บทที่ 135 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 135 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

บทที่ 135 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

แท้จริงแล้ว ยกเว้นอู๋ฝานก็ไม่มีใครชื่นชมภาพวาดกับภาพลายพู่กันคัดลายมือนี้แม้สักคน ตอนที่หวังจื่อหมิงเสนอราคา คนอื่นต่างก็อยู่ในอาการกำลังรับชมเรื่องสนุก เป็นการรับชมพิธีกรบนเวทีที่กำลังพยายามเพิ่มราคา รวมถึงคิดว่าเมื่อไหร่ทางพิธีกรจัดลงค้อนเคาะราคา เพื่อเริ่มประมูลสินค้าชิ้นถัดไปเสียที

กระทั่งตัวหวังจื่อหมิงที่เสนอราคา ก็ไม่ได้คิดเก็บภาพวาดกับลายพู่กันคัดลายมือนี้มาใส่ใจ สาเหตุที่เขาเสนอราคาออกไปไม่ใช่เพราะว่าชอบ หรือเพราะเห็นความลับอะไรในวัตถุโบราณทั้งสอง แต่เพราะต้องการซื้อทั้งภาพวาดและงานพู่กันคัดลายมือมอบให้อู๋ฝาน

แรกเริ่มมาที่นี่นั้น หวังจื่อหมิงออกปากเอง ว่าหากอู๋ฝานสนใจสินค้ารายการใด เขาจะจ่ายซื้อหามาให้ แม้ว่าไม่เข้าใจทัศนการมองของอู๋ฝาน หวังจื่อหมิงก็ยังยินดีจะเติมเต็มสิ่งที่เคยรับปากเอาไว้

เพียงแต่ก่อนจะเคาะราคา อู๋ฝานไม่ค่อยสบายใจอย่างรุนแรง อย่างไรแล้วมันก็เป็นสมบัติมูลค่านับสิบล้าน หากว่าเกิดเรื่องราวไม่คาดคิดระหว่างทาง ตัวเขาก็ไม่ได้รับอะไรเลยทั้งสิ้น

นับเป็นโชคดี ที่สุดท้ายแล้วไม่เกิดเรื่องราวผิดพลาดใดขึ้น ภาพวาดและลายพู่กันคัดลายมือที่ทุกคนเหยียดหยาม ถูกประมูลโดยหวังจื่อหมิงเป็นที่เรียบร้อย

“นายน้อยหวัง ผมติดเงินคุณเสียแล้ว” อู๋ฝานกล่าวบอกกับหวังจื่อหมิง

“ไม่นับว่าเป็นการยืมด้วยซ้ำ ก็เพียงแค่ไม่กี่แสน ก่อนหน้านี้ผมรับปากเอาไว้แล้วว่าขอเพียงสนใจขึ้นมา ผมจะเป็นคนจ่ายซื้อหาและมอบให้” หวังจื่อหมิงยิ้มตอบรับ “เพียงแต่ สายตาคุณค่อนข้างไม่ดีพอสมควร”

สายตาค่อนข้างไม่ดี?

เกรงว่าจะไม่ใช่เพียงแค่หวังจื่อหมิงที่คิดเห็นเช่นนี้ แต่ทุกคนต่างก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน หากไม่แล้ว พวกเขาคงไม่ถึงขนาดไม่เข้าไปข้องเกี่ยวเสนอราคาแม้สักครั้ง

เพียงแต่อู๋ฝานที่มีวิชาตรวจสอบ จึงได้ทราบความลับที่ซ่อนอยู่ในโบราณวัตถุ มันย่อมไม่ใช่ของเลวร้ายเหมือนดังที่เห็นภายนอก

แม้แบบนั้น หวังจื่อหมิงก็ยืนยันปฏิเสธรับเงินของอู๋ฝาน กล่าวเพียงว่าเป็นสิ่งของมอบให้ เรื่องราวนี้ทำอู๋ฝานนึกละอายอยู่ไม่น้อย

ถ้าหากว่าเงินที่ใช้ซื้อภาพวาดและภาพคัดลายมือเป็นอู๋ฝานหยิบยืมจากหวังจื่อหมิง เช่นนั้นอู๋ฝานก็อ้างได้ว่าภาพทั้งสองตนซื้อหามาและเป็นของตนเอง อย่างไรหวังจื่อหมิงก็ไม่มีความคิดจะซื้อมันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เงินที่อู๋ฝานหยิบยืมมา หมายความถึงการใช้เงินของตัวเองซื้อหา โดยภายหลังอู๋ฝานต้องจ่ายกลับคืนไปแค่หนึ่งแสนหกหมื่นหยวน

เพียงแต่ หวังจื่อหมิงในปัจจุบันยืนกรานไม่รับเงินของอู๋ฝาน แม้กล่าวว่ามอบภาพวาดและภาพคัดลายมือให้อู๋ฝาน ทว่าก็ทำอู๋ฝานลำบากใจ หากกล่าวว่าตนเองครอบครอง ในใจก็เกิดรู้สึกผิด มันเป็นเงินที่หวังจื่อหมิงมอบให้ ภาพวาดและภาพคัดลายมือย่อมเป็นของหวังจื่อหมิง และมอบให้แก่อู๋ฝานเป็นของขวัญ

เป็นเช่นนั้นแล้วจะเปิดเผยความลับของภาพวาดกับภาพคัดลายมือนี้อย่างไร?

อู๋ฝานจึงเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ทางหนึ่ง มันเป็นเงินหลายสิบล้าน แม้กระทั่งหวังจื่อหมิงเองก็ถือว่าไม่ใช่จำนวนที่เล็กน้อย และสำหรับอู๋ฝาน มันยิ่งเป็นจำนวนอันมหาศาล ขณะนี้ตัวเขากำลังขาดเงิน หลายสิบล้านดังกล่าวมากพอเป็นทุนให้เขาใช้ซื้อหาร้าน

อีกทางหนึ่ง อู๋ฝานรู้สึกผิดเล็กน้อยที่คว้าเอาภาพทั้งสองนี้มาครอบครอง อย่างไรแล้วหวังจื่อหมิงก็เป็นคนจ่ายซื้อมา ข้อเท็จจริงคือการที่มันเป็นทรัพย์สินของหวังจื่อหมิง หากยึดไปเป็นของตนเอง ไม่ใช่เทียบเท่าเอาเปรียบหวังจื่อหมิงหรอกหรือ?

หากว่าไม่ทราบความลับของภาพทั้งสองนี้แต่แรกก็ไม่เป็นไร ทว่าตอนนี้รู้แล้ว อู๋ฝานก็ไร้ซึ่งทางเลือกนอกจากทำใจให้สงบและรับเอามา

ควรบอกออกไปดีหรือไม่?

ใจอู๋ฝานกำลังเกิดความลังเล มันเป็นจุดที่ว่าตัวเขาถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่สนใจสิ่งของอื่นที่นำมาประมูลภายหลังเลยแม้แต่น้อย

หวังจื่อหมิงได้ตระหนักเช่นกันว่าอู๋ฝานมีท่าทีผิดปกติ เพียงแต่ไม่คิดอะไรมาก เพียงคิดว่าอู๋ฝานไม่ได้สนใจงานประมูลแล้วหรืออะไรทำนองนั้น

โรงประมูลดำเนินการประมูลต่อไปราวหนึ่งชั่วโมงจึงจบลง ภายหลังหวังจื่อหมิงจ่ายเงินเรียบร้อย เจ้าหน้าที่โรงประมูลจึงนำส่งภาพวาดทั้งสองให้แก่หวังจื่อหมิง ภายหลังหวังจื่อหมิงรับมาแล้ว เขาไม่ลังเลที่จะส่งต่อให้กับอู๋ฝานเลยแม้แต่น้อย

“นี่มัน… ผมรับเอาไว้ไม่ได้” อู๋ฝานลังเลจนสุดท้ายเอ่ยคำออกไป

ต่อให้บอกว่ารับเป็นของขวัญแทนน้ำใจ แต่มันมูลค่าหลายสิบล้าน สุดท้ายแล้วอู๋ฝานก็ไม่มีความกล้ารับมันเอาไว้

“ผมไม่คิดสนใจภาพวาดกับภาพคัดลายมือพวกนี้ ผมซื้อก็เพราะต้องการมอบให้” หวังจื่อหมิงเอ่ยคำ

จบคำ หวังจื่อหมิงจึงยัดเยียดภาพวาดและภาพคัดลายมือใส่มือของอู๋ฝานพลางกล่าว “การประมูลจบลงแล้ว พวกเราก็ควรกลับได้แล้ว”

อู๋ฝานเดินตามหลังหวังจื่อหมิงด้วยสีหน้าอันซับซ้อน ขณะเดินออกไปภายนอก

“นายน้อยหวัง นายน้อยหวัง ขอเวลาสักครู่ครับ” เฉาอวิ๋นที่เป็นผู้จัดการโรงประมูลตามมาส่งแขกทั้งสอง “ได้ยินว่านายน้อยหวังซื้อหาภาพวาดและภาพคัดลายมือไปหรือครับ?”

ขณะกล่าวคำ สายตาเขาจึงมองภาพวาดและภาพคัดลายมือในมือของอู๋ฝาน

“แบบนั้นแหละ” หวังจื่อหมิงไม่คิดปฏิเสธ “เพื่อนของผมชอบ ก็เลยซื้อให้เป็นของขวัญ”

“ที่แท้ก็เป็นนายน้อยอู๋สนใจภาพวาดกับภาพคัดลายมือหรอกหรือ?” เฉาอวิ๋นตอบรับ “ผมคาดหวังให้ท่านทั้งสองมาเข้าร่วมงานประมูลฤดูร้อนในอีกสามวัน ถึงเวลานั้น ที่นี่จะเต็มไปด้วยสมบัติชั้นดีมากมาย รวมถึงภาพคัดลายมือและภาพวาดอันมีชื่อเสียง รวมถึงโบราณวัตถุที่ล้ำค่ามากกว่าที่นายน้อยอู๋กำลังถืออยู่ครับ”

เห็นได้ชัดว่าเฉาอวิ๋นไม่ทราบความพิเศษของภาพวาดและภาพคัดลายมือ เพียงคิดว่าอู๋ฝานอยากสะสมภาพวาดกับภาพคัดลายมือก็เท่านั้น

อู๋ฝานไม่คิดใส่ใจพลางถาม “ผู้จัดการเฉา พอทราบหรือไม่ว่าผู้นำสินค้าสองชิ้นนี้มาประมูลเป็นใครครับ?”

“เป็นชายวัยกลางคนที่ดูสิ้นหวังคนหนึ่งครับ” ผู้จัดการเฉาตอบรับ “อีกฝ่ายกล่าวว่าเป็นทายาทของตระกูลจิน เพียงแต่สำหรับผมแล้ว เขาดูคล้ายคนขี้เหล้าเมายาเสียมากกว่า กลิ่นแอลกอฮอล์นี่คละคลุ้งไปทั่ว และราคาเริ่มประมูลเขาก็เป็นผู้เสนอเองครับ จริงด้วย เขายังบอกว่าสิ่งนี้คือสมบัติอันล้ำค่า มีค่าไม่อาจประเมินได้ บรรพชนของเขาเคยกล่าวบอกให้ทายาทสืบสกุลเก็บเอาไว้ให้ดี ดังนั้นราคาจึงไม่ควรต่ำเตี้ย หากว่าเขาไม่ยืนกราน พวกเราก็คงไม่กล้าตั้งราคาภาพวาดกับภาพคัดลายมือนี้เสียสูงขนาดนั้นครับ”

ราคานี้สูงแล้วหรือ?

ผู้อื่นอาจคิดเห็นเช่นนั้น กระทั่งหวังจื่อหมิงที่เป็นคนซื้อภาพวาดและภาพคัดลายมือยังรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ แต่ไม่ใช่กับอู๋ฝาน

“รายละเอียดอื่นผมคงไม่อาจบอกนายน้อยอู๋ได้ โรงประมูลของเรามีหน้าที่ต้องรักษาความลับของลูกค้าครับ” เฉาอวิ๋นตอบรับ

อู๋ฝานพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ หวังจื่อหมิงและเฉาอวิ๋นพูดคุยกันอีกสักหลายคำ ก่อนจะเดินทางกลับพร้อมอู๋ฝาน

“สิ่งที่ผมเห็น คือการที่คุณให้ความสำคัญแก่ภาพวาดกับภาพคัดลายมือนี้อย่างมากจนเห็นได้ชัด” ภายในรถ หวังจื่อหมิงเอ่ยคำขึ้น “มันก็แค่ภาพวาดกับภาพคัดลายมือธรรมดา หากว่าสนใจเก็บสะสมรวบรวมภาพวาดกับภาพคัดลายมือจริง อีกสามวันพวกเราค่อยมาอีกครั้งได้ ผมยินดีซื้อหาภาพวาดกับภาพคัดลายมือที่มีชื่อเสียงให้”

ปัจจุบันหวังจื่อหมิงต้องการสานสัมพันธ์กับอู๋ฝาน ดังนั้นจึงไม่คิดใส่ใจหากว่าต้องจ่ายเพื่อปูเส้นทาง เพียงแต่หวังจื่อหมิงมองว่าสิ่งที่มอบให้วันนี้ มันออกจะเล็กน้อยเกินไป หากไม่ใช่เพราะอู๋ฝานเกิดสนใจ เขาก็คงไม่คิดซื้อมันมาแม้แต่น้อย

ดังนั้น หวังจื่อหมิงจึงคิดว่าในอีกสามวันให้หลัง เขาจะซื้อหาภาพวาดและภาพคัดลายมือที่ดีมอบให้อู๋ฝานอีกครั้ง ในความเห็นของตัวเขา ตอนนั้นจึงถือเป็นของขวัญที่แท้จริง

ท่าทีของหวังจื่อหมิง จึงทำอู๋ฝานที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่นานเกิดตัดสินใจได้