แจ้งเปลี่ยนชื่อรัฐจาก โรมินอส เป็น โรวีเนีย

—————–

สลัมเขตชานเมืองวิคกิดอร์

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลีอามาที่นี่ แต่เธอก็จะขมวดคิ้วทุกครั้งที่เห็นกระท่อมฟางเก่าที่พร้อมจะพังลงทุกเมื่อที่มีหิมะกองบนหลังคามากเกินไป และกลุ่มผู้ลี้ภัยที่ไร้ชีวิตชีวา

ส่วนใหญ่พวกเขาเป็นผู้ลี้ภัยจากโรวีเนียที่ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของเทียร์ร่า ในฐานะอดีตเจ้าหญิงของเทียร์ร่า ความหดหู่ที่เธอมีไม่อาจพรรณนาเป็นคำพูดได้เมื่อเห็นอดีตประชาชนของเธอตกต่ำลงมาจนถึงจุดนี้

แม้นายกเทศมนตรีของวิคกิดอร์จะไม่อนุญาตให้ผู้ลี้ภัยเข้าไปในเมือง แต่เขาก็ได้แบ่งปันทรัพยากรเล็กน้อยเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเหล่านี้เพื่อไม่ให้พวกเขาก่อปัญหา

แต่เศษอาหารที่แจกให้ทุกวันก็ไม่ได้ทำให้ผู้ลี้ภัยเหล่านี้อิ่มท้อง ใบหน้าของพวกเขาส่วนใหญ่ดูสิ้นหวัง พวกเขามักจะนอนแน่นิ่งอยู่ในกระท่อมที่ทรุดโทรมเพื่อรอคอยความตาย

พวกเขาต้องเผชิญกับความหิวโหยและความหนาวเหน็บอันทรมานทุกครั้งที่พวกเขาตื่น มันเป็นพรสำหรับพวกเขาแล้ว หากความตายจะมาพรากพวกเขาไปในยามหลับ

“งั้น? เจ้าก็กำลังวางแผนคัดเลือกผู้ลี้ภัยมาเป็นผู้ศรัทธาของเทพเจ้าแห่งเกมหรือ” ลีอาถามมาร์นี่ที่นั่งอยู่หน้ารถม้า เธอพยายามลืมโศกนาฏกรรมของผู้ลี้ภัยเหล่านี้ “เจ้าจะเทศนาในค่ายผู้ลี้ภัย และจะมอบอาหารให้กับใครก็ตามที่กลายเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงใช่ไหม”

ลีอาสังเกตเห็นอาหารมากมายในรถม้าของมาร์นี่เมื่อเธอเข้ามาซ่อนตัวอยู่ข้างใน มันมีกลิ่นหอมของข้าวสาลีย่างด้วย

“ไม่มีทาง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเมืองจะรีบมาจับข้าไปในเวลาไม่ถึงวันด้วยซ้ำถ้าข้าทำเช่นนั้น”

มาร์นี่ยิ้มอย่างร่าเริง แม้ว่าลีอามีวุฒิภาวะที่สูงกว่าคนในวัยเดียวกัน แต่เขาก็พบว่าเธอยังคงไร้เดียงสาหลังจากได้ใช้เวลาร่วมกับเธอมาพักหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะชื่อ ‘ยาการัน’ ของอดีตราชวงศ์เทียร์ร่าที่ลอยอยู่เหนือหัวของเธอ ใคร ๆ ก็คงจะคิดว่าเธอเป็นเด็กที่เกิดในหมู่บ้านชนบทแทนที่จะเป็นเจ้าหญิงผู้สูงส่ง “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ศาสนจักรเทพเจ้าแห่งเกมจะเผยตัวต่อสาธารณะ…”

“นั่นสินะ…” ลีอาถอนหายใจและทรุดตัวลงไปอยู่ในรถม้าอีกครั้งอย่างหดหู่

“ข้าวางแผนจะใช้ข้ออ้างเรื่องการจ้างแรงงานเพื่อรับคนที่มีสุขภาพแข็งแรงออกไปก่อน จากนั้นค่อยเผยแพร่หลักคำสอนของเทพเจ้าแห่งเกมให้พวกเขา ตอนที่เราเดินทางไปยังเมืองเริ่มต้น มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะอยากเป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกมหรือไม่ แม้พวกเขาไม่ศรัทธาเราก็ยังต้องการแรงงานเพื่อสร้างเมืองอยู่ เราแค่ต้องแน่ใจให้ได้ว่าเรื่องของเราจะไม่รั่วไหลไปยังคริสตจักรอื่น ๆ”

มาร์นี่ไม่ได้ปิดบังอะไร เขาอธิบายแผนทุกอย่างให้ลีอาฟัง “ที่จริงก็ไม่เป็นไรถ้าพวกเขาจะหนีและรั่วไหลเรื่องนี้ออกไป ตราบใดที่พวกเขาทั้งหมดไม่ได้แจ้งเรื่องของเราให้กับคริสตจักรเหล่านั้น ผู้ลี้ภัยไม่กี่คนแถบจะไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาของคนทั่วไป ไม่ต้องพูดถึงคนจากคริสตจักร”

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยรางวัลมากมายที่เทพเจ้าแห่งเกมมอบให้ คาดว่าคงมีไม่กี่คนที่จะทรยศต่อเทพเจ้าแห่งเกมเพื่อผลกำไรเพียงเล็กน้อย

“เจ้าต้องการแต่ผู้เยาว์หรือ…” ลีอาพึมพำ

“อ่า อย่าเข้าใจข้าผิด ข้าหมายความว่าข้ารับทั้งชายและหญิง ทั้งคนหนุ่มสาวและวัยกลางคน” มาร์นี่ตะลึงไปก่อนจะอธิบายว่า “หลังจากที่ข้าเคยเดินทางค้าขายไปทั่วอาณาจักรวัลลา ข้าก็เข้าใจว่ามันจะมีปัญหาหากข้ารับเพียงคนวัยหนุ่มสาวไป…”

พูดแล้วเขาก็เงยหน้ามองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีเทาเป็นเวลานาน ราวกับว่าเขากำลังระลึกถึงเรื่องราวในเก่า ๆ “อย่าถามข้าว่าทำไมข้าถึงรู้เรื่องนี้เลย”

ลีอาพยายามกลืนคำถามของเธอลงไป

จากนั้นเธอนึกออกแล้วว่าเธอต้องการจะถามอะไรในทีแรก

“ไม่ใช่สิ ข้าหมายถึงเด็กกับคนชราต่างหาก”

“คนที่ได้รับเลือกสามารถพาครอบครัวไปด้วยได้ ผู้สูงอายุหรือเด็ก ๆ ก็ไปได้หากว่าพวกเขาต้องการ” มาร์นี่ก็หันไปมองลีอา “แต่ข้าต้องพูดก่อนว่าข้าจะไม่หยุดรอพวกเขา หากพวกเขาตามไม่ทันและล้มลงระหว่างทาง”

“ฝ่าบาท” เขาพูดอย่างเศร้า ๆ ว่า “ข้าเชื่อว่าท่านคงรู้ว่าการเดินทางท่ามกลางหิมะเป็นเรื่องอันตราย ระหว่างทางมันอาจจะมีพายุหิมะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นก้อนน้ำแข็ง มีทั้งสัตว์ร้ายและสัตว์ประหลาดออกล่าเหยื่อ เช่นเดียวกลุ่มโจรที่คอยออกปล้นสะดมนักเดินทาง ทุกครั้งที่เราล่าช้า ความเสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้น”

“ข้าเข้าใจ ผ่อนคลาย ข้าไม่ได้ไร้เหตุผลเช่นนั้น”

ลีอาได้เห็นความเย็นชาและความโหดร้ายของโลกมาแล้ว แน่นอนว่าเธอจะไม่ทำตัวเหมือนนักบุญที่กล่าวหาว่าคนอื่นไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่นโดยไร้เหตุผล “ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความอ่อนแอของข้า ถ้าข้าแข็งแกร่งเทียร์ร่าก็คงจะไม่ล่มสลาย และโศกนาฏกรรมมากมายก็จะไม่เกิดขึ้น ข้าทำได้แต่โทษตัวเอง”

เธอเพิกเฉยต่อท่าทางประหลาดใจของมาร์นี่ที่อ่านได้ว่า ‘เด็กน้อย เรายังคุยเรื่องเดียวกันอยู่รึเปล่า’ เธอเอานิ้วแตะบนหน้าอกเพื่ออธิษฐานเงียบ ๆ “ข้าจะทำให้ดีที่สุด ข้าจะเข้มแข็งขึ้น ข้าแต่เทพเจ้าแห่งเกม โปรดอวยพรข้าด้วย”

ซีเว่ยซึ่งอยู่ห่างไกลในอาณาจักรศักดิ์สิทธิตกตะลึง เพราะเขาตระหนักได้ว่าตอนนี้มีผู้ศรัทธาที่เคร่งศาสนาเพิ่มมาอีกคนแล้ว เมื่อเขาตรวจดูเขาก็รู้ว่าคน ๆ นั้นคือลีอา ซึ่งก้าวขึ้นมาจากผู้ศรัทธาที่แท้จริงสู่ผู้ศรัทธาที่เคร่งศาสนา

หลังจากมีความสุขอยู่พักหนึ่ง ซีเว่ยก็ตระหนักว่าเด็กคนนี้ต้องการเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นเพื่อหยุดโศกนาฏกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าคลาสลับ [เจ้าหญิงนักรบ] เขาจะไม่ได้มอบมันให้ผิดคน หากเขามอบคลาสนักบุญหญิงฝึกหัดแบบเดียวกับเอลีน่าให้เธอ ศาสนจักรเทพเจ้าแห่งเกมอาจจะมีนักบุญที่ต่อยท้องฟ้าจนเมฆกระจายและเท้ากระทืบพื้นแตกเกิดขึ้น…

ในขณะที่พวกเขาคุยกัน มาร์นี่และลีอาก็มาถึงค่ายผู้ลี้ภัย

ตอนที่มาร์นี่กำลังคิดคำพูดปลุกระดมเหล่าผู้ลี้ภัยอยู่นั้น จู่ ๆ เสียงของของชายแก่คนหนึ่งก็ดังขึ้น

“เจ้าหญิงลีอา อ่า นี่ตาที่ฝ้าฟางของข้าไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม!”

ทั้งลีอาและมาร์นี่หันไปมองต้นเสียงด้วยความประหลาดใจ

ในกระโจมที่เย็บจากเศษผ้าสกปรกมีชายชราร่างผอมคนหนึ่งกำลังจ้องมองลีอาอย่างมึนงง น้ำตาของเขาไหลอาบใบหน้าคล้ำแดดที่เหี่ยวย่น

“ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับท่านอีกครั้ง ฝ่าบาท…ชีวิตนี้ข้าไม่เสียดายแล้ว…”

“เจ้าคือ…” ลีอามองไปที่เขาสักพัก ก่อนที่เธอจะพบว่ามีชายชราคนหนึ่งในความทรงจำของเธอที่ตรงกับคนตรงหน้าเธอ “คุณปู่นายทะเบียน”

——————————————————————————————————————————————————————-