บทที่ 98 ย้อนอดีต

บทที่ 98 ย้อนอดีต

ท่านลุงจางกับท่านป้าจางมองเด็กสี่คนกอดกันอย่างซาบซึ้ง การที่พวกเขารวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ครอบครัวจะต้องดีกว่าที่เป็นอยู่ได้อย่างแน่นอน

หลังจากส่งพวกท่านลุงจางกลับไป กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ก็ยังเหมือนไม่ได้สติคืนมาเท่าไรนัก หลังล้างจานพวกเขาก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงเตาทันที

เมื่อครู่กู้เสี่ยวอี้ร้องไห้อย่างเจ็บปวดเกินไป ทำให้ยังคงสูดน้ำมูกฟืดฟาดไม่หยุด กู้เสี่ยวหวานมองอย่างเป็นห่วง ภายใต้ความมืด นางดึงกู้เสี่ยวอี้เข้ามาในอ้อมกอด และตบหลังเบา ๆ เป็นพัก ๆ พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เสี่ยวอี้เด็กดี อย่าร้อง อย่าร้อง!”

คาดว่ากู้เสี่ยวอี้น่าจะร้องไห้จนเหนื่อยแล้ว นางส่งเสียงตอบกู้เสี่ยวหวานแผ่วเบา ไม่นานก็ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดเล็ก ๆ ของกู้เสี่ยวหวาน เงียบสนิทไร้เสียงพูดคุยกันในค่ำคืนนี้

ระหว่างที่พวกท่านป้าจางกำลังกลับบ้านโดยมีฉือโถวบังคับเกวียนให้เดินไปข้างหน้า สักพักท่านป้าจางก็เริ่มมองบ้านตระกูลกู้แล้วค่อยถอนหายใจยาว เอ่ยปากขึ้นในที่สุด “คิดไม่ถึงว่าหลังจากเสี่ยวหวานตกน้ำ จู่ ๆ ก็กลายเป็นคนฉลาดขึ้นเสียอย่างนั้น”

“ใช่ เมื่อก่อนแทบจะไม่เคยพูดกับพวกเราเลย แต่เจ้าดูที่นางพูดกับพวกเราวันนี้สิ ถ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง ข้าก็ยังนึกว่าเจ้าพูดเหลวไหล!” ท่านลุงจางตอบ

“แต่ข้าชอบเสี่ยวหวานตอนนี้ ทั้งร่าเริงสดใส ทั้งเข้าใจโลก เพียงแต่น่าเสียดายที่สองสามีภรรยากู้ด่วนมาจากไปเร็วเกิน…เฮ้อ” พอคิดถึงพวกเถียนซื่อที่ด่วนจากไป ท่านป้าจางก็อดถอนหายใจยาวไม่ได้

“เฮ้อ ใครบอกว่าไม่ใช่กันล่ะ” ท่านลุงจางก็พูดอย่างเสียใจเหมือนกันไม่ได้ว่า “เพียงแต่ว่า ข้ารู้สึกแปลกมาโดยตลอดว่า เหตุใดสองสามีภรรยานั้นถึงจากไปกะทันหันแบบนั้น!”

“ท่านต้องการจะพูดอะไรน่ะ” ท่านป้าจางที่ได้ยินสามีตัวเองจู่ ๆ ก็พูดประโยคนี้ขึ้นมา พลันตะลึงงัน “สามี ท่านหมายความว่าอย่างไร”

“พวกชาวบ้านต่างก็พูดกันว่าสองสามีภรรยาออกไปหาปลากลางดึก จากนั้นก็จมน้ำตาย บอกว่าพวกเขาลื่นโคลนริมทะเลสาบแล้วตกลงไป แต่ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกมาโดยตลอด!” ในใจท่านลุงจางเต็มไปด้วยความสงสัย เขายังจำตอนที่เขายังไม่ได้รับบาดเจ็บได้ ตอนนั้นในบ้านไม่มีอะไรกินแล้ว ทำให้เขาต้องไปตกปลาที่ริมทะเลสาบให้ภรรยาและตัวเองคนละตัว แม้ว่าจะมีรสชาติย่ำแย่ แต่ก็สามารถทำให้ท้องอิ่มได้

เพราะทะเลสาบนั้นอยู่ฝั่งตะวันตกของหมู่บ้าน จึงค่อนข้างจะไกลจากหมู่บ้านสักหน่อย ดังนั้นแล้วชาวบ้านจึงไม่ค่อยไปแถวนั้นกัน มีเพียงสองสามีภรรยากู้ที่มักไปหาของกินที่นั่นอยู่บ่อย ๆ สองคนนั้นไปที่นั่นประจำ ก็น่าจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมดีสิ เหตุใดจึงไม่ระวังอย่างนี้จนตกน้ำไปได้

ต่อมาเขายังให้ฉือโถวพาเขาไปดูริมทะเลสาบอยู่เลย ที่ริมทะเลสาบนั่นไม่มีอะไรที่สามารถทำให้คนลื่นได้ด้วยซ้ำ อีกอย่างในตอนนั้นฝนก็ไม่ได้ตก ถ้าว่าตามความเป็นจริงแล้ว ริมทะเลสาบล้วนเต็มไปด้วยต้นหญ้า ไม่สามารถลื่นไถลตกลงไปได้เลย

ท่านลุงจางครุ่นคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ แต่เรื่องนี้มันผ่านมาหลายปีแล้ว อยากจะสำรวจอะไรอีกก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว

“เฮ้อ คนก็ตายไปแล้ว ต่อให้แปลกอย่างไร ก็ยากจะตรวจสอบแล้ว ยังดีที่พวกเขาสามารถสั่งสอนเด็ก ๆ ให้รู้ความได้อย่างนั้น โดยเฉพาะเสี่ยวหวาน โชคดีที่ยังมีเสี่ยวหวาน ไม่เช่นนั้นบ้านนั้นคงแย่แล้ว” ท่านป้าจางไม่เก็บเอาคำพูดของท่านลุงจางมาคิดมาก นางคิดว่าสามีตนเพียงพูดออกมาลอย ๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น

ฉือโถวที่บังคับเกวียนเพียงคนเดียว แม้จะไม่ได้เอ่ยอะไร แต่เขากลับจดจำคำพูดของบิดาเอาไว้ในส่วนลึกของใจ

หิมะตกไม่กี่วัน รอจนกระทั่งวันที่ยี่สิบเจ็ด หิมะก็หยุดตกแล้ว

สองสามวันนี้เป็นเพราะว่าอากาศหนาวเป็นพิเศษ ด้านนอกมีหิมะหนาและยังมีหิมะตกตลอด กู้เสี่ยวหวานจึงอยู่แต่ในบ้านสอนเด็ก ๆ เขียนอักษร กู้เสี่ยวอี้ยังเด็กนัก นางจึงให้อีกฝ่ายเริ่มเขียนตัวง่าย ๆ อย่างหนึ่งสองสามสี่ คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะเรียนดีใช้ได้เหมือนกัน เพียงไม่กี่วันก็สามารถเขียนได้ทุกคำแล้ว

กู้หนิงอันกับกู้หนิงผิงสามารถเขียนชื่อของตัวเองและอีกฝ่ายได้แล้ว โดยเฉพาะกู้หนิงอัน ตัวอักษรของเขาเป็นระเบียบเรียบร้อย กู้เสี่ยวหวานคิดว่าถ้าได้เข้าไปในเมืองอีกครั้งจะต้องซื้อพู่กันกับกระดาษกลับมาให้ได้ ตอนนี้พวกเขาต้องเขียนอักษรบนพื้นด้วยกระเบื้องดินเผาไปก่อน

วันนี้อากาศปลอดโปร่ง ดวงอาทิตย์ขึ้นกลางท้องฟ้า แต่กลับไม่รู้สึกอบอุ่นเลยสักนิด ทั้งยังรู้สึกหนาวเสียดถึงกระดูก โบราณว่าหิมะตกไม่หนาว ที่หนาวนั้นคือลม ช่างกล่าวไว้ไม่ผิดเลย

กู้เสี่ยวหวานสวมใส่เสื้อกันหนาวหนา ๆ เตรียมตัวสอนหนังสือน้องชายและน้องสาว พลันได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นมาจากข้างนอก “เสี่ยวหวาน รีบมาดูอะไรดี ๆ เร็ว อาสามของเจ้าจะหย่ากับอาสะใภ้สามของเจ้าแล้ว!”

กู้เสี่ยวหวานได้ยินคนด้านนอกพูด เมื่อออกมาก็เห็นตัวคนวิ่งจากไปไกลด้วยท่าทางลิงโลดเสียแล้ว ราวกับเขากลัวว่าหากไปช้าเพียงนิดเดียว จะอดดูการแสดงสนุก ๆ เสียอย่างนั้น

เหล่าน้อง ๆ ก็ได้ยินเช่นเดียวกัน พวกค่อย ๆ ชะโงกหน้ามาดูด้วยตาเบิกกว้างมองกู้เสี่ยวหวานอย่างสงสัย

“ท่านพี่ หย่าคืออะไรเหรอเจ้าคะ” กู้เสี่ยวอี้ไม่เข้าใจว่าคำนี้มันหมายความว่าอะไร จึงถามอย่างสงสัย

“หย่าก็คือ…” กู้หนิงอันเพิ่งเปิดปากพูด ก็กลับมาคิดได้ว่านี้ไม่ใช่คำที่มีความหมายดี หลังจากนั้นก็เงยหน้ามองกู้เสี่ยวหวานด้วยใบหน้าสงสัยเช่นกัน “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหรือขอรับ!”

“ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน!” กู้เสี่ยวหวานตอบกลับ นางไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และก็ไม่อยากรู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น

ตอนนี้นอกจากน้องชายน้องสาวสามคนแล้ว เรื่องของคนอื่น นางไม่อยากจะนึกถึงและไม่คิดที่จะเอ่ยถาม

“ไม่ต้องคิดถึงแล้ว พวกเราฝึกคัดอักษรต่อดีกว่า!” กู้สี่ยวหวานหมายมั่นว่าเรื่องวุ่นวายพวกนั้นนางจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว หากพวกนางไป จากที่ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องก็อาจจะโดนหางเลขไปด้วย

กู้เสี่ยวหวานปิดประตูบ้านให้มิดชิด แล้วจดจ่ออยู่กับการสอนน้องเขียนอักษร เมื่อเห็นพี่สาวไม่พูดเรื่องคนนอกสักนิดเดียว พวกกู้หนิงผิงก็ตั้งใจเขียนอักษรต่อไปโดยไม่วอแวอยากรู้ว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้น มันไม่เกี่ยวกับพวกเขาสักนิด

ด้านนอกบ้านตระกูลกู้มีชาวบ้านมามุ่งด้วยความกระตือรือร้นท่าทีนั้นมากกว่าตอนที่เฉาซื่อกับซุนซื่อทะเลาะกันคราวก่อนเสียอีก เพราะอะไรน่ะหรือ?

เจ้ากู้ฉวนโซ่วนั้นต้องการหย่ากับเฉาซื่อ นี่เป็นเรื่องใหญ่ของหมู่บ้านเล็ก ๆ แบบนี้ เพราะคู่สามีภรรยาไม่ว่าจะบ้านไหนนอกจากตายจากกันแล้วก็ไม่มีเรื่องอย่างการหย่าเกิดขึ้นมาก่อน

แต่เจ้ากู้ฉวนโซ่วกลับพูดเรื่องสะเทือนฟ้าดินแบบนี้ออกมาได้ จะไม่ให้คนตื่นเต้นก็ประหลาดแล้ว ทำให้พวกชาวบ้านพากันยืดคอยาวรอดูเรื่องสนุก

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ท่านลุงจางกำลังจะบอกว่าท่านพ่อท่านแม่กู้ไม่ได้ตายโดยอุบัติเหตุ แต่มีคนจงใจฆ่าใช่ไหมคะ

ผู้ชายคนไหนเจอแบบนี้ก็หย่าแหละค่ะ เมียเล่นเตะกล่องดวงใจพังขนาดนั้น ด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชายสมัยนั้นแล้วคือการหยามเกียรติกันแบบสุด ๆ

ไหหม่า(海馬)