บทที่ 99 ดูการแสดง

บทที่ 99 ดูการแสดง

ภายในบ้านตระกูลกู้ ผมเผ้าของเฉาซื่อหลุดลุ่ยยุ่งเหยิง ใบหน้าบวมช้ำ ดูเหมือนกับภรรยาเสียสติที่นั่งร้องไห้อยู่บนพื้น “ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว ครั้งนี้ท่านยกโทษให้ข้าเถอะนะ”

กู้ฉวนโซ่วที่นั่งอยู่ด้านบนมีสีหน้าโกรธแค้น สายตาดุร้ายราวกับสัตว์ป่าจ้องเขม็งมายังนางที่เหมือนคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง ราวกับแทบจะเขมือบศีรษะเฉาซื่อเสียบัดนี้ให้จงได้

กู้ฉวนโซ่วมองสภาพดูไม่ได้ของเฉาซื่อ จมูกเขียวคล้ำกับใบหน้าที่บวมช้ำนั้นให้ความรู้สึกน่าสังเวชยิ่งนัก ก่อนหน้านี้สตรีผู้นี้ยังเหมือนกับนางฟ้านางหนึ่งอยู่เลย ดูตอนนี้สิ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ดูน่ารังเกียจ

กู้ฉวนลู่กับซุนซื่อมองเฉาซื่อที่นั่งหมดสภาพอยู่บนพื้นโดยไม่ปริปากส่งเสียง เพียงนั่งมองอย่างเงียบ ๆ กู้ฉวนลู่มองสองสามีภรรยาบ้านสามตระกูลกู้อย่างเย็นชา โดยที่พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาเช่นกัน

ซุนซื่อนวดขมับตัวเองเบา ๆ นางตื่นนอนเช้าเกินไป ทำให้วิงเวียนศีรษะไปหมด

เช้าขนาดนี้ปกติพวกซุนซื่อยังไม่ลุกขึ้นจากที่นอนด้วยซ้ำ แต่เพราะได้ยินเสียงตึงตังมาจากเรือนหลัก มีทั้งเสียงล้มของโต๊ะและเก้าอี้ ทั้งเสียงถ้วยจานแตก ทั้งยังมีเสียงด่าทอของกู้ฉวนโซ่วกับเสียงอ้อนวอนของเฉาซื่อ

เดิมทีซุนซื่อไม่คิดจะลุกขึ้นมาด้วยซ้ำ นางยังคิดว่าจะฟังเสียงตะโกนโหวกเหวกอยู่ในห้องอบอุ่นนี้ก็พอ เพียงแต่ว่าเสียงด่าทอและเสียงอ้อนวอนดังต่อไปอยู่พักหนึ่ง กู้ฉวนโซ่วก็วิ่งมาเคาะประตู “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พวกท่านออกมาหน่อย ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับพวกท่าน!”

กู้ฉวนลู่กับซุนซื่อทำได้เพียงเดินลงมาอย่างช่วยไม่ได้ ล้างหน้าล้างตาอย่างเร่งรีบ แล้วเดินมาที่บ้านใหญ่ เพียงย่างก้าวเข้ามาใกล้ก็เห็นเศษถ้วยชามมากมายแตกกระจายอยู่ทั่วพื้น เกรงว่าวันนี้คงไม่มีถ้วยให้กินข้าวแล้วกระมัง ในใจซุนซื่อคิดเงียบ ๆ ลึก ๆ แล้วนางก็รู้สึกสะใจยิ่งนัก เฉาซื่อที่ปกติชอบทำตัวเป็นคุณหนูนักหนา ไม่คิดเลยว่านางเองก็มีวันนี้เช่นกัน

ยังไม่ทันจะเหยียบย่างเข้าไปด้านใน ด้านนอกก็มีเศษข้าวของแตกกระจายเต็มพื้น

จนกระทั่งเข้ามาด้านใน ก็เห็นโต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาด ดูเหมือนว่านี้น่าจะเป็นเสียงที่ดังมาถึงในห้องของพวกเขา เมื่อครู่นี้เกรงว่าคงจะเกิดเหตุการณ์ทะเลาะครั้งใหญ่เป็นแน่

ซุนซื่อมองห้องที่เละเทะไม่เป็นระเบียบอย่างมีความสุขอยู่ในใจเงียบ ๆ และยิ่งสะใจขึ้นไปอีกเมื่อนางมองเห็นใบหน้าช้ำเขียวช้ำม่วงของเฉาซื่อ

ใบหน้าของเฉาซื่อบวมเป่ง ดวงตาบวมช้ำอย่างรุนแรง ดูเหมือนนางจะได้รับหมัดของกู้ฉวนโซ่วไปไม่น้อย ซุนซื่อได้แต่มองอย่างขบขัน ไม่กี่วันก่อนนางยังเชิดหน้าทำตัวหยิ่งยโสอยู่เลย สภาพตอนนี้ของนางแทบจะไม่เหมือนกับเฉาซื่อคนนั้นแล้ว ถือว่าเป็นผลกรรมจากการตบตีคนเมื่อไม่กี่วันก่อนของนาง บนใบหน้าของเฉาซื่อยังมีเครื่องประทินโฉมติดอยู่บนใบหน้า แต่กลับถูกกู้ฉวนโซ่วตบตีจนกลายเป็นสภาพนี้ ช่างสาแก่ใจนางยิ่งนัก

ไม่รู้ว่ากู้ฉวนโซ่วไปกินอะไรผิดสำแดงมาจากไหน เมื่อก่อนยังทำราวกับเฉาซื่อเป็นของล้ำค่า เพียงปลายผมยังไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้อง วันนี้กลับตบตีนางจนกลายเป็นสภาพนี้ได้ ลงมือได้โหดเหี้ยมนัก! ในใจของนางได้แต่อุทาน

ดูเหมือนชายคนนี้จะทำร้ายหญิงคนนี้ให้ถึงที่สุดเป็นแน่ เห็นแบบนี้ดูท่าสิ่งที่นางคิดจะเป็นความจริงแล้วสินะ ขอเพียงบุรุษมีเงิน มีอำนาจ มีตำแหน่ง เขาก็ไม่รักนางอีกแล้ว นางขอแค่มีข้าวกินอิ่มท้องก็พอ ซุนซื่อคิดถึงกู้ซินเถาของตัวเองก็อดรู้สึกภูมิใจไม่ได้ ในหมู่บ้านอู๋ซีแห่งนี้ไม่มีหญิงสาวคนใดที่งดงามเท่ากับลูกสาวของตนเองอีกแล้ว ผิวขาวราวกับไข่ปอก มือนิ้วก็สวยราวกับต้นหอม

แม้ที่ในเมืองพวกเขาจะไม่มีอะไรเลย แต่ถ้าภายภาคหน้าซื้อบ้านได้แล้ว กู้ซินเถาก็จะเป็นหญิงสาวในเมือง ด้วยรูปลักษณ์ของกู้ซินเถาแล้ว หาสามีสักคนย่อมเป็นเรื่องง่าย ต่อไปนางก็จะกลายเป็นฮูหยินผู้เฒ่า หาครอบครัวที่ร่ำรวยมาให้กู้ซินเถาแต่งงาน

ขณะที่ซุนซื่อกำลังเพ้อฝันอยู่นั้น กู้ฉวนลู่ก็พูดเสียงเข้มขรึม “พวกเจ้าสองคนเกิดอะไรขึ้น เช้าตรู่ขนาดนี้ทะเลาะกับด้วยเรื่องอะไร!”

ด้านนอกเริ่มมีคลื่นฝูงชนมามุงดูที่หน้าบ้านตระกูลกู้อีกครั้ง

ไม่กี่วันก่อนเพิ่งมีเรื่องทะเลาะใหญ่โตจนกลายตัวตลกของชาวบ้าน เพียงไม่กี่วันสองสามีภรรยาคู่นี้ก็จะทะเลาะกันอีกแล้วอย่างนั้นหรือ

“ยังทำให้ตระกูลกู้ขายหน้าไม่พอหรือ” กู้ฉวนลู่รักหน้าตาตัวเองมาก เห็นคนนอกชี้นิ้วมาที่พวกเขา สีหน้าก็ยิ่งดูย่ำแย่อย่างมาก

“ใช่ เจ้าสาม เจ้านี่ก็จริง ๆ เลย นี่คือภรรยาของเจ้านะ ปกติเจ้าทำเหมือนนางเป็นของล้ำค่าไม่ใช่หรือ หืม? เฉาซื่อนางทำผิดอะไร ถึงได้ตบนางจนเป็นแบบนี้ จุ๊ ๆ ใบหน้าที่เหมือนดอกไม้แรกแย้มเมื่อไม่กี่วันก่อน กลายมาเป็นแบบนี้ซะแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ!” ซุนซื่อพูดด้วยเสียงเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ แกล้งยั่วโมโหด้วยการพูดแทงใจดำเฉาซื่อ

ผลลัพธ์ก็คือเฉาซื่อโกรธจนตะโกนขึ้นมาทันที “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า นังแพศยา!”

“หุบปาก!” กู้ฉวนโซ่วเห็นเฉาซื่อยังหยิ่งผยองได้แบบนั้น ก็ยิ่งโกรธจนระบายอารมณ์กับถ้วยที่วางอยู่บนโต๊ะจนมันกระแทกตัวของเฉาซื่อ และตกกระแทกพื้นแตกเสียงดัง

ปกติเฉาซื่อเป็นคนชอบวางอำนาจคนหนึ่ง เพราะกู้ฉวนโซ่วชอบนาง ห่วงใยนาง เฉาซื่อที่อยู่ตระกูลกู้จึงอยากพูดอะไรก็พูดได้ ตอนที่ท่านปู่กู้ยังอยู่ เขายังไม่กล้าขึ้นเสียงใส่เฉาซื่อสักครึ่งคำ ดังนั้น เมื่อเฉาซื่ออยู่ในบ้านตระกูลกู้นางก็ยิ่งวางอำนาจราวกับเป็นฮองเฮา

โดยไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดเลยสักนิด แต่ตอนนี้แม้นางจะโดนด่าโดนตี ก็ไม่กล้าตอบโต้สักคำหนึ่ง ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับสองสามีภรรยาคู่นี้กันแน่

“พี่ใหญ่ รอผู้ใหญ่บ้านมาค่อยพูดดีกว่า!” กู้ฉวนโซ่วพูดจบก็มองเฉาซื่อด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม สายตาอำมหิตนั้นราวกับจะสามารถเลาะกระดูกเฉาซื่อออกมาได้ทุกเมื่ออย่างไรอย่างนั้น

ไม่นานผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านอู๋ซีก็มาถึง เขาเป็นปู่ของเหลียงต้าเปา เหล่า[1]เหลียงโถ่ว

เหล่าเหลียงโถ่วมองกลุ่มคนที่มุ่งอยู่ตรงหน้า มองหน้าบวมช้ำของเฉาซื่อและมองคนตระกูลกู้ที่กำลังแสดงละครชุดใหญ่ โดยมีลูกสองคนของกู้ฉวนโซ่วร้องไห้อยู่ด้านนอก

เหล่าเหลียงโถ่วสงสัยเล็กน้อยว่าเจ้าสามเกิดบ้าอะไรขึ้น เฉาซื่อเป็นดั่งของล้ำค่าของกู้ฉวนโซ่ว ในหมู่บ้านอู๋ซีมีใครไม่รู้บ้าง เหตุใดวันนี้เขาถึงทำร้ายนางจนมีสภาพเป็นแบบนั้น นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

ระหว่างทางที่มานั้นเหล่าเหลียงโถ่วคิดมาตลอดทาง แต่ก็ยังไม่อยากเชื่อ เขาได้ยินข่าวว่าเจ้าสามต้องการจะหย่ากับภรรยาตัวเองแล้ว…หย่า?…เหล่าเหลียงโถ่วไม่กล้าคิดเลยว่าเจ้าสามเอาความกล้ามาจากไหนมาหย่า

เขารู้ว่าหย่ามันหมายความว่าอะไรใช่ไหม?

เหล่าเหลียงโถ่วมองครอบครัวไม่สมประกอบนี้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “เจ้าสามกู้ เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่”

………………………………………………………………………………………………………………………..

[1] เหล่า ไว้เรียกนำหน้านามสกุลของผู้อาวุโส

สารจากผู้แปล

ไปแตะขีดจำกัดความอดทนของสามีเข้าก็แตกหักแบบนี้แหละค่ะ อารมณ์เหมือนภรรยาไปพังฟิกเกอร์พังของสะสมสุดที่รักของสามีอะ ผู้ชายคนไหนจะทนได้

ไหหม่า(海馬)