บทที่ 96 มีปากเสียงกันขึ้นมาเสียแล้ว

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 96 มีปากเสียงกันขึ้นมาเสียแล้ว

“ท่านกู่ หลานสาวของท่านคงจะซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้วใช่ไหมครับ อยู่ด้านในสินะครับ?”

จู่ ๆ มู่เซิ่งก็เปิดปากกล่าวขึ้นมา กระทั่งกู่มู่สวีนก็ล้วนมาแล้ว กู่ชิงเสวียนเธอคงจะไม่มีเหตุผลที่จะไม่มาด้วย

“เสี่ยวมู่ ปกปิดอะไรคุณไม่ได้เลยจริง ๆ สินะ” กู่มู่สวีนเผยสีหน้าหมดคำจะกล่าวออกมา

กู่ชิงเสวียนมาเร็วกว่าเขาเสียอีก หลังเขามาแล้วก็เข้าไปเสริมเครื่องสำอางในห้อง บอกว่ากลัวเครื่องสำอางหลุดอะไรสักอย่าง ตอนนี้ถูกมู่เซิ่งกล่าวถูกจุดเสียแล้ว กู่มู่สวีนเองจึงรู้สึกเก้อเข่นเช่นเดียวกัน

“อาจารย์ ตรงนี่ค่ะ!”

รอหลังจากที่เดินเข้าประตูใหญ่มาแล้ว มู่เซิ่งได้ยินเสียงจึงหันศีรษะตามไป หลังจากนั้นจึงอดที่จะตกตะลึงไม่ได้

กู่ชิงเสวียนในวันนี้สวมใส่ชุดกระโปรงยาวที่ขาวทั้งตัว รูปร่างสะโอดสะอง เผยลำคอยาวระหงออกมาด้านนอก งดงามทำผู้คนตกตะลึง ทว่ากลับส่งกลิ่นอายงดงามไม่ขาดสาย เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นเท่านั้น ทั้งก็สามารถดึงดูดสายตาจากผู้คนนับไม่ถ้วนได้

และบนใบหน้าของเธอก็แต่งเติมเครื่องสำอางบาง ๆ เพียงชั้นเดียวเท่านั้น กำลังยกไม้โบกมือให้มู่เซิ่งอย่างตื่นเต้น ภายในดวงตามีประกายวับวาวเต็มไปหมด

ตึกตัก…

ถึงแม้ว่ามู่เซิ่งจะมีการตระเตรียมใจมาแล้วก็ตาม ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไปหนึ่งอึกเช่นเดียวกัน

กู่ชิงเสวียนเดินมุ่งหน้ามาหามู่เซิ่ง เป็นการยากที่จะห้ามความดึงดูดบนร่างไม่ให้ออกมา กลิ่นอายราวกับเติบใหญ่เลยก็ไม่ปาน

มู่เซิ่งอดไม่ได้ที่จะมองจนตะลึงจังงัง

“อาจารย์คะ คุณกำลังมองอะไรอยู่หรือคะ?” กู่ชิงเสวียนหรี่ตาไปมา ราวกับว่าเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งเลยก็ไม่ปาน

มู่เซิ่งส่ายศีรษะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนโบกมือพลางกล่าวว่า “ไม่ ไม่มีอะไร”

เป็นในตอนนั้นเอง ข้างกายของกู่ชิงเสวียนมีชายหนุ่มชุดสูทคนหนึ่งเดินออกมาเช่นเดียวกัน ท่วงท่ายำเกรงมั่นคง โค้งคำนับให้กับมู่เซิ่งไปหนึ่งหน ก่อนจะกล่าวทักทายว่า “สวัสดีครับพี่มู่”

“นายคือ?” สบตามองฝ่ายตรงข้าม มู่เซิ่งยังนึกไม่ออก

“เขาคือซูเคออย่างไรละคะ คนที่เกือบจะถูกคุณต่อยสามหมัดจนตาย” กู่ชิงเสวียนกล่าวแนะนำอย่างเสียงดัง

“ที่แท้ก็เป็นนายไอ้หนุ่มคนนั้น”

มู่เซิ่งพลันเข้าใจขึ้นมาในทันที

สีหน้าของซูเคอเก้อเขินเล็กน้อย กล่าวว่า “พี่มู่ครับ เป็นผมเองครับ เรื่องราวที่ฝั่งแม่น้ำในตอนก่อนหน้านี้ หวังว่าพี่จะไม่ถือสา”

เขาเคยกล่าวคำพูดไร้มารยาทต่อมู่เซิ่งที่ฝั่งแม่น้ำมาก่อน หลังจากที่ถูกบทเรียนสั่งสอนเข้าให้แล้ว ดังนั้นจึงแอบสาบานตนอย่างลับ ๆ ว่าจะไม่ไปหาเรื่องหาราวกับมู่เซิ่งอีก แต่หลังจากนั้นมาก็ได้เห็นมู่เซิ่งเขาขึ้นเวทีแล้วเอาอย่างอยู่หมัดราวกับเป็นเทพสงครามที่ออกโรงเองเลยก็ไม่ปานอีกครั้ง แถมยังสามารถต่อสู้กับโอหยางฟู่เช่อได้อย่างสูสี เขาจึงนำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวต่อบิดา คิดไม่ถึงเลยว่าหลังบิดาของเขาได้ยินเรื่องอึกทึกโครมนี้แล้ว กลับสั่งการให้เขาไปกล่าวขอโทษต่อมู่เซิ่งเสียอย่างนั้น ทั้งยังประคบประหงมต่อมู่เซิ่งโดยไม่สนใจอะไรอีกด้วย

ซูเคอไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดบิดาถึงได้บันดาลโทสะขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทว่าเขาเองก็ไม่กล้าเข้าไปหามู่เซิ่งตรง ๆ เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงได้แต่ไปไหว้วานกู่ชิงเสวียนให้ช่วยแนะนำให้หน่อย

“ไม่เป็นไร ฉันลืมไปหมดแล้วล่ะ” มู่เซิ่งโบกมือไปมาอย่างไม่ได้สนใจอะไร

ทุก ๆ คนล้วนเดินเข้าไปในสถานที่จัดงานประมูลแล้ว

สถานที่หลังที่จัดงานนั้นอยู่ชั้นบนสุดของอาคารปี้ลั่ว นี่เองก็เป็นห้องประชุมระดับสูงที่สุดของทั้งเจียงหนานเช่นเดียวกัน แถมในนั้นยังคึกคักเป็นอย่างมาก สามารถบรรจุคนได้กว่าพันคนได้อย่างง่ายดาย

การดำเนินงานของวันนี้นั้น คือหลังจากห้าโมงจะดำเนินการชื่นชมประเมินวัตถุโบราณและการประมูล หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการประมูลหินหยาบ เป็นเพราะว่ากิจกรรมในหนนี้มันยิ่งใหญ่เกรียงไกร ดังนั้นผู้คนที่สนใจกับวัตถุโบราณตาถึงจำนวนไม่น้อยก็ล้วนมางานกันทั้งสิ้น

ในห้องประชุมถูกจัดแต่งไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั่วสี่ทิศมีพื้นที่ว่าง สองข้างทางล้วนเต็มไปด้วยสิ่งของอย่างผลไม้เค้กขนม เครื่องดื่มสุราน้ำเปล่าทุกอย่างมีพร้อม ล้วนสามารถมาเลือกหยิบได้ทุกเวลา และหลังจากที่คุณหยิบไปหนึ่งแก้วแล้ว พนักงานก็จะรีบมาเติมอย่างรวดเร็วในทันที

ในตอนนั้นเอง ในห้องประชุมมีคนมาเป็นจำนวนไม่น้อยแล้ว ด้านหนึ่งพลางถือแก้วไวน์ อีกด้านหนึ่งพลางจับกลุ่มพูดคุยกัน

“พี่มู่ ทางนี้ครับ นี่คือตำแหน่งที่ผมได้ตระเตรียมเอาไว้ให้พวกพี่เป็นกรณีพิเศษ” ซูเคอชี้ไปยังที่นั่งแถวหน้าพลางกล่าว

เพราะมีกู่ชิงเสวียนคนงามเช่นนี้อยู่หนึ่งท่าน ในระหว่างที่เดินเข้ามานั้น มันจึงเรียกสายตาจากบุรุษจำนวนไม่น้อยตรงหน้าได้ กระทั่งมีบุรุษจำนวนไม่น้อยที่แสร้งทำท่าทีอกผายไหล่ผึ่ง คิดอยากที่จะเข้ามาร่วมวงด้วย ทว่าหลังพวกเขามองเห็นซูเคอที่อยู่ข้างกายกู่ชิงเสวียนแล้วนั้น ก็ล้วนล่าถอยกลับไปเสียอย่างนั้น

เพราะซูเคอนั้นเป็นถึงคุณชายแห่งตระกูลซู ผู้ที่ไล่ตามจีบกู่ชิงเสวียนนั้น น้อยเป็นอย่างมากที่จะมีคนยอมเป็นอริกับเขา

แต่ถ้าพวกเขาได้ทราบว่า ณ ตอนนี้ซูเคอนับถือกู่ชิงเสวียนเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ไปตั้งนานแล้ว ใจล้วนจับคู่เธอกับมู่เซิ่งกันมาสองคนมาโดยตลอด เกรงว่าพวกเขาคงกลัดกลุ้มจนกระอักเลือดออกมาเป็นแน่

ทุกคนนั่งลงกันหมดแล้ว หลังผู้เป็นพิธีกรได้ทำการเปิดงานอย่างง่าย ๆ เสร็จแล้ว ไม่นานนักการประมูลก็เริ่มต้นขึ้น

“พี่สะใภ้ใหญ่ นี่เป็นป้ายหมายเลขของผมเองครับ ถ้าพี่มีของอยากจะซื้อแล้วก็ให้ยกป้ายหมายเลขของผมขึ้นโดยตรงเลยก็พอครับ พี่มีอะไรที่อยากดื่มไหมครับ? ผมกลัวว่าอีกประเดี๋ยวตะโกนราคากันแล้วจะเหนื่อยเอา” ซูเคอกล่าวด้วยความเป็นห่วงเป็นใยเป็นอย่างมาก ท่าทีขึงขังราวกับเป็นน้องเล็กรับใช้เลยก็ไม่ปาน

“ถ้าอย่างนั้นนายก็ไปเอาน้ำผลไม้มาสักแก้วก็แล้วกัน”

เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ากู่ชิงเสวียนยอมรับต่อการเรียกขานว่าพี่สะใภ้ใหญ่นี้แล้ว ดวงตาทั้งสองข้างโค้งมนราวกับจันทร์เสี้ยว อีกนิดเดียวก็เกือบส่งเสียงหัวเราะออกมาอยู่แล้ว

“พี่ใหญ่ พี่ละครับ?” ซูเคอหันศีรษะไปหา

“ของฉันไม่ต้องแล้ว” มู่เซิ่งกล่าวอย่างหมดคำจะกล่าว

ซูเคอเอาใจมากเสียขนาดนี้ มันล้วนทำให้มู่เซิ่งรู้สึกผิดเล็กน้อยเลยทีเดียวที่ก่อนหน้านี้ได้ทุบตีเขาไป

หลังหยิบน้ำผลไม้แก้วหนึ่งมาแล้ว ซูเคอก็นั่งกลับไป

และป้ายหมายเลขของเขานั้น ทั้งก็มีกู่ชิงเสวียนที่เป็นคนส่งมอบมันให้กับมู่เซิ่งไปแล้วเช่นเดียวกัน ในเมื่อเธอนั้นทราบดีว่าในหนนี้มู่เซิ่งมาเพื่อซื้อของ ส่วนจะซื้ออะไรนั้น คุณปู่ไม่ได้บอกเธอ กู่ชิงเสวียนจึงไม่กระจ่าง

ไม่นานนัก วัตถุโบราณก็ทยอยออกมากันที่ละกลุ่มทีละกลุ่ม ทั้งหมดล้วนถูกยกออกมาจากหลังเวที

ทว่าวัตถุโบราณสิบสองชิ้นที่ถูกยกออกมานั้น ทั้งก็ไม่มีที่เหมาะสมมากเกินไปเหมือนกัน หากไม่ได้เป็นเพราะว่าราคาสูงมากเกินไปก็เป็นเพราะธรรมดามากเกินไป มู่เซิ่งก็ต่างล้วนไม่ถูกตาต้องใจทั้งสิ้น กลับกันนั้นกู่ชิงเสวียนกลับจ่ายล้านสองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อนซื้อเครื่องประดับชิ้นเล็กมาชิ้นหนึ่ง

“มู่เซิ่ง คุณดูหน่อยสิคะว่าสิ่งเป็นอย่างไรบ้าง?”

กู่ชิงเสวียนชูปิ่นปักผมที่ประมูลมาพลางเอ่ยถาม

“สีมรกตสุกสว่าง แกะสลักอย่างประณีต คงจะเป็นของใช้ในพระราชวัง เธอได้กำไรแล้ว” มู่เซิ่งสบตามองไปหนึ่งหน ก่อนจะกล่าววิจารณ์ออกมา

การที่กู่ชิงเสวียนประมูลสิ่งนี้มานั้น เกรงว่าคงจะเป็นชิ้นที่ทำกำไรมากที่สุดในวัตถุโบราณทั้งสิบสองชั้นแล้ว

กู่มู่สวีนที่นั่งอยู่ทางด้านหลังเองก็พยักหน้าเล็กน้อยเช่นเดียวกัน หลานสาวของเขาสายตาไม่เลวเลยทีเดียว ถือว่าการติดตามได้รับการถ่ายทอดความรู้อยู่ข้างกายเขามานานไม่เสียแรงเปล่า

ในลำดับต่อมา เป็นช่วงเวลาแห่งการประมูลวัตถุโบราณและการจับจ่ายซื้อขายกันเองแล้ว

อันที่จริงแล้วกิจกรรมในหนนี้ได้รั่วไกลไปไม่น้อยแล้ว ทว่าสิ่งของมากมายเหล่านั้นที่ทางฝั่งผู้จัดงานได้รวบรวมมาที่นี่ นำวัตถุโบราณทุกอย่างทั้งหมดมายังสถานที่จัดงานแล้วทำการประมูลหรือไม่ก็เสนอราคา เดิมทีคนธรรมดามาได้เพราะมีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งยังมีผู้มีฝีมือระดับสูงในการเฟ้นหาวัตถุล้ำค่าอยู่ไม่น้อย ที่ต่างก็พากันเฝ้ารอว่าจะสามารถหาวัตถุโบราณมูลค่าสูงได้สักหนึ่งอย่าง

กิจกรรมในครั้งนี้ทั้งก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่กู่มู่สวีนให้ความสนใจมากที่สุดเช่นเดียวกัน หากสามารถประมูลวัตถุโบราณบนเวทีได้ มากน้อยก็ถูกทุก ๆ คนเชยชมกันมาก่อนแล้วทั้งนั้น โดยปกติราคาซื้อขายจะใกล้เคียงกับราคาจริง อีกอย่างหนึ่ง เขาเองก็ให้ความใส่ใจต่อโบราณมาแล้วทั้งชีวิต กลับกันนั้นก็ชมชอบความรู้สึกที่ได้ค้นพบของล้ำค่าอีกด้วย

หลังเขากล่าวลากับมู่เซิ่งไปหนึ่งเสียงแล้ว ไม่นานนักก็พุ่งเข้าไปในกลุ่มคน

“อาจารย์คะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราละคะ?”

กู่ชิงเสวียนสบตามองกลุ่มคน ทั้งก็ตื่นเต้นอยากลองด้วยเช่นเดียวกัน

มู่เซิ่งหมดคำจะกล่าว ในเมื่อเธอพูดออกมาขนาดนี้แล้ว เขายังสามารถปฏิเสธอยู่ได้หรือไร?

ทั้งสามคนเดียวเข้าไปในกลุ่มคน ทุกคนล้วนคึกคักกันขึ้นมาแล้ว

มู่เซิ่งเองก็มอง ๆ ดูไปอย่างเรื่อยเปื่อยเช่นเดียวกัน อีกอย่างคือกำลังรอหินหยาบเปิดตัวอยู่ ดังนั้นตอนนี้เองก็ถือว่าเป็นการฆ่าเวลาด้วยเช่นเดียวกัน

ใครจะไปรู้ว่าผ่านมากกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ซูเคอกลับวิ่งกุลีกุจอเข้ามาหา เหงื่อเม็ดโตเต็มศีรษะ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายว่า “พี่มู่ แย่แล้วครับ กู่ชิงเสวียนปะทะฝีปากกับคนอื่นขึ้นมากันแล้วครับ”

“เกิดอะไรขึ้น?”

มู่เซิ่งขมวดคิ้ว

ถึงแม้ว่ากู่ชิงเสวียนจะเป็นคุณหนูหญิงใหญ่แห่งตระกูลกู่ก็ตาม ทว่าก็ไม่ได้มีนิสัยวางอำนาจของคุณหญิงใหญ่เช่นเดียวกัน เหตุใดจึงทะเลาะกับคนอื่นขึ้นมาได้ง่าย ๆ เช่นนี้

“บอกได้ไม่ชัดเจนในทันทีครับ พี่มู่ครับ พี่รีบมาเถอะครับ” ซูเคอกล่าว

“ได้”

วางวัตถุโบราณในมือลง มู่เซิ่งจึงกุลีกุจอตามซูเคอไปทันที

พวกเขาผ่ากลุ่มคนเข้าไป ไม่นานนักก็มาถึงตำแหน่งทางด้านหน้าแล้ว

มู่เซิ่งรีบวิ่งเข้าไปทันที เบียดเสียดกลุ่มคนเข้าไปข้างในแล้ว

เห็นเพียงแค่กู่ชิงเสวียนยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนเท่านั้น ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยโทสะ เธอกำลังยื่นนิ้วชี้พัดในมือและปะทะฝีปากกับบุรุษผอมเพรียวคนหนึ่งอยู่ “นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันพึ่งจะซื้อไปเมื่อตะกี้เลย นี่เป็นของปลอมค่ะ เมื่อกี้นี้คุณสลับของใช่ไหม!”

บุรุษผอมเพรียวที่คงจะเป็นเจ้าของพัดอันนี้ เขาเหลือกตามองบนไปหนึ่งหน กล่าวว่าไม่มีความเกรงกลัวว่า “ล้วนกล่าวว่าขอห่างมือก็ไม่ต้องรับผิดชอบแล้ว พัดอันนี้อยู่บนมือคุณตลอด ผมจะสลับเปลี่ยนได้อย่างไรครับ?”

“แล้วอีกอย่างหนึ่งนะครับ ไม่แน่ว่าเป็นตัวคุณเองที่มองผิดเองแล้วก็ได้นะ? แม่หนูน้อย ฝีมือไม่มีเลยนะครับ กลับมาใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นเป็นชุด ๆ แบบนี้”

“คุณพูดจาส่งเดช เห็น ๆ กันอยู่ว่าพัดอันนี้มันไม่ใช่แบบที่ฉันพึ่งดูเมื่อตะกี้นี้!”

ถูกใส่ร้ายป้ายสีท่ามกลางกลุ่มคน กู่ชิงเสวียนบันดาลโทสะจนไม่ไหวแล้ว กำมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันเอาไว้แน่น อีกนิดเดียวก็เกือบจะออกหมัดต่อยไปแล้ว

ในตอนนั้นเอง เป็นมู่เซิ่งที่เดินเข้ามาหาแล้ว