อาวุโสฮุย

“เอ๋? นั่นมิใช่คุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง โอวหยางชิงรึไร?”

ทันใดนั้นในบรรดา 16 คนด้านหลัง ก็มีคนที่จดจำโอวหยางชิงได้ จึงกล่าวทักออกมา

คุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง?

ทันใดนั้นยกเว้นต้วนหลิงเทียน ทุกสายตาก็เบนมาตกที่ร่างโอวหยางชิงอย่างสนอกสนใจ ทำให้มันรู้สึกไม่ได้ที่จะประหม่า

หากเป็นในกาลก่อนที่มันเชิดหน้าเดินอย่างหยิ่งยะโสล่ะก็ ถ้ามีคนของ 9 พันธมิตรหันมาให้ความสนใจมันแบบนี้ มันคงรู้สึกเป็นเกียรติจนตัวลอย!

ทว่าตอนนี้สารรูปมันเสมือนสุนัขไก่รอเวลาเชือด ไหนเลยยังจะมีเกียรติอันใดหลงเหลือ ยังอยากจะขุดหลุมแล้วเอาหัวมุดรูหลบหน้าผู้คนด้วยซ้ำ!

“คุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง?”

พอได้ยินว่าที่แท้ผู้ที่นั่งหมดอาลัยบนพื้นนี้ กลับเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง หลิวไห่กับหลิวเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ตกใจอะไร

ในฐานะที่เป็นคนของขุมพลังชั้น 7 พวกมันไม่เคยเห็นคนในขุมพลังชั้น 8 อยู่ในสายตา

“ศิษย์น้องต้วนเจ้ากับมันมีเรื่องกันรึ…”

อย่างไรก็ตามทั้ง 2 อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

เพราะพวกมันสังเกตเห็นชัดเจนดีว่าคุณชายโอวหยางนี้เป็นศิษย์น้องเบื้องหน้าหิ้วมา ทั้งยังเขวี้ยงทิ้งราวหมูมา ย่อมไม่ใช่สหายกันแน่นอน

มาตอนนี้สายตาที่ทั้งคู่มองโอวหยางชิง ยังเต็มไปด้วยความดุร้าย

ถึงแม้ศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงบางคนอาจมีเรื่องไม่ถูกชะตากันบ้างในสำนัก แต่โดยมากแล้วหากเจอผู้อื่นคิดร้ายภานอก ศิษย์เหล่านั้นจะละวางเรื่องบาดหมาง หันมาร่วมแรงร่วมใจต้านทานศัตรูก่อน…ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงแต่เดิมชื่นชมเป็นทุน!

ดังนั้นพอคิดว่าโอวหยางชิงอาจคิดร้ายอะไรกับต้วนหลิงเทียน พวกมันจึงเห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรูที่ต้องกำจัดทันที แววตาถึงกับเผยจิตฆ่าฟันอย่างไม่ระงับ!

โอวหยางชิงที่ถูกมองด้วยความมุ่งร้ายเปี่ยมจิตสังหารจากทั้งคู่ ถึงกับหวาดผวาขึ้นมาในใจ ร่างสั่นระริกไปทันที!

“เรื่องระหว่างข้ากับมันเกรงว่าคงยากจะบอกกล่าวได้ด้วยคำเพียงไม่กี่คำ…ศิษย์พี่ทั้ง 2 ที่ข้ามาสำนักงานใหญ่ ดึกดื่นขนาดนี้เพราะคิดมาพบอาวุโสฮุยน่ะ”

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโอวหยางชิงอีกรอบด้วยสายตาไม่แยแส ค่อยหันกลับมามองกล่าวกับหลิวเยว่และหลิวไห่

“ที่แท้ศิษย์น้องต้วนมาหาอาวุโสฮุยนี่เอง เอาล่ะข้าจะพาเจ้าเข้าไปพบท่าน”

หลิวเยว่พอได้ยินก็รีบตอบรับทันที

อาวุโสฮุยเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสที่มาดูแลสำนักงานของสำนักจันทร์จรัสแสงที่สำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรแห่งนี้ ในบรรดาผู้มาประจำการณ์อยู่ที่นี่ อาวุโสฮุยนับเป็นยอดฝีมือลำดับ 2

นอกจากนี้คนของสำนักจันทร์จรัสแสงยังรู้ดี ว่าอาวุโสยังมีอีกฐานะหนึ่ง คือปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 2 ดาว! อีกทั้งยังมีสัมพันธ์อันดีกับอาวุโสป๋ายลี่หงซึ่งเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวไม่น้อย! อีกฝ่ายยังกล่าวอยู่เสมอว่า…ป๋ายลี่หงเป็นดั่งศิษย์พี่ที่เคารพ!

ดังนั้นในสายตาของหลิวเยว่ แม้ต้วนหลิงเทียนจะมาพบอาวุโสฮุยดึกดื่น แต่อีกฝ่ายก็ไม่น่าขุ่นขึ้งอะไร กระทั่งเผลอๆ แม้จะอยู่ท่ามกลางการปิดด่านฝึกฝน ยังมิวายยังจะรีบออกด่านแจ้นมาพบต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ

เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็เป็นศิษย์น้องของป๋ายลี่หง!

“ขอบคุณศิษย์พี่หลิวเยว่”

ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวขอบคุณ ก่อนที่จะยกมืออีกครั้งใช้พลังไร้สภาพดูดรั้งโอวหยางชิงมาถือไว้ ค่อยจะเดินตามหลิวเยว่เข้าไปในสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร

ก่อนเดินจากไป ยังหันมาลาหลิวไห่ด้วยรอยยิ้ม

“เหอะๆ…ด้วยฐานะที่สูงค้ำฟ้าของศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน ยังปฏิบัติกับศิษย์ฝ่ายในธรรมดาๆคนหนึ่งอย่างข้าด้วยดีเช่นนี้ ช่างน่านับถือยิ่งนัก…สมแล้วที่เป็นยอดคน!”

มองแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนที่หายไปในสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร หลิวไห่อดไม่ได้ที่จะชื่นชม แววตายังเผยความเคารพนับถือ

ในความคิดของมัน ตราบใดที่ชายหนุ่มผู้นี้มิด่วนจากไปก่อนวัยอันควร สักวันต้องเป็นตัวตนที่ท่องทะยานเหนือฟ้า!

เผลอๆ 9 ใน 10 ส่วนยังอาจได้เป็นเจ้าสำนักรุ่นต่อไป!

มันจะไม่ตื่นเต้นยินดีกับการปฏิบัติด้วยดีของตัวตนระดับนี้ได้อย่างไร?

“ดูเหมือนว่าคุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยางนั่นจะชะตาขาดแล้ว เล่นกับใครไม่ว่ากล้ามีเรื่องกับต้วนหลิงเทียน”

หลายคนที่เฝ้าหน้าประตูสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรกล่าวออกมาด้วยความสนุกสนาน

“นั่นสิ ท่าทางตระกูลโอวหยางจะถึงวาระแล้ว…ผู้คนมีตั้งมากดันไปมีเรื่องกับต้วนหลิงเทียนได้ พวกมันไปกินดีหมีหัวใจเสือกันมารึไร??”

หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย

“แล้วทำไมโอวหยางชิงนั่นมันถึงกล้ามีเรื่องกับต้วนหลิงเทียนกัน…หรือตระกูลโอวหยางมีตาแต่ไร้แววขนาดนั้นเชียว? ต้วนหลิงเทียนโด่งดังขนาดนี้ไหนเลยพวกมันจะไม่รู้จักกันได้?”

“ฮัยยา เรื่องนี้เจ้ายังมองไม่ออกรึไง!”

“เพ้ย! ทำยังกับเจ้ารู้!”

“เฮอะ! ถึงก่อนหน้าข้าจะไม่รู้ แต่พอเห็นอาการคุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยางหวาดผวา ตอนต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกนาม ข้าก็พอเดาได้แล้วว่าก่อนหน้ามันมิรู้ตัวตนต้วนหลิงเทียนมาก่อน! ท่าทางต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้เปิดเผยตัวตนยามมีเรื่องราวกัน!!”

“เห? นี่เจ้าเกิดปีเหยี่ยวรึไรเรื่องพรรค์นี้ยังอุตส่าห์มองเห็น!”

“หากเป็นเพราะแบบนั้น มิใช่ต้วนหลิงเทียนคิดเล่นหมูกินเสืออยู่รึไง ท่าทางคราวนี้ตระกูลโอวหยางจะเตะเอาเข้าตอเหล็กแล้วจริงๆ…ไม่นานพวกมันต้องโดนดีแน่!”

……

16 คนที่เหลือนอกจากหลิวไห่ หันมามองแลกเปลี่ยนสายตากัน และต่างเห็นถึงความสงสารในสายตาสหาย พวกมันรู้สึกสงสารตระกูลโอวหยางอยู่บ้าง

“เฮอะ! ศิษย์น้องต้วนเป็นคนอัธยาศัยดีแถมไม่ถือตัวถึงเพียงนั้น หากมิใช่คุณชายใหญ่โอวหยางไปหาเรื่องก่อนแต่แรก ศิษย์น้องต้วนย่อมไม่คิดลดตัวไปยุ่งกับมันหรอก!”

ถึงแม้ว่ามันจะพึ่งพบเจอกับต้วนหลิงเทียนได้ไม่นาน แต่หลิวไห่รู้สึกได้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่พวกนิยมแสร้งเล่นหมูกินเสือหาเรื่องผู้คนก่อนแน่นอน อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะถือดีหรือหยิ่งอะไรด้วยซ้ำแม้จะมีฐานะกับพลังฝึกปรือร้ายกาจด้วยวัยเพียงเท่านี้

ส่วนอีกด้านนั้น ต้วนหลิงเทียนที่ด้านนอกกำลังกล่าวถึง ก็เดินตามหลิวเยว่มาถึงส่วนของสำนักจันทร์จรัสแสง ในสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร

ฐานของสำนักจันทร์จรัสแสงที่นี่นั้นแม้จะไม่ใหญ่โตเท่าคฤหาสน์สกุลโอวหยาง แต่ก็มีพื้นที่กว้างขวางไม่น้อย

“ศิษย์พี่หลิวเยว่ นอกจากท่านกับศิษย์พี่หลิวไห่แล้ว ที่เหลือนั้นมาจาก 8 ขุมพลังที่เหลือ ขุมพลังละ 2 คนหรือ?”

ในระหว่างทางต้วนหลิงเทียนก็นึกถึง 16 คนที่เฝ้าประตูอยู่ จึงกล่าวถามหลิวเยว่ออกมาเพื่อยืนยัน

“ใช่แล้ว”

หลิวเยว่พยักหน้า “ปกติแล้วหน้าประตูสำนักงานใหญ่จะมีคนเฝ้าไว้ครบ 18 คนเสมอ โดยแต่ละขุมพลังจะส่งมา 2 คน…และวันนี้ก็เป็นเวรเฝ้าระวังของข้ากับหลิวไห่พอดี หากเจ้ามาหลังจากนี้ 2-3 วัน คนของสำนักจันทร์จรัสแสงที่เฝ้าด้านหน้าก็ไม่ใช่พวกข้าแล้ว”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เขาพอเดาได้แต่แรก และก็ไม่ผิดจากที่เขาคิดเอาไว้เลย

“ว่าแต่เจ้าเผยตัวต่อหน้า 8 ขุมพลังที่เหลือแล้วแบบนี้…ข้ากลัวว่าพรุ่งนี้คนทั้งเมืองหานเหอย่อมรู้เรื่องราวนี้แน่ ไม่วายแห่กันมามืดฟ้ามัวดินแน่นอน”

หลิวเยว่กล่าวเตือนออกมา เมื่อนึกถึงเรื่องนี้

“ศิษย์น้องต้วน เจ้าเองก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ด้วย..”

ต้วนหลิงเทียนอึ้ง “เตรียมตัวเตรียมใจอะไรกัน?”

“ก็เตรียมตัวเตรียมใจรับมือคนที่จะแห่กันมาท้าทายเจ้าอย่างไรเล่า…พวกมันหวังจะชิงอันดับที่ 66 ในรายนามปฐพีของเจ้าทั้งนั้น”

หลิวเยว่กล่าวสืบต่อ “เจ้าฆ่าเฝิงฟ่านชิงอันดับที่ 99 มาย่อมไม่มีใครคิดติดใจอะไร แต่ตอนเจ้าประลองกับฟางฮุ่ย มันเป็นแค่การประลองเฉยๆ ทำให้บางคนคิดว่าเจ้าอาจได้อันดับที่ 66 มาโดยมิชอบ…พวกมันคิดว่าอาจเป็นเพราะเจ้ากับเฮ่อจงตกลงอะไรกัน แล้วเฮ่อจงเป็นฝ่ายจงใจยอมแพ้เจ้าน่ะ”

กล่าวถึงท้ายประโยคหลิวเยว่ก็พยายามมองสีหน้าต้วนหลิงเทียนอย่างละเอียด พอพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกรธมันก็ลอบโล่งใจ

“จงใจยอมแพ้ข้า?”

ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็อึ้งไปตาปริบๆ ไม่นานก็หัวเราะออกมาดังร่า “เพราะเฮ่อจงเป็นคนของสำนักจันทร์จรัสแสง? เลยอาจเป็นฝ่ายจงใจยอมแพ้ข้างั้นเหรอ?”

“ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องนี้หรอก”

หลิวเย่วส่ายหัวกล่าว “ตอนนี้หลายคนเริ่มลือกันว่า อาจเป็นเพราะเจ้าเป็นศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่หง เฮ่อจงจึงมิอาจทนรับแรงกดดันได้ไหว และเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับอาวุโสป๋ายลี่หง เฮ่อจงจึงยินดีลดตัวลงมาเป็นหินรองเท้าให้เจ้าก้าวข้ามไป…เพราะอย่างไรพวกมันก็ยากจะเชื่อว่าเจ้าจะเอาชนะได้ทั้งๆที่มีขอบเขตพลังฝึกปรือหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ”

“ว่าไปนั่น นับว่าจินตนาการพวกมันลึกล้ำดีแท้…”

ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาอย่างขบขัน ไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่

ล้อกันเล่นรึไง!?

ตอนนี้เขาทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียนขั้นกลางแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงพวกยอดฝีมือขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ที่จะมาท้าทายชิงอันดับอะไรนั่นเลย ให้เป็นคนที่แกร่งที่สุดในรายนามปฐพีมาเอง ต้วนหลิงเทียนก็ปราบได้ง่ายดายนัก!

เพราะผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรายนามปฐพี อย่างดีก็บรรลุสูงสุดหลุดพ้นมนุษย์ข้นยิ่งใหญ่ พลังฝีมือเต็มที่ก็เพียงทัดเทียมกับยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียนขั้นต้น ไม่มีทางที่จะทำอะไรสู่เซียนขั้นกลางได้เลย

พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนตอนนี้ มากพอจะบดขยี้สู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญให้แหลกได้อย่างง่ายดาย!

กระทั่งพบพานสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบทั่วๆไป เขาก็มีโอกาสเอาชนะพวกมัน

แน่นอนว่าหากเผชิญหน้ากับสูงสุดสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ ที่เหลืออีกเพียงครึ่งก้าวบรรลุสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่อย่างโอวหยางชาน เขาก็ยากที่จะมีโอกาสชนะหากไม่ใช้ยันต์เต๋าระดับ 3 ดาวช่วยเหลือ

แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนทะลวงไปถึงสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ และชำนาญการใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา หรือกระทั่งฝึกฝนวรยุทธ์เกาทัณฑ์มหาดาวตกให้บรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิทั้งหมดได้ล่ะก็…

การจะสยบครึ่งก้าวสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่อย่างโอวหยางชาง ก็ไม่นับว่ายากเย็นอะไร!

“ศิษย์น้องต้วน ยิ่งมาข้ายิ่งนับถือทั้งเลื่อมไสเจ้านัก!”

หลิวเยว่ถอนหายใจ “ข้าลองถามตัวเองดู หากข้าลองยืนอยู่ในจุดเดียวกันกับเจ้า…เกรงว่าพอได้ฟังข่าวลือให้ร้ายพวกนี้ ข้าคงไม่มีทางสงบนิ่งเช่นเจ้าอยู่ได้”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวยิ้มบางๆ แต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

เขาใช้ชีวิตมาก็นับว่าเป็น 2 ช่วงชีวิตแล้ว เรื่องข่าวลือเหลวไหลพวกนี้ไหนเลยจะมีผลกับเขา

ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้รู้สึกผิดอะไร

‘ข้าอยากจะรู้นัก พรุ่งนี้จะมีใครตาถั่วมาท้าทายข้า…’

ต้วนหลิงเทียนลอบคิด

หากหลิวเยว่ล่วงรู้ว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงสู่เซียนขั้นกลางแล้ว กระทั่งล่วงรู้ความคิดต้วนหลิงเทียนตอนนี้ แน่นอนว่าพรุ่งนี้มันคงไปตั้งหน้าตั้งตาดูเหมือนกัน ว่าเจ้าพวกหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ทั้งเมืองหานเหอที่คิดมาลองดีทั้งหลายพรุ่งนี้ จะประสบชะตากรรมอย่างไร

โอสหยางชิงที่ถูกต้วนหลิงเทียนหิ้วมาดั่งไก่รอเชือด ยิ่งมายิ่งหวั่นใจว่าใช่ต้วนหลิงเทียนจะกลับคำแล้วฆ่ามันหรือไม่

ตอนนี้ในใจมันหลงเหลือเพียงความคิดเดียว หวังว่ามันจะรอด…!

เมื่อหลิวเยว่พาต้วนหลิงเทียนมาถึงหน้าบ้านลานขนาดใหญ่ที่อาวุโสฮุยพักอยู่ อาวุโสฮุยก็เร่งออกจากบ้านมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงกล่าวแจ้งการมาถึง

“ฮ่าๆๆ…ศิษย์น้องต้วนในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าเสียที! หากมิใช่เพราะความจริงที่ว่าข้ายังจากที่นี่ไปไม่ได้อีกพักใหญ่ ข้าคงรีบแจ้นกลับไปสำนักเพื่อพบเจ้านานแล้ว! สุดยอดอัจฉริยะ ศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่หง!”

อาวุโสฮุยที่เร่งออกมาต้อนรับต้วนหลิงเทียนกล่าวยิ้มแย้งอย่างอัธยาศัยดี

อาวุโสฮุยนั้นมือชื่อเต็มว่า ต่งฮุย มันชราแล้ว เส้นผมขนคิ้วหงอกขาวนับว่าตัดกับสีผิวทองแดงของมันนัก หากแต่ใบหน้ายังอ่อนวัย แลดูใจดีและเป็นมิตรกับผู้คนปานเฒ่าทารก

หลิวเยว่ที่พาต้วนหลิงเทียนมาส่งถึงกับอึ้ง

ชายชราที่ยิ้มแย้มหน้าตาเปี่ยมอัธยาศัยอันดีคนนี้…ใช่อาวุโสฮุยจริงหรือ?

ต้องทราบด้วยว่ายามอาวุโสฮุยอยู่ที่สำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่คนที่มีนิสัยไม่ดีอะไร แต่ก็ไม่ได้ร่าเริงเหมือนหน้าตาแน่นอน โดยมากแล้วยังมักปลีกตัวอยู่อย่างสันโดษ ไม่ชมชอบสุงสิงกับใครด้วยซ้ำ

ทว่าต่อหน้าต้วนหลิงเทียน อาวุโสฮุยคล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน!