ตอนที่ 60

My Disciples Are All Villains

นักดาบชุดน้ำเงินหยุดยิ้มทันทีที่มีใครบางคนกำลังปรากฏตัวอยู่ที่หน้าห้อง

“มีอะไรอย่างงั้นหรอ? ” ชายผู้ใช้ดาบพูดออกมาอย่างแผ่วเบาโดยไม่ได้มองไปที่หน้าประตู

“ท่านเจ้าสำนักสั่งให้ข้ามาแจ้งข่าวกับท่านผู้อาวุโสสำนักดาบปีศาจ เฉิงเหวินเจี๋ยได้เดินทางมาถึงเมืองรูหนานเมื่อสองวันที่แล้ว เขาบอกว่าให้ท่านระวังตัวจากเหล่ายอดฝีมือของสำนักบริสุทธิ์และสำนักฝ่ายธรรมะให้ดี”

ชายผู้ใช้ดาบคนนั้นจ้องกลับไปที่ประตูก่อนที่จะพูดออกมาอย่างสุภาพ “ขอบคุณมาก”

“แล้วก็มีอีกเรื่องหนึ่ง ปรมาจารย์จีจากศาลาปีศาจลอยฟ้าดูเหมือนว่าจะมาถึงเมืองรูหนานแล้วเช่นกัน ท่านเจ้าสำนักอยากที่จะรู้ว่าคุณกำลังวางแผนอะไรกันแน่” เจ้าของเสียงได้พูดออกมาด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย

“มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา” ชายผู้ใช้ดาบใช้น้ำเสียงโทนต่ำในระหว่างที่ตอบ

ในตอนนั้นเองชายผู้มาแจ้งข่าวก็ได้ถอยกลับไปโดยสัญชาตญาณ

ชายผู้ใช้ดาบได้ยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนที่จะหยิบกาใส่น้ำที่วางอยู่บนโต๊ะรินน้ำลงบนแก้ว “เจ้าไม่ต้องกลัวไปหรอกนะสหายข้า สายลมที่นี่ออกจะแรง ถ้าหากไม่มีอะไรจะต้องทำต่อเข้ามากินน้ำด้วยกันก่อนสิ”

“เอ่อ…เอ่อ ข้าจะต้องกลับไปรายงานให้กับท่านเจ้าสำนักทราบก่อน! ลาก่อน! ” ชายคนนั้นได้หายไปในพริบตา หายไปในถนนยามราตรี

ชายผู้ใช้ดาบได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากที่จะอยู่ห้องนานจนเกินไป หลังจากที่พักผ่อนไปในระยะสั้นชายคนนั้นก็ได้พลิกตัวลุกขึ้นก่อนที่จะหายตัวไปในเงามืด

ในเช้าวันต่อมา…

ทันทีที่ลู่โจวลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ได้ยินเสียงดังรบกวนที่มาจากด้านนอกห้อง ตัวเขาได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังเคาะประตูอยู่ และเพราะเสียงนั้นเองจึงทำให้เขาตื่นขึ้น

“นายท่าน…นายท่าน…” ชายผู้ดูแลโรงแรมเป็นคนร้องเรียก

ลู่โจวลุกขึ้นจากเตียงก่อนที่จะเปิดประตูอย่างสงสัย ในตอนนั้นเองเขาก็พบกับชายผู้ดูแลโรงเตี๊ยมรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย

ใบหน้าของชายผู้ดูแลโรงแรมเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร เจ้าหน้าที่ที่มาด้วยก็ชิงพูดตัดหน้าซะก่อน “นายท่านเห็นไหมว่าใครกันที่เป็นคนฆ่าซูผิง นายท่าน”

ลู่โจวมองหน้าเจ้าหน้าที่อย่างงงงวย ซูผิงตายแล้วอย่างงั้นหรอ? เขาหันมองไปที่ห้องพักแห่งหนึ่ง ห้องพักที่ซูผิงเข้าพัก มีเจ้าหน้าที่สองคนกำลังเช็ดคราบเลือดอยู่ที่โถงทางเดิน ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนกำลังค้นห้องของซูผิง แต่ดูเหมือนว่าในห้องจะว่างเปล่า ไม่พบอะไรที่ดูผิดสังเกต

ซูผิงเป็นผู้ฝึกยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าเขาเป็นคนเก่งแต่ทำไมเขากลับถูกฆ่าอย่างเงียบๆ โดยไร้ร่องรอยของการต่อสู้ได้ สิ่งนี้เป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีว่ายอดฝีมือระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นคนลงมือสังหาร

ลู่โจวได้แต่ส่ายหัวของเขา เขาไม่เห็นอะไรเลยว่าเกิดอะไรขึ้น

เจ้าหน้าที่คนนั้นยังคงพูดต่อไป “ซูผิงเป็นยอดฝีมือผู้ใช้ดาบ ใครก็ตามที่สังหารเขาได้จะต้องเป็นยอดฝีมือด้วยแน่ นี่ก็คงเป็นเรื่องปกติที่ท่านจะไม่เห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้”

“ซูผิงมีศัตรูคู่แค้นไหม? ” ลู่โจวถามออกไป

เจ้าหน้าที่ที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ขมวดคิ้ว เขาพยายามทบทวนในสิ่งที่ลู่โจวพูดออกมาก่อนที่จะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ “อย่าถามเหมือนท่านไม่ได้ทำอะไรเลยอย่างงั้นสิ”

แม้ว่าการตายของซูผิงจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับลู่โจว แต่ในความเป็นจริงแล้วการที่มีฆาตกรเป็นยอดฝีมือแบบนี้ก็ทำให้ตัวเขาไม่อาจที่จะรู้สึกดีได้ ถ้าหากเมืองรูหนานเป็นเหมือนกับกับดักขนาดใหญ่มันก็สายเกินไปสำหรับเขาแล้วที่จะหนีในตอนนี้

“ในเมื่อข้าได้ถามคำถามไปแล้วเจ้าก็ตอบคำถามมาซะสิ” ลู่โจวได้แสดงตราจักรวรรดิให้เจ้าหน้าที่ได้ดู

เจ้าหน้าที่จ้องมองไปที่ลู่โจวก่อนที่จะคุกเข่าลงในทันที ‘หรือว่าเขาคนนี้จะเป็นคนจากราชวงศ์กัน! ‘ เจ้าหน้าที่คนนั้นรีบพูดอย่างสุภาพในทันที “นะ…นายท่าน…”

ชายผู้ดูแลโรงแรมรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกมาโดยตลอด

เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นเหรียญตราในตอนนั้นเองเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ก็ได้คุกเข่าลงโดยที่ไม่พูดอะไรเช่นกัน

ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้ออกมาจากห้องทีหลัง เธอในตอนนี้กำลังหาวพร้อมกับขยี้ตา เมื่อเธอเห็นทุกคนคุกเข่าต่อหน้าลู่โจว หยวนเอ๋อก็อดที่จะพูดไม่ได้ “ท่านปู่ ท่านอยากจะให้ข้าจัดการกับเจ้าพวกนี้เลยใช่ไหม? “

ทันทีที่ชายผู้ดูแลโรงแรมสังเกตเห็นหยวนเอ๋อพูดแบบนั้น ในตอนนั้นเขาก็ทรุดตัวลงไปกับพื้น

ลู่โจวโบกมือของเขาเพื่อให้สัญญาณแก่หยวนเอ๋อ เขาไม่อยากที่จะให้เธอเข้ามายุ่งในตอนนี้ “แล้วศัตรูของซูผิงคือใครกัน? “

“ชายคนนั้นเป็นยอดฝีมือผู้ใช้ดาบ และเขายังได้รับสืบทอดดาบคู่เล่มนั้นจากการสังหารพี่ชายด้วยมือของตัวเอง และเนื่องจากฝีมือของเขาในตอนนี้จึงไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนที่สามารถแตะต้องชายคนนี้ได้”

“แล้วทำไมเขาถึงมาเมืองรูหนานกันล่ะ? “

“ข้า…ข้าน้อยก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ชายคนนี้เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ระดับต่ำเท่านั้น พวกเจ้าหน้าที่ระดับต่ำเหล่านี้สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องคดีของผู้ฝึกยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นี่ก็คือเป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีใครรู้ข้อมูลในเรื่องราวครั้งนี้

หยวนเอ๋อตัวน้อยรีบวิ่งไปดูสถานที่เกิดเหตุก่อนที่จะจ้องมองไปที่รอบๆ หลังจากนั้นเธอก็วิ่งกลับมา ลู่โจวสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ดูเหมือนว่าเธอจะพบความจริงอะไรเข้า หยวนเอ๋อได้วิ่งกลับมาก่อนที่จะพูดอย่างตื่นเต้น “เขาถูกฆ่าโดยการฟันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น” หลังจากนั้นหยวนเอ๋อก็พยายามหาตำแหน่งของคนร้าย “โอ้ คนร้ายใช้ดาบฟันซูผิงจากทางด้านหน้าโดยตรง”

ลู่โจวพยักหน้าเห็นด้วย ดูเหมือนว่ายอดฝีมือที่ลงมือสังหารชายคนนี้จะเป็นยอดฝีมือที่ครอบครองอาวุธระดับสรวงสวรรค์ ในความทรงจำของเขานั้นมีผู้คนมากมายที่ตรงตามคุณสมบัติทั้งหมดที่ว่ามา

คนที่ฆ่าซู่ผิงอาจจะเป็นคนจากสำนักดาบปีศาจเฉิงเหวินเจี๋ย, นักดาบอัจฉริยะเจียงอาเฉียน, ลู่ฉางชิงจากสำนักดาบสวรรค์ หรือแม้แต่กระทั่งศิษย์ของเขาอย่างยู่ฉางตงเองก็มีฝีมือเช่นกัน

ในขณะที่ลู่โจวกำลังครุ่นคิดอยู่ ในตอนนั้นเองเสียงดังโวยวายก็ได้ดังมาจากทางด้านนอก เหล่าเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่กำลังคุกเข่าเองก็จ้องมองไปที่ด้านนอกเช่นกัน

“หยวนเอ๋อไปดูสิ”

“ค่ะ”

หยวนเอ๋อได้กระโดดลงจากชั้นบนโรงเตี๊ยมก่อนที่จะวิ่งออกไปจากโรงเตี๊ยมและกลับมาโดยใช้เวลาสั้นๆ เท่านั้น

“มีรถม้าอยู่ที่ด้านนอกค่ะ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นรถม้าของวิหารแห่งความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่” หยวนเอ๋อตัวน้อยรีบรายงานในทันที

“วิหารแห่งความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่”

ลู่โจวได้เดินลงบันไดไปด้วยความสับสน หยวนเอ๋อเองก็ตามมาติดๆ ในตอนนั้นพวกเขาทั้งสองคนได้ทิ้งกลุ่มเจ้าหน้าที่คุกเข่าต่อไป เจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้แต่สงสัยว่าจะลุกขึ้นยืนได้ยัง

เมื่อออกมาที่ด้านนอก ลู่โจวก็ได้เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในทันที ตอนนั้นมีรถม้าขนาดใหญ่ลอยผ่านเมืองไป ใกล้ๆ กับรถม้าเองเต็มไปด้วยเหล่านักบวชทั้งหลาย ถ้าหากตัดสินจากรูปร่างสัญลักษณ์แล้วดูเหมือนว่ารถม้าคันนี้จะเป็นรถม้าของวิหารแห่งความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่

“พวกเราไปกันเถอะ! ” ลู่โจวพูดก่อนที่จะหันกลับมามองหยวนเอ๋อ

“ค่ะ! “

ในไม่ช้าพวกเขาทั้งสองคนก็ตรงมาที่ทางเหนือของเมืองรูหนาน ทันทีที่พวกเขาทั้งสองคนออกมาจากเมือง หยวนเอ๋อก็ได้กระซิบหาลู่โจวในทันที “ท่านอาจารย์มีคนตามพวกเรามา”

ลู่โจวไม่พูดอะไรกลับมา เขาแค่พยักหน้าเพียงเท่านั้น นี่คือเหตุผลที่ตัวเขาได้พาหยวนเอ๋อตัวน้อยมาด้วย ตอนนี้หยวนเอ๋อสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาหยกแห่งความบริสุทธิ์ไปถึงขั้นสุดยอดได้แล้ว และเพราะแบบนั้นเองจึงทำให้การรับรู้ของหยวนเอ๋อเฉียบคมขึ้นมาก นอกจากนี้เธอยังมีไหวพริบที่ดีและยังสามารถรับมือกับศัตรูที่แข็งแกร่งได้ และเพราะแบบนั้นเองจึงทำให้ลู่โจวประหยัดพลังไปได้มาก

ลู่โจววางแผนเอาไว้ว่าจะขี่สัตว์ขี่ของตัวเขาเองไปที่พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ แต่ในตอนนี้เขาจะต้องจัดการกับคนสะกดรอยตามให้ได้ซะก่อน

“ได้โปรดช้าก่อนนายท่าน! ” ในที่สุดคนที่สะกดรอยตามก็หมดความอดทน

ลู่โจวและหยวนเอ๋อหันกลับมาอย่างช้าๆ พวกเขาทั้งสองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังตามมา ชายคนนี้มีอายุราวๆ เพียง 30 ปีเท่านั้น

“เจ้าต้องการอะไรกัน? “

“ข้าอยากที่จะซื้ออะไรจากนายท่านสักหน่อย”

หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ตอบกลับไปอย่างเกรี้ยวโกรธ “พวกเราไม่ได้ขายอะไรทั้งนั้น! ไสหัวไปซะ! “

ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้สนใจอะไรหยวนเอ๋อ เขาจ้องมองไปที่ลู่โจวก่อนที่จะพูดขึ้น

“ข้าอยากที่จะขอซื้ออาวุธของท่านสักหน่อย ข้าเห็นแล้วว่ามันสามารถทำลายดาบคู่ที่เป็นสุดยอดอาวุธได้ ข้ายินดีที่จะซื้อมันต่อในราคาที่สูงเอง” ชายคนนั้นพูดขึ้น

ลู่โจวถามออกมาอย่างใจเย็น “เจ้าอยู่ด้วยในเหตุการณ์ของเมื่อวานอย่างงั้นสินะ? “

ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้าตอบรับ “ถูกต้อง ข้าเห็นมันกับตาของตัวเอง แม้แต่ยอดฝีมือยังต้องหลีกทางให้กับชายคนนั้น”

ลู่โจวพยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับไป “เจ้าน่ะชอบดาบอย่างงั้นหรอ? “

“ข้าคิดมาเสมอว่าดาบก็เป็นเหมือนกับชีวิตของข้า ข้ารักมันมากกว่าชีวิตของตัวข้าเองซะอีก” หลังจากนั้นชายแปลกหน้าก็ได้พูดต่อไปอย่างช้าๆ “ตัวข้าน่ะอยากที่จะสังหารซูผิงมาโดยตลอดเพื่อที่จะรับดาบคู่ทั้งสองเล่มของเขาไป แต่น่าเสียดายที่ชายคนนั้นถูกทำลายอาวุธคู่ใจโดยยอดฝีมือไปซะก่อน…ช่างน่าเสียดาย…ช่างน่าเสียดายจริงๆ ” คำพูดของชายคนนั้นได้แสดงให้ลู่โจวเห็นแล้วว่าตัวเขารู้สึกเสียดายจริงๆ

“ยอดฝีมือคนนั้นเป็นใครกัน? “

“ข้าเองก็มองไม่เห็นคนคนนั้นหรอก แต่การที่จะเดาตัวตนของฆาตกรได้ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ในโลกใบนี้มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่จะสามารถใช้ดาบได้อย่างเชี่ยวชาญแบบนี้” ครู่หนึ่งชายคนนั้นก็ได้เดินต่อไปราวกับได้ลืมเป้าหมายของการมาครั้งนี้แล้ว “หนึ่งในนั้นจะต้องเป็นปรมาจารย์มหาวายร้ายจากศาลาปีศาจลอยฟ้า จีเทียนเด๋า เขาคนนี้แหละที่ทำให้ข้ารู้สึกกลัวได้มากที่สุดแล้ว…”

หยวนเอ๋อพยายามที่จะหุบยิ้มก่อนที่จะพูดออกมา “ถ้าเป็นอย่างงั้นจริงตอนนี้เจ้าก็ควรจะวิ่งแล้วละนะ! “