ในความทรงจำของลีอานายทะเบียนเป็นชายสูงอายุรูปร่างอวบอ้วนและผิวขาว ซึ่งห่างไกลจากชายชราที่ผอมแห้งและผิวคล้ำตรงหน้าเธอ หากไม่ใช่ความจริงที่ว่าท่าทางการแสดงออกของเขาดูคุ้นเคย เธอก็คงจะจำเขาไม่ได้

“ท่านจำข้าได้หรือฝ่าบาท? นี่ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง…”

ชายชราตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น เขาต้องการก้าวออกมาเพื่อทำความเคารพเธอ แต่สภาพอันน่าสมเพชในปัจจุบันของเขาก็ทำให้เขาหยุดชะงักลง

เมื่อเห็นแบบนั้นลีอาก็ก้าวออกไปจับมือของเขา “คุณปู่นายทะเบียน หลายปีมานี้คงเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับท่านมาก…”

เมื่อเห็นแบบนี้มาร์นี่จึงพูดขึ้นมาว่า “นี่ไม่ใช่ที่ที่ดีที่เราจะพูดคุยกัน ไปคุยต่อในกระโจมกันเถอะ”

เขายิ้มและมองไปรอบ ๆ สายตาที่แหลมคมของเขาสังเกตุเห็นผู้ลี้ภัยคนอื่น ๆ จ้องรถม้าเขาตาเป็นมัน

ด้วยเหตุนี้มาร์นี่จึงชักดาบออกมาอย่างใจเย็น เขาเหวี่ยงดาบลงพื้นและเปิดใช้งานทักษะของวอริเออร์ ‘ดาบผ่าปฐพี’ อย่างลับ ๆ

ภายใต้ผลของทักษะนี้ ร่องลึกก็ปรากฏขึ้นเป็นวงกลมล้อมรอบรถม้าทันที

จากนั้นเขาก็ฟาดดาบลงกับพื้นอีกครั้งและเปิดใช้งานทักษะ ‘Focused slam’ เพื่อระเบิดหลุม!

เมื่อพอใจกับผลงานแล้วเขาก็เก็บดาบกลับเข้าไปในฝัก

คำพูดไม่มีค่าเท่ากับการแสดงพลัง ผู้ลี้ภัยหน้าตาซูบเซียวต่างพากันหวาดกลัวและถอยกลับเข้าไปในเงามืด พวกเขาไม่กล้าที่จะมองไปทางรถม้าอีกต่อไป

เมื่อเห็นว่าการแสดงพลังของเขาได้ผล มาร์นี่จึงเดินตามลีอาเข้าไปในกระโจม

“คุณปู่นายทะเบียน เกิดอะไรขึ้นในโรวีเนีย” ลีอาถามด้วยความกังวล

“ชายชราคนนี้รู้สึกอับอายอย่างยิ่ง ตามพระประสงค์สุดท้ายขององค์ราชา ข้ายังคงแอบเผยแพร่เรื่องราวอารยธรรมของเทียร์ร่าหลังจากที่อาณาจักรของเราถูกรุกราน แต่ตอนนี้แม้แต่เมืองหลวงของเรารัฐโรวีเนียก็ยังถูกทำลายโดยพวกสารเลวเหล่านั้น วิหารแห่งความรุ่งโรจน์ พวกมันได้ปล่อยสายฟ้าแห่งการตัดสินเข้าทำลายบ้านเรือนทุกหลังที่เราสร้าง ในขณะที่โบสถ์สีขาวอันสว่างไสวได้เรียกเปลวไฟสีขาวเข้ามาเผาบ้านเมืองของเราเป็นเวลาสามวันสามคืน ทุกอย่างจบลงแล้ว…” ชายชราผู้มีอายุเกือบ 70 ปีกล่าวด้วยความปวดร้าว เมื่อเขามองไปที่ลีอา เขาก็ร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก ๆ

“ถ้าหากไม่ใช่เพราะข้าต้องดูแลเหล่าลูกศิษย์ของข้า ข้าคงจะใช้ร่างกายที่แก่ชราและผุพังนี้เพื่อปกป้องบ้านเมืองของเราและตายไปพร้อมกับองค์ราชา!”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายชราสีหน้าของมาร์นี่ก็ไม่เปลี่ยนแปลง แต่อคติของเขาที่มีต่อเทพเจ้าองค์อื่นก็เพิ่มพูนขึ้นมาก

ผิดกับลีอาที่ได้ใช้เวลาครึ่งชีวิตเกิดและเติบโตในโรวีเนีย เธอกัดฟัน เธอโกรธแค้นและเกลียดชังพวกมัน แต่เธอก็ไม่ได้ประมาทพอที่จะเดินทางไปแก้แค้นคริสตจักรทั้งสองนี้เพียงลำพัง เธอได้แต่จดจำหนี้เลือดนี้เอาไว้ในใจ

“มันยังไม่จบ!” เด็กสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ เธอจ้องมองชายชราและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังที่สุดในชีวิตเธอ “ตราบใดที่ข้ายังคงหายใจอยู่ และตราบใดที่เทพเจ้าแห่งเกมยังคอยเฝ้าดูข้าอยู่ ทุกอย่างก็ยังไม่จบ!”

“ทะ เทพเจ้าแห่งเกม ท่านพูดว่าเทพเจ้าแห่งเกมงั้นหรือ?”

เห็นได้ชัดว่าชายชราไม่เชื่อในเทพเจ้าแห่งเกมอีกต่อไปเหมือนอย่างที่ลีอาเคยเป็น ไม่เช่นนั้นซีเว่ยก็คงสัมผัสได้ถึงความยากลำบากที่เขาต้องเผชิญ

ลีอาหันไปมองมาร์นี่เพื่อขอคำยืนยัน มาร์นี่พยักหน้าอย่างเงียบ ๆ

เมื่ออีกฝ่ายไม่คัดค้าน ลีอาก็เริ่มเล่าถึงการตื่นขึ้นมาของเทพเจ้าแห่งเกม เล่าถึงพรที่เทพเจ้าแห่งเกมมอบให้แก่ผู้ศรัทธาของพระองค์ รวมถึงความจริงที่ว่าพวกเขามาที่ค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้เพื่อรับสมัครผู้ศรัทธา

หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดนี้นายทะเบียนก็ช็อกไป แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาหลับตาลงเหมือนกำลังใคร่ครวญอะไรบางอย่างอยู่

อย่างไรก็ตามชายชราหลับตาไปนานมากจนมาร์นี่เริ่มจะหมดความอดทน เขาคิดว่าชายชราเผลอหลับไปแล้ว

ในขณะที่มาร์นี่กำลังจะทดสอบว่าชายชราหลับจริงรึเปล่า ชื่อสีขาวก็โผล่ขึ้นมาบนหัวของชายชรา นั่นหมายความว่าความศรัทธาของเขามากเกินกว่าผู้ศรัทธาที่ตื้นเขิน และตอนนี้เขาก็กลายเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงแล้ว!

“พลังนี้…เหลือเชื่อ!” ชายชราลืมตาขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าที่ซับซ้อน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและเสียใจ “ถ้าข้าไม่ละทิ้งศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม และยังคงศรัทธาในตัวพระองค์เหมือนอย่างที่องค์ราชาทรงทำ แม้ว่าข้าจะไม่อาจป้องกันโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเมืองหลวงของเราได้ แต่ข้าก็คงสามารถช่วยเหลือผู้คนได้มากกว่านี้…”

“คุณปู่นายทะเบียน…” ลีอาจ้องมองชื่อที่ลอยอยู่เหนือหัวชายชราอย่างเหลือเชื่อ และไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรดี เธอต้องใช้เวลาและพลังงานอย่างมากเมื่อเธอพยายามทำให้องครักษ์ของเธอกลายเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง แต่ชายชรากลับทำสำเร็จได้ในไม่กี่นาทีโดยไม่ต้องพึ่งคำแนะนำใด ๆ แบบนี้แล้วจะไม่ให้เธอแปลกใจได้ยังไง?

“ข้าเพียงฟื้นศรัทธาในอดีตของข้าเท่านั้นองค์หญิง ข้าไม่อาจเทียบกับท่านได้ ท่านคือผู้ที่ค้นพบการคืนชีพของเทพเจ้าแห่งเกม ท่านต่างหากที่ยอดเยี่ยมที่สุดฝ่าบาท!” ชายชราดูเหมือนจะแสดงความเคารพต่อลีอามากขึ้นกว่าเดิม

มาร์นี่เหลือบมองเลเวลที่ปรากฏบนหัวเจ้าหญิงและแอบบ่นอยู่ในใจว่า หากเขาไม่ได้เสียชีวิตไป 3 ครั้งและเสีย EXP ไปบางส่วน บางทีเจ้าหญิงคนนี้ก็คงไม่มีเลเวลสูงกว่าเขาด้วยซ้ำ…

เขากระแอมในลำคอและกลับเข้าเรื่อง “เราสามารถมาถกเถียงกันได้ภายหลังว่าใครคือผู้ที่ยอดเยี่ยมกว่ากัน แต่แผนการรับผู้ลี้ภัยเข้ามาเป็นผู้ศรัทธาใหม่ ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง”

มันเป็นเควสของเขา เขาเลยกังวลกับเรื่องนี้มากที่สุด

“ถ้าท่านถามคำถามนี้กับคนอื่น เขาอาจไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้ท่านได้ แต่ท่านถามถูกคนแล้ว”

นายทะเบียนที่เพิ่งได้รับพรจากระบบดูมีพลังและมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม เขาดูแตกต่างจากชายชราป่วย ๆ เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง

เขากล่าวอย่างมั่นใจว่า “กว่าจะมาถึงจุดนี้เราได้พบกับปัญหาและความยากลำบากมากมายระหว่างทาง มีคำกล่าวไว้ว่า วิธีที่ดีที่สุดในการมองตัวตนที่แท้จริงของคน ๆ หนึ่งก็คือการมองปฏิกิริยาของพวกเขา ตอนที่พวกเขาต้องเผชิญกับภัยอันตราย ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ที่ติดตามข้ามาเพื่อหาเงิน ได้แสดงให้เห็นถึงใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขาแล้ว ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ข้าได้พบคนที่สามารถไว้วางใจได้อย่างแท้จริง ข้าสามารถเลือกคนให้ท่านได้เป็นร้อยคน แต่ข้าไม่อาจสัญญาได้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม แต่ข้ามั่นใจอย่างแน่นอนว่าไม่มีใครที่โลภและเห็นแก่ตัว!”

“เยี่ยมมาก!” มาร์นี่อดไม่ได้ที่จะมีความสุขกับคำพูดของชายชรา

ตามแผนเดิม แม้ว่าเขาจะไม่มีปัญหากับการมีคนโลภและคนเห็นแก่ตัวอยู่ในกลุ่มผู้ลี้ภัยที่เขารับไป เพราะเขามั่นใจว่าเขาจะสามารถกำจัดคนพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย แต่การที่ไม่มีคนคอยมาสร้างความเดือดร้อนให้ มันก็ดีกว่า ดังนั้นความช่วยเหลือจากนายทะเบียนจึงช่วยเขาได้มาก

ความประหลาดใจที่ไม่คาดคิดนี้ ทำให้มาร์นี่รู้สึกว่าการที่เขาเสียเวลารอลีอาคุยกับชายชรานั้นไม่ได้สูญเปล่า

“ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ควรเสียเวลา มาทำให้เสร็จก่อนที่เราจะดึงดูดความสนใจของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเมืองกันเถอะ” มาร์นี่พูด

ลีอาพยักหน้าเห็นด้วย เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะระลึกความหลังกับนายทะเบียน เธอยังคงถูกตามล่าโดยพวกลัทธิกระดูกเน่า ดังนั้นการรีบจบธุระที่นี่และออกจากวิคกิดอร์โดยเร็วคือทางเลือกที่เหมาะสม