหมดซึ่งตั้งอยู่ในภาคเหนือของดินแดนซาร์ดิเนียมีอยู่ 13 แห่ง ในหมู่พวกเขา จำนวนของตลาดทาสซึ่งจัดการกับพวกทาสที่มาจากตระกูลขุนนางมีทั้งสิ้น 4 แห่ง ทาสที่ฝ่าบาทกำลังมองหาถูกลงทะเบียนอยู่ที่พาเวียค่ะ”
ลาพิส ลาซูรี่ได้หยิบเอกสารฉบับนึงออกมา
ผมส่ายหัวและฝังจมูกของผมลงบนต้นขาของเธอ มันรู้สึกคล้ายกับว่าเธอได้ชะโลมน้ำมันอันหอมหวานสักอย่างบนผิวกายของเธอ กลิ่นหอมอันน่ารื่นรมย์ได้ระเหยออกมาจากตัวเธอ
“น้ำมันมะกอกเหรอ?”
“มันคือน้ำมันดอกกุหลาบภูเขาอนาโตเรียค่ะฝ่าบาท ถ้าฝ่าบาทมีเวลาว่างมากพอที่จะล่วงละเมิดทางเพศเราผู้นี้ งั้นได้โปรดช่วยอ่านรายงานนี้หน่อยเถอะค่ะ ”
“ข้าไม่อยากอ่านตัวอักษรใดๆในทันทีที่ข้าตื่นขึ้นมาในตอนเช้าหรอกนะ ข้าจะขอบคุณเธอมากถ้าเธอสามารถอ่านมันออกมาดังๆเผื่อข้าหน่อยน่ะ ”
“มันไม่ใช่ช่วงเช้าแล้วนะคะแต่เป็นช่วงบ่ายต่างหากค่ะ”
ลาพิส ลาซูรี่ได้ถอนหายใจออกมา
“เราผู้นี้คิดว่ามันเป็นเพราะฝ่าบาท วงจรชีวิตของเราผู้นี้จึงกำลังถูกทำลายตามไปด้วย เวลาจำนวนมากได้ถูกผลาญไปจากการมีเพศสัมพันธ์เพียงครั้งเดียว เราผู้นี้จึงขอแนะนำให้ฝ่าบาทลดจาก 4 ชั่วโมงเป็น 2 แทนเถอะค่ะ”
“จะให้ข้าทำยังไงในเมื่อแรงกายของข้าสุดยอดไร้เทียมทานล่ะ?”
ผมแตะเบาๆที่ก้นของลาล่าและกล่าวว่า
“ข้าไม่มีท่าทีที่จะอิ่มเอมกำหนัดของข้าอย่างรวดเร็วหรอกนะ ยังไงก็ตาม มันค่อนข้างเป็นปัญหาเลยทีเดียวที่พวกผู้ชายสมัยนี้ไม่รู้วิธีที่จะแสดงความใส่ใจต่อผู้หญิงแฮะ ความรื่นรมย์ที่ได้เพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นของกันและกันอีกทั้ง…… ”
“เราผู้นี้ทราบค่ะ มันเป็นที่รู้กันดีต่อเราผู้นี้แล้วว่าฝ่าบาทเป็นพวกวิตถารเกินกว่าที่จะจินตนาการได้ ดังนั้นเราผู้นี้จึงไม่ต้องการบทเรียนสอนใจอื่นอีกแล้ว ”
ลาพิส ลาซูรี่ถอนหายใจและเริ่มอ่านรายงานต่อ
“—ลอร่า เดอ ฟาร์เนเซ่ นับตั้งแต่เธอได้เกิดมาเป็นลูกนอกสมรสในครอบครัวของดยุคฟาร์เนเซ่ เธอได้ถูกกักขังอยู่ในคฤหาสน์ตลอดเวลา แม้ว่ามันจะยังไม่ได้เป็นที่เปิดเผยว่าใครคือแม่ของเธอ แต่ก็มีข่าวลือว่าเธอได้เกิดมาหลังจากที่ดยุคได้ข่มขืนคนรับใช้คนหนึ่ง ”
“อืม”
ผมลูบไล้ต้นขาของลาพิส ลาซูรี่ในระหว่างที่ผมได้ฟังคำกล่าวของเธอ
ลาล่าไม่มีไขมันที่เปล่าประโยชน์เลยแม้แต่น้อย มันน่าจะเป็นเพราะว่าเธอเกิดมาในฐานะจัณฑาลและใช้ช่วงเวลาในวัยเด็กอย่างอดอยาก เร่ร่อนไปตามตรอกซอกซอยและคุ้ยหาเศษขยะจากพวกถังขยะต่างๆ อีกทั้งยังถูกก่นด่าที่เกิดมาเป็นพวกเลือดผสม โดนก้อนหินขว้างใส่เธออยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
…… ผมควรจะฆ่าหญิงชรานั่นซะ
ผมรู้สึกเสียดายจริงๆ
“ดูเหมือนว่าคุณหนูฟาร์เนเซ่จะใช้ชีวิตในวัยเด็กอย่างยากลำบากมากๆ ”
ลาพิส ลาซูรี่กล่าวต่อว่า
“ไม่เพียงแค่ตัวคฤหาสน์เท่านั้น แต่เธอยังถูกห้ามไม่ให้ออกจากห้องนอนของเธอด้วยเช่นกัน พี่น้องของเธอไม่คิดว่าคุณหนูฟาร์เนเซ่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของพวกเขา และแม้แต่คนรับใช้ก็ปฎิบัติต่อเธอราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน………ฝ่าบาทคะ? ท่านกำลังฟังอยู่หรือเปล่า?”
“แน่นอน ข้ากำลังฟังอย่างเอาจริงเอาจังเลยแหละ ”
“แต่ทว่า เราผู้นี้กลับคิดว่าฝ่าบาทเอาแต่จับต้นขาเราผู้นี้ตั้งแต่เมื่อครู่ที่ผ่านมานะคะ”
“ข้าไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่หรอกนะ แต่ดูเหมือนเธอน่าจะคิดไปเองมากกว่า ”
“…… เราผู้นี้ขออ่านต่อนะคะ”
ลอร่า เดอ ฟาร์เนเซ่
เธอเป็นตัวละครสำคัญที่ปรากฏใน < Dungeon Attack >
ซึ่งมีส่วนคล้ายกับพระเอก ตรงที่เธอเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในยุคนั้นเหมือนกัน แต่ถ้าใครสักคนต้องการชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างแล้วล่ะก็ งั้นมันก็คือการที่เธอได้ผลักดันให้โลกเข้าสู่ความหวาดกลัวแทนที่จะเป็นความหวังอ่ะนะ
เหตุผลทางการเมืองที่ซับซ้อนเล็กน้อยได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้
พระเอกเกม < Dungeon Attack > หรือก็คือฮีโร่ ได้เข้าร่วมกับฝ่าย ‘จักรวรรดิฮับส์บูร์ก’ ในทางตรงกันข้าม ลอร่า เดอ ฟาร์เนเซ่ได้ทำงานให้กับประเทศที่รู้จักกันในนามว่า “ราชอาณาจักรบริตทานี” จักรวรรดิและราชอาณาจักรต้องการที่จะตัดสินว่าใครคือผู้ปกครองที่แท้จริงของทวีป จึงได้เริ่มทำสงครามครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น
มีโอกาสว่า เมื่อเทียบกับที่เหล่าจอมปีศาจฆ่าแล้ว จำนวนมนุษย์ที่เสียชีวิตเนื่องจากคุณหนูฟาร์เนเซ่อาจจะมีจำนวนมากกว่าเสียอีก กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สำหรับพระเอกแล้วคุณสามารถกล่าวได้ว่าเธอเป็นศัตรูที่น่ากลัวมากยิ่งกว่าจอมปีศาจก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม ไอ้พวกนี่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อล่วงเลยไป 15 ถึง 20 ปีในอนาคตอ่ะนะ
เพราะในปัจจุบันนี้ ลอร่า เดอ ฟาร์เนเซ่ไม่ต่างอะไรไปจากเด็กสาวอายุ 16 ปีที่เปราะบางและอ่อนแอเท่านั้นแหละ
มีอะไรต้องปิดบังกันอีกล่ะ?
ก็ผมแค่อยากจะคว้าเด็กสาวคนนี้ผู้ซึ่งมีชะตาจะได้เป็นแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตข้างหน้าเท่านั้นเอง
ในเมื่อดูแล้วมันกำลังจะมีทหาร 2,000 นายรุกรานจากแว่นแคว้นไหนก็ไม่รู้ ขณะที่ผมกำลังว่าจ้างกำลังพล ผมก็อยากจะเกณฑ์ผู้บัญชาการพร้อมกันไปเลยทีเดียว ฆ่านกสองตัวด้วยหินเพียงก้อนเดียวยังไงล่ะ
ลาพิส ลาซูรี่หลังจากอ่านรายงานเสร็จแล้วก็กล่าวว่า
“ฝ่าบาท มีบางอย่างที่เราผู้นี้ประสงค์ที่จะถามหน่อยค่ะ ว่าทำไมฝ่าบาทถึงมีความสนใจในตัวเด็กน้อยจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ล่ะคะ? ”
“ไม่มีเหตุผลเป็นพิเศษหรอกนะ แค่เด็กคนนี้ซ่อนเร้นความเกลียดชังต่อมนุษย์ในใจมากที่สุดเท่านั้นเอง ”
ผมโกหกเธออย่างหน้าตาเฉย