บทที่ 136 อีกโลกหนึ่ง

บทที่ 136 อีกโลกหนึ่ง

“นายน้อยหวัง ภาพวาดกับภาพคัดลายมือนี้ ผมไม่อาจรับไว้ได้จริง ๆ” อู๋ฝานกล่าวบอกหวังจื่อหมิง

“มีอะไรรึเปล่า?” หวังจื่อหมิงถามกลับ “ผมก็คิดว่าคุณชอบภาพวาดกับภาพคัดลายมือนี้เสียอีก ตอนนี้ไม่อยากได้แล้ว? หรือเกิดคิดขึ้นมาได้ว่าเป็นผลงานไม่มีค่า ก็เลยไม่ต้องการ? งั้นก็ไม่เป็นไร อีกสามวันผมจะจัดแจงหาผลงานชิ้นเอกมาให้เอง”

หวังจื่อหมิงนึกคิดว่าอู๋ฝานตื่นรู้แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องการภาพวาดและภาพคัดลายมือนี้อีก นับว่าเป็นเรื่องเข้าใจได้

“ไม่ใช่แบบนั้น” ผิดคาดที่อู๋ฝานส่ายศีรษะปฏิเสธ “เป็นเพราะภาพวาดกับภาพคัดลายมือนี้ล้ำค่าจนเกินไปต่างหาก”

“ล้ำค่าจนเกินไป?” หวังจื่อหมิงถามกลับด้วยอาการประหลาดใจ ถัดจากนั้นจึงเผยยิ้มรับ “ก็แค่ไม่กี่แสน ยังจะล้ำค่าอะไรได้? อู๋ฝาน แม้ว่าคุณตอนนี้ไม่ได้มีเงินทองมากมาย แต่ผมเชื่อว่าความสำเร็จภายหน้าของคุณย่อมไม่อาจประเมินได้ และไม่ใช่ต่ำเตี้ยด้วย”

หวังจื่อหมิงคิดเพียงว่าอู๋ฝานมองสิ่งของมูลค่าหลักแสนหยวนว่าแพงเกินตัว ดังนั้นจึงปฏิเสธจะรับเอาไว้

“หากว่ามันมีค่าแค่ไม่กี่แสนจริง ผมก็คงรับเอาไว้แล้ว” อู๋ฝานตอบกลับ “เพียงแต่มูลค่าแท้จริงของมันไม่ใช่ไม่กี่แสน แต่เป็นหลายสิบล้าน”

สิ้นคำกล่าวนี้ อู๋ฝานเกิดรู้สึกโล่งใจ แม้ตัวเขาต้องเสียเงินนับสิบล้านเพราะการกระทำครั้งนี้ แต่อย่างไรก็พูดออกไปแล้ว ต่อให้เกิดอะไรขึ้นก็ถือว่าตัวเขาไม่ใช่ภาระทางจิตใจอีก สำหรับตัวเขามันมีค่ามากกว่าเงินหลายสิบล้าน

“ที่ในโลกแห่งเกม เรายังมีทรัพยากรอีกมากมาย ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใด ลำพังแค่ขายไม้ที่ด้านหลังภูเขาของหมู่บ้านเร้นลับ ไม่กี่สิบล้านย่อมสามารถหากลับคืนมาได้ หากสิบล้านนี้จะไม่ใช่ของเรา ก็ให้มันไม่ใช่ของเราไป” อู๋ฝานปลอบใจตนเอง

“หลายสิบล้าน?” หวังจื่อหมิงเผยรอยยิ้มอันประหลาดใจพลางตอบรับ “อู๋ฝาน คุณล้อเล่นอะไรกัน?”

หวังจื่อหมิงรู้สึกเสียด้วยซ้ำ ว่าภาพวาดและภาพคัดลายมือนี้ไม่สมราคาหนึ่งแสนหกหมื่น กับราคาหลายสิบล้านยิ่งไม่ควรค่าให้กล่าวถึง

“ผมไม่ได้ล้อเล่น” ภายหลังตัดสินใจ อู๋ฝานที่โล่งใจแล้ว จึงปล่อยมันไปและเอ่ยคำ “ในช่วงเวลาว่าง ผมได้เรียนรู้การชื่นชมของโบราณ อ่านตำราประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้เป็นทางการ ภาพวาดและภาพคัดลายมือนี้ไม่ใช่ธรรมดาดังเช่นที่เห็นภายนอก แต่เป็นคนละโลก”

“คนละโลก?” หวังจื่อหมิงถูกอู๋ฝานกระตุ้นความสนใจขึ้นมา

“ใช่ครับ” อู๋ฝานตอบรับ “ผมเคยได้เห็นประวัติศาสตร์นอกตำราหลักมาส่วนหนึ่ง กล่าวถึงลายพู่กันคัดลายมืออันมีชื่อเสียงของหลี่ซูจือในราชวงศ์สุ่ยที่มีชื่อว่า ‘ส่งแขกกลับ’ ถูกสืบทอดต่อมา และในช่วงราชวงศ์ชิง นักกวีน้อยคนหนึ่งได้รับมันมา ภายหลังเพื่อปกป้องไม่ให้ผลงานตกเป็นของผู้อื่น เขาจึงใช้เทคนิคบางอย่างปิดซ่อน ‘ส่งแขกกลับ’ ของหลี่ซูจือเอาไว้ด้วยภาพวาดของตนเอง เพื่อทำให้ผู้คนสับสน”

“คุณกำลังจะพูดว่า กวีนามจินเฟยนั้นปิดซ่อนผลงาน ‘ส่งแขกกลับ’ ของหลี่ซูจือเอาไว้ด้วยฝีไม้ลายมือของตัวเอง?” หวังจื่อหมิงถึงกับต้องจอดรถข้างทาง สายตามองอู๋ฝานด้วยอาการประหลาดใจ

“เป็นไปได้มาก” อู๋ฝานไม่พูดทั้งหมดออกไป หากไม่แล้วคงเป็นการกระตุ้นความสงสัย “ครั้งที่ได้พบเห็นภาพวาดและลายพู่กันนี้เข้า ผมก็พบว่ามันดูแปลก น่าเสียดายที่ความสนใจด้านนี้ของผมเป็นการหาความรู้ด้วยตนเอง หลักฐานบางส่วนก็ไม่แน่ชัด ทำให้ไม่ทราบว่าควรจะเปิดเผยเรื่องนี้อย่างไรดี”

มันเป็นข้ออ้างกลบเกลื่อนของอู๋ฝาน เขากล่าวว่าตนเองศึกษาด้วยตนเอง ดังนั้นจึงไม่ได้ถลำลึกถือเป็นเรื่องเข้าใจได้ ขณะเดียวกันก็เป็นการอธิบายว่าเพราะอะไรจึงมองเห็นผลงานนี้เป็นคนละโลกกับสิ่งที่มันเป็น

หวังจื่อหมิงมองภาพวาดและลายพู่กันคัดลายมือในมือของอู๋ฝาน ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างจริงจัง สุดท้ายต่อสายโทรศัพท์ออกไป และเริ่มขับรถต่ออีกครั้ง

อู๋ฝานเกิดสับสนและสงสัย ไม่ทราบว่าหวังจื่อหมิงคิดทำอะไร เพียงแต่เขาตัดสินใจส่งของกลับคืนให้หวังจื่อหมิงแล้ว ดังนั้นจึงไม่เกิดความเครียดหรือกดดันแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ยี่สิบนาทีผ่านพ้น รถจึงหยุดลงตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง หวังจื่อหมิงนำอู๋ฝานเข้าสู่ด้านในตัวบ้าน

“เป็นบ้านของผมเอง หากว่าภายหน้ามีเวลาว่างก็แวะเวียนมาเที่ยวเล่นได้” หวังจื่อหมิงกล่าวบอกอู๋ฝาน

ภายหลังทั้งสองเข้าไปด้านในบ้าน นอกจากคนรับใช้ภายในบ้านแล้ว ยังมีชายชราคนหนึ่งรอคอยอยู่

หวังจื่อหมิงรับภาพวาดและภาพคัดลายมือจากอู๋ฝาน ส่งต่อให้ชายชราก่อนจะเอ่ยคำ “ขอรบกวนอาจารย์หลี่ด้วย”

ชายชราพยักหน้าตอบรับ ถัดจากนั้นจึงนั่งลงกับโซฟา นำแว่นขยายออกมาและเริ่มตรวจสอบภาพวาดและภาพคัดลายมือ

ของมูลค่าหลายสิบล้านพลัดพรากจากมือ อู๋ฝานรู้สึกไม่ค่อยยินดีอยู่บ้าง เพียงแต่เขาตัดสินใจไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่คิดเสียดายอีก

“ดื่มอะไรหน่อยไหม?” หวังจื่อหมิงเอ่ยถามอู๋ฝาน

“อะไรก็ได้ครับ” อู๋ฝานตอบรับ

หวังจื่อหมิงเอ่ยคำให้คนรับใช้เปิดขวดไวน์แดง รินใส่แก้วให้กับทั้งอู๋ฝานและตนเอง ถัดจากนั้นจึงบอกกับอู๋ฝาน “อาจารย์หลี่ศึกษาเรื่องของโบราณมานาน โดยเฉพาะกับเทคนิคโบราณทั้งหลาย หากบอกว่าของที่เห็นกับของจริงเป็นคนละโลก ผมก็เชื่อว่าอาจารย์หลี่จะค้นพบและคลี่คลายมันให้เห็นได้”

อู๋ฝานพยักหน้ารับ ทั้งยังคาดหวังให้อาจารย์หลี่คลี่คลายเทคนิคให้รับชม เพื่อเป็นการเปิดหูเปิดตา

อาจารย์หลี่ตรวจสอบภาพวาดและภาพคัดลายมืออยู่ราวครึ่งชั่วโมง ทันใดนี้เองที่อุทานดังขึ้น “เจอแล้ว!”

แม้ระหว่างรอหวังจื่อหมิงและอู๋ฝานพูดคุยกันไปเรื่อย แต่จิตใจจดจ่ออยู่กับผลงานทั้งสองไม่คลาดไปไหน ขณะนี้ได้ยินคำของอาจารย์หลี่พูดขึ้นมา สายตาและศีรษะจึงหันมองอย่างรวดเร็ว

“เหล่าหลี่ ในภาพวาดนี้มีอะไรอื่นอยู่จริงเหรอครับ?” หวังจื่อหมิงเอ่ยถาม

“ไม่เลวเลย” ชายชราเริ่มใช้ความร้อนเล็กน้อยกับภาพวาดและภาพคัดลายมือ ไม่ได้เป็นการเผาไหม้ภาพทั้งสอง แต่ทำให้สีที่เคลือบชั้นพื้นผิวได้เลือนหาย

ถัดจากนั้นอีกฝ่ายจึงนำขวดน้อยออกจากกระเป๋าพก ก่อนจะเทของเหลวลงกับพื้นผิวของผลงาน สีที่คลายตัวบนพื้นผิวของภาพวาดและภาพคัดลายมือเริ่มคลายตัวรุนแรงมากขึ้น

ท้ายที่สุดแล้ว ชายชราจึงขอให้คนนำน้ำสะอาดมาเช็ดล้างภาพวาดและภาพคัดลายมืออย่างเชื่องช้าและนุ่มนวล ราวกับเกรงว่าจะทำมันเสียหาย

ถึงจุดนี้ ภาพคัดลายมือและภาพวาดจึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ตัวหนังสือเริ่มปรากฏขึ้นทีละตัว และเผยสีสันอันแท้จริงออกมา

หวังจื่อหมิงและอู๋ฝานเบิกตากว้าง รับชมชายชราแสดงเนื้อแท้ของผลงานทั้งสองทีละขั้นตอน สีหน้าเปี่ยมล้นด้วยอาการประหลาดใจ กระทั่งอู๋ฝานที่ทราบอยู่แล้วว่าสิ่งที่เห็นกับสิ่งที่เป็นนั้นคนละโลก ขณะนี้ก็ยังต้องประหลาดใจอยู่ดี

“เทคนิคที่ใช้กับภาพวาดและภาพคัดลายมือนี้น่านับถือเสียจริง แทบจะไร้ที่ติ หากนายน้อยหวังไม่ได้บอกตาแก่คนนี้แต่แรก ว่าภาพวาดและภาพคัดลายมือนี้มีโลกอีกใบซุกซ่อน ต่อให้เป็นผมก็คงไม่อาจพบเห็นตำหนิอะไรได้” เหล่าหลี่กล่าวคำชื่นชมจากใจ

หวังจื่อหมิงมองผลงานคัดลายมือที่เปิดเผยตัวตนอันแท้จริง มันคือ [ส่งแขกกลับ] ของหลี่ซูจือที่อู๋ฝานเคยเอ่ยถึง มันถึงกับทำเขาต้องตื่นตระหนกตกใจ

อู๋ฝานกล่าวบอกได้อย่างถูกต้อง!

เบื้องใต้ผลงานอันไม่ได้เรื่อง แท้จริงถึงกับมีผลงานชิ้นเอกของปรมาจารย์คัดลายมืออย่างหลี่ซูจือซุกซ่อนอยู่!

อู๋ฝานพบเห็นได้อย่างไร? เขาเองก็เป็นยอดฝีมือด้านประเมินวัตถุโบราณอย่างนั้นหรือ?

อู๋ฝานยังมีความสามารถอีกเพียงใดที่เขายังไม่ทราบกันแน่?

คำถามมากมายผุดขึ้นในใจหวังจื่อหมิง เดิมนั้นเขาคิดว่ารู้จักอู๋ฝานดีแล้ว ขณะนี้กลับได้พบว่าตนเองยังปรามาสความสามารถของอู๋ฝานจนเกินไป