แลกเปลี่ยนกับตระกูลโอวหยาง

มาตอนนี้หลิวเยว่ก็รู้ได้ทันทีว่าข่าวลือสมควรเป็นจริง อาวุโสฮุยกับอาวุโสป๋ายลี่หงสมควรมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน

“อาวุโสฮุย ข้าขอตัวลา”

หลังจากที่พาต้วนหลิงเทียนมาส่งถึงที่แล้ว หลิวเยว่ก็คิดปลีกตัวจากไปทันที

“อืม”

อาวุโสฮุยหันมองหลิวเยว่ค่อยพยักหน้าออกมา

หลังจากนั้นหลิวเยว่ก็หันไปอำลาต้วนหลิงเทียน

“ลำบากพี่เยว่นำทางแล้ว”

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนลาหลิวเยว่ เขาก็หันไปประสานมือคารวะอาวุโสฮุยด้วยรอยยิ้ม “ต้วนหลิงเทียนคารวะอาวุโสฮุย”

“อะไร? ไฉนศิษย์น้องต้วนเรียกข้าห่างเหินเช่นนั้นเล่า? หรือเจ้าคิดว่าข้ามิคู่ควรเป็นศิษย์พี่ของเจ้า?”

พอได้ยินคำทักของต้วนหลิงเทียน อาวุโสฮุยก็ชักสีหน้าหม่นหมองทันที

“ศิษย์พี่ฮุย”

ต้วนหลิงเทียนยิ้มเจื่อนๆ

ถึงแม้เขาจะเห็นชัดว่าอาวุโสฮุยเพียงจงใจปั้นหน้าซึม แต่เขาก็ได้แต่เล่นตามน้ำอีกฝ่ายไปเท่านั้น ขณะเดียวกันเขาก็ตระหนักได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างอีกฝ่ายกับศิษย์พี่ของเขาอย่าง ‘ป๋ายลี่หง’ ยังสนิทสนมเหนือกว่าที่คิดไว้เสียอีก

“ประเสริฐ!”

ได้ยินต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนคำเรียกหา หน้าต่งฮุยก็เผยยิ้มกว้างออกมาทันที

“ว่าแต่…เจ้านี่มันเป็นใครหรือ?”

ไม่นานสายตาต่งฮุยก็หันไปสนใจโอวหยางชิงที่พึ่งถูกต้วนหลิงเทียนเขวี้ยงทิ้งอีกรอบ

มันพอเดาได้คร่าวๆว่าที่ต้วนหลิงเทียนมาหามันเอาดึกดื่นขนาดนี้ มิแคล้วต้องเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้แน่นอน

“มันคือคุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง โอวหยางชิง”

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโอวหยางชิงอย่างไม่แยแสค่อยกล่าว

“ตระกูลโอวหยาง? ตระกูลโอวหยางที่อยู่ฝั่งตะวันออกของเมืองหานเหอนี่น่ะรึ?”

ต่งฮุยขมวดคิ้วกล่าวถาม

“เป็นตระกูลโอวหยางนั่น”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

“แล้วเกิดอันใดขึ้นกัน หรือมันมากวนใจอันใดศิษย์น้อง?”

ต่งฮุยถาม

“หากมันแค่มากวนใจข้าเฉยๆ ข้าก็ไม่คงไม่สนใจอะไรมัน…ปัญหาคือมันกลับไปพาผู้อาวุโสของตระกูลมาพยายามฆ่าข้า”

ต้วนหลิงเทียนกล่าว วาจาท้ายประโยคลูกตายังเผยประกายดุร้าย

“อะไรนะ!?”

ได้ยินคำนี้ หน้าต่งฮุยเปลี่ยนสีทันที มองโอวหยางชิงอีกครั้งลูกตายังเต็มไปด้วยอำมหิต

ในใจของมันยกย่องนับถือป๋ายลี่หงเป็นดั่งอาจารย์มาโดยตลอดในแง่การจารึกอาคมเซียน

ตอนที่มันได้ยินว่าป๋ายลี่หงรับชายหนุ่มคนหนึ่งมาเป็นศิษย์น้อง ด้วยความชื่นชมที่มีต่อป๋ายลี่หงมันจึงแผ่ความชื่นชมมาถึงชายหนุ่มผู้นั้น และมองเป็นศิษย์น้องของมันไปด้วยอีกคน

มันครุ่นคิดถึงฉากการพบพานระหว่างมันกับศิษย์น้องคนนี้ไว้มากมาย แต่ไม่คิดเลยว่าพบหน้ากันครั้งแรกจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้!

หากเกิดอะไรขึ้นกับต้วนหลิงเทียนในเมืองหานเหอ แล้วมันจะมีหน้าไปพบป๋ายลี่หงได้อย่างไร!

ดังนั้นต่งฮุยจึงพิโรธนัก ไฟโทสะยังลุกท่วมใจ!

เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตฆ่าฟันอันน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากร่างต่งฮุย โอวหยางชิงถึงกับตัวสั่นระริก มันหวาดกลัวจับใจ

มันที่ตื่นตระหนกก็ได้แต่หันไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียน “ต้วนหลิงเทียน ท่านกล่าวไว้แล้วว่าจะไม่ฆ่าข้า! ท่านบอกแล้วว่าจะไม่ฆ่าข้า!!”

“หืม?”

ได้ยินคำของโอวหยางชิง ต่งฮุยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหน้าบึ้งตึง หันไปมองถามต้วนหลิงเทียน

มันไม่อาจเข้าใจได้

ว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงให้อภัยคนที่คิดจะฆ่าตัวเองแบบนี้

“วาจาที่ข้ากล่าว ดั่งตะปูที่ตอกลงไปแล้ว…เจ้าจะร้อนรนทำอะไร”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเย็น ทำให้โอวหยางชิงหุบปากลงทันที

“อย่างไรก็ตามแม้ข้าบอกว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่นั่นเพราะข้ามีเงื่อนไขบางอย่าง…หากเจ้าให้ความร่วมมือแต่โดยดีไม่คิดเล่นเล่ห์อะไร เจ้าก็ไม่ตาย”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสียงเรียบ

“ข้าจะให้ความร่วมมือกับท่าน! ข้าไม่มีลูกไม้อันใด!!”

โอวหยางชิงเร่งกล่าวออกมาทันที ด้วยกลัวต้วนหลิงเทียนจะเปลี่ยนใจแล้วฆ่ามันทิ้ง

“บอกข้ามา ว่าไอ้แก่ที่มันตามเจ้ามาฆ่าข้ามันเป็นใครกันแน่? ด้วยพลังฝีมือของมันข้าเชื่อว่ามันสมควรเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งในตระกูลโอวหยางเจ้า”

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโอวหยางชิงพร้อมถาม

“ชื่อของมันเรียกว่า โอวหยางชาน เป็นอาวุโสลำดับ 2 ของตระกูลโอวหยางเรา!”

โอวหยางชิงไม่กล้าลังเลอะไร เร่งกล่าวตอบออกมาทันที

“พ่อเจ้าสั่งมันมา หรือเป็นเจ้าที่ไปยุยงมัน?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามอีกรอบ

“มิใช่คำสั่งบิดาข้า!”

โอวหยางชิงส่ายหัว

“งั้นก็เป็นเจ้าที่เป็นคนต้นคิดพามันมาฆ่าข้าสินะ?”

ลูกตาต้วนหลิงเทียนเผยประกายเย็นชา กล่าวถามเสียงเย็น

“ไม่! ไม่ใช่!!”

โอวหยางชิงที่เห็นสายตาเย็นเยือกของต้วนหลิงเทียนจ้องมา มันก็ตกใจเสียขวัญเร่งส่ายหัวเป็นพัลวัน “ข้ามิได้ยุยงมันนะ! ข้ามิเคยยุยงมันเลย! เป็นมัน! พอมันได้ยินเรื่องราวของเจ้า และพอรู้ว่าเจ้ามีศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียน 3 ดาว มันก็วางแผนฆ่าเจ้าเพื่อชิงทรัพย์ทันที!!”

โอวหยางชิงเร่งสร้างเรื่องราว ทั้งผลักไสความผิดทั้งหมดไปยังโอวหยางชานที่ตายไปแล้วทันที

หากโอวหยางชานที่กำลังเดินทางไปปรภพ มาได้ยินวาจาซัดทอดนี้ของโอวหยางชิง มิรู้ว่ามันจะมีโทสะถึงเพียงใดบางทีมันอาจกระอักเลือด หรือบางทีมันแค่เสียใจที่เชื่อวาจายุยงของโอวหยางชิงจนมาเล่นงานต้วนหลิงเทียนจนตัวตาย

วาจาที่โอวหยางชิงพ่นมา แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่เชื่อมันแม้ครึ่งคำ

แต่เรื่องนี้มันก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับเขาเลย

“ตระกูลโอวหยางของพวกเจ้าช่างกล้านัก!”

ต่งฮุยที่ยืนอยู่ข้างๆ พอได้ยินคำของโอวหยางชิงก็เดือดดาลจนแทบระเบิด “พวกเจ้าถึงกับกล้าคิดฆ่าชิงทรัพย์คนสำนักจันทร์จรัสแสงของข้า! ตระกูลโอวหยางเจ้าคราวนี้ขวัญกล้าเทียมฟ้าแล้วจริงๆ!!”

“ศิษย์น้องต้วน ในเมื่อเจ้ารับปากมันแล้วว่าจะมิฆ่ามัน…ทว่าศิษย์พี่ผู้นี้มิเคยรับปากอันใด…ในสายตาข้าในเมื่อสกุลโอวหยางมันเหิมเกริมไม่เห็นสำนักจันทร์จรัสแสงเราอยู่ในสายตา เช่นนั้นก็อย่าได้เก็บชีวิตตัวบัดซบนี่ไว้อีกเลย!”

ถึงแม้ต่งฮุยจะแทบทนไม่ไหวไม่ให้ฟาดโอวหยางชิงตายในฝ่ามือเดียว แต่มันก็เคารพการตัดสินใจของต้วนหลิงเทียนและไม่อาจลงมือทำอะไรได้

“ไม่นะ! ท่านฆ่าข้าไม่ได้นะ!!”

ต้วนหลิงเทียนยังไม่ทันพูดอะไร โอวหยางชิงก็ตีตนไปก่อนไข้ เร่งร้องวิงวอนออกมาน้ำหูน้ำตาไหล

ถูกแล้ว

ต้วนหลิงเทียนบอกว่าจะไม่ฆ่ามัน แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้คนอื่นฆ่ามัน!

“ท่านต้วนหลิงเทียน ท่านรับปากฆ่าแล้วว่าจะไม่ฆ่าข้า เช่นนั้นท่านก็มิอาจทนมองผู้อื่นฆ่าข้า…เรื่องนี้ข้ามิมีใดเกี่ยวข้องเลย! ข้าไม่เกี่ยวอะไรด้วยจริงๆ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะโอวหยางชานบังเกิดความละโมบในสมบัติของท่านทั้งสิ้น! มันคิดฆ่าท่านชิงศาสตราเซียน!!”

โอวหยางชิงที่หน้าซีดไร้สีเลือดเร่งร้อนอธิบายออกมา

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโอวหยางชิงด้วยความรังเกียจอีกครั้งก่อนที่จะเลิกสนใจใยดีอะไรมันอีกต่อไป หันไปมองต่งฮุยแทน “ศิษย์พี่ฮุยชีวิตมันจะอยู่หรือตายล้วนไม่นับว่าสำคัญอะไรกับข้าหรือท่าน…แต่ข้าขอถามศิษย์พี่ฮุยสักคำ ว่าข้าจะลงมือถอนรากถอนโคนตระกูลโอวหยางเพราะเรื่องนี้ได้หรือไม่?”

วาจาท้ายประโยค ต้วนหลิงเทียนยังกล่าวถามออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ต่งฮุยพอได้ยินคำนี้ ก็เงียบนิ่งไปทันใด

ไม่นานมันก็ส่ายหัวออกมา “เรื่องนี้ข้ากลัวว่าอาจมิมีน้ำหนักมากพอให้กระทำเช่นนั้น…ถึงแม้ว่าสำนักจะส่งเสริมเจ้า แต่อย่างดีก็เพียงหาความจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง…ยากที่จะลงมือรุนแรงถึงขั้นล้างตระกูลโอวหยาง”

“สุดท้ายจะอย่างไรสกุลโอวหยาง ก็เป็นผู้นำของตระกูลใหญ่อันเป็นขุมพลังชั้น 8 ในเมืองหานเหอ และพวกมันให้ความร่วมมือกับ 9 พันธมิตรเราด้วยดีมาโดยตลอด…การทำลายตระกูลโอวหยางก็เสมือนตัดท่อน้ำเลี้ยง 9 พันธมิตร พลอยให้อีก 8 ขุมพลังประสบความเสียหายไปด้วย…”

ต่งฮุยกล่าว

“เรื่องนี้ ข้าพอจะคาดเดาได้แต่แรก”

ต้วนหลิงเทียนยิ้มกล่าว “เพราะแบบนี้ข้าเลยไม่คิดจะฆ่ามัน…ข้าคิดใช้เรื่องนี้ยื่น ‘ข้อแลกเปลี่ยน’ กับตระกูลโอวหยางแทน”

คำว่า ‘ข้อแลกเปลี่ยน’ นั้น ต้วนหลิงเทียนเน้นหนักเป็นพิเศษ

ต่งฮุยเองก็สองตาลุกวาว มันทราบได้ทันทีว่า ‘ข้อแลกเปลี่ยน’ ของต้วนหลิงเทียนนั้น ต้องเล่นงานตระกูลโอวหยางแทบทรุดแน่!

“เช่นนี้น่าจักประเสริฐกว่าจริงๆ…”

ต่งฮุยพยักหน้าเห็นด้วย ค่อยกล่าวขอขมาออกมาหน้าซึม “ศิษย์น้องต้วน ศิษย์พี่ผู้นี้ไร้สามารถนัก เรื่องเท่านี้ก็มิอาจช่วยเจ้าได้…”

ในสายตาของมัน การที่มันไม่อาจลงมือทำลายตระกูลโอวหยางได้ เช่นนั้นมันก็ไม่มีคำอธิบายอะไรให้ต้วนหลิงเทียน ยิ่งไม่อาจอธิบายให้กับป๋ายลี่หงผู้กลายเป็นศิษย์พี่ของต้วนหลิงเทียนไปแล้วได้

ดังนั้นในใจมันจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด จึงได้แต่กล่าวขอขมาออกมา

“ศิษย์พี่ฮุยท่านจะกล่าวว่าไม่อาจช่วยข้าได้ยังไงกัน? หลังจากนี้เรื่องตระกูลโอวหยางข้าต้องมอบให้ท่านจัดการแล้ว”

ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ

“เช่นนั้นศิษย์น้องต้วนโปรดวางใจ ศิษย์พี่ผู้นี้จักจัดการเรื่องราวให้ดี!”

ต่งฮุยกล่าวคำมั่นออกมา

เช้าวันต่อมาของสกุลโอวหยาง ผู้นำตระกูลโอวหยางพอได้รับรายงานก็โมโหเป็นฟืนไฟ

“อะไรนะ? หาตัวไอ้ลูกไม่รักดีคนนั้นไม่พบ?”

โอวหยางป้ามองโอวหยางจี้ด้วยใบหน้าโมโห กล่าวถามเสียงเหี้ยม”อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเจ้าช่วยซ่อนมันเอาไว้เพราะเห็นแก่อาวุโสรอง?”

“ท่านผู้นำ ให้ข้าน้อยมีความกล้ามากกว่านี้อีก 10 เท่า ข้าก็มิกล้าขัดคำท่านหรอกขอรับ…”

ได้ยินวาจาเปี่ยมโทสะของโอวหยางป้า โอวหยางจี้ได้แต่กล่าวออกมาด้วยใบหน้าขื่นขม

โอวหยางป้าพอได้ยินก็คลายโทสะลงบ้าง

มันเพียงแต่ทดสอบโอวหยางจี้เท่านั้น มันยังเชื่อในตัวโอวหยางจี้ไม่น้อย เพราะโอวหยางจี้ไม่เคยขัดคำสั่งมันมาก่อน

“ท่านพ่อแล้วตอนนี้ท่านจะทำอย่างไรต่อไปเล่า? ยังจะไปหาเขาหรือไม่?”

โอวหยางหลัวกล่าวถามโอวหยางป้า

“ไป! ย่อมต้องไป!”

โอวหยางป้าตอบ ก่อนที่จะกัดฟันแล้วสบถออกมาอีกครั้ง “สารเลวไม่รักดีนั่น…หากข้าเจอมันเมื่อไหร่ข้าจะตีมันให้ตาย!”

ในขณะที่โอวหยางป้าวางแผนที่จะนำของขวัญจำนวนมากไปมอบให้ต้วนหลิงเทียนที่โรงเตี๊ยมที่พักเพื่อขอขมานั้นเอง…เสียงกังวลแฝงตื่นตระหนกพลันดังขึ้นมาแต่ไกล

“ท่านผู้นำแย่แล้ว! แย่แล้วขอรับ!!”

ผู้ที่วิ่งหน้าตั้งมาด้วยท่าทางร้อนรน เป็นคนของตระกูลโอวหยาง

กล่าวให้ชัดคือผู้ที่รับหน้าที่เฝ้าประตูหน้าของสกุลโอวหยาง

“มีเรื่องบัดซบอันใดอีก! ไฉนเจ้าถึงได้โวยวายนัก!?”

โอวหยางป้าแต่เดิมก็อารมณ์ขุ่นมัวเป็นทุน พอมาเจอเสียงเอะอะโวยวาย ก็ไม่ต่างใดจากเทน้ำมันราดรดกองไฟ กล่าวถามออกมาหน้าถมึงทึง

“ท่านผู้นำ คุณชาย..เป็นคุณชาย…”

ร่างผู้เฝ้าประตูที่พึ่งเร่งรุดมา ย่อมกล่าวออกตะกุกตะกักเพราะเหนื่อยหอบ ทว่ามันไม่ทันได้กล่าวจบคำ โอวหยางป้าก็ตะเบ็งเสียงถามออกมาเสียก่อน “เจ้าว่าอะไร? สารเลวนั่น! เจ้าพบมันแล้วหรือ? มันอยู่ที่ใด?!”

ทันทีที่กล่าวจบคำร่างโอวหยางป้าก็วูบไปหยุดหน้าผู้เฝ้าประตูคนนั้นปานสายลม ยังเปล่งกลิ่นอายพลังออกมาด้วยโทสะ

ด้านผู้เฝ้าประตูเมื่อเจอผู้นำอันน่าเกรงขามที่ปกติแล้วพวกมันได้แต่เหลือบมองไกลๆ พุ่งวูบมาอยู่ต่อหน้า มันย่อมไม่อาจทานรับแรงกดดันได้ไหว มีวาจาคิดกล่าวก็ไม่อาจกล่าวออก!

แรงกดดันจากผู้นำตระกูลโอวหยางนั้นทำให้มันหายใจไม่ออก!

“ท่านผู้นำ ให้ข้ากล่าวถามมันเองเถอะ”

ตอนนี้เองโอวหยางจี้พลันก้าวเข้ามาแทรกระหว่างโอวหยางป้ากับผู้เฝ้าประตูคนนั้น ยังขอให้ผู้นำตระกูลโอวหยางถอยไปสักสองสามก้าว ค่อยกล่าวถามผู้มาใหม่ “เจ้ามีอันใดก็ค่อยๆกล่าว มิต้องกลัว…”

“ขอรับ”

คนเฝ้าประตูตระกูลโอวหยางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองโอวหยางป้า เร่งกล่าวบอกเรื่องราวออกมาทันที “เรียนท่านผู้นำ เมื่อครู่มีคนของสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร มาส่งข้อความ…แจ้งว่าให้ท่านไปยังสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร เพื่อรับตัวคุณชายใหญ่กลับ…”