มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 97 มองผิดไป

“มู่เซิ่ง คุณมาแล้วหรือ?”

มองเห็นมู่เซิ่งเดินเข้ามาแล้ว กู่ชิงเสวียนจึงกุลีกุจอวิ่งเข้ามาพลางกล่าวว่า “พ่อค้าขูดเลือดขูดเนื้อคนนี้ไร้ยางอายเกินไปแล้วค่ะ กลับกล้าสลับเปลี่ยนพัดอันที่ฉันพึ่งจะเลือกไปได้ตะกี้!”

“เหอะ ๆ ยายหนู คุณมีหลักฐานหรือไง? ถ้ามาขัดขวางฉันขายของอีกละก็ ระวังฉันจะฟ้องเธอเอานะ!”

บุรุษผอมเพรียวกล่าวคำอย่างมีความมั่นใจ เพราะเขารู้จักผู้รับผิดชอบของในนี้ ดังนั้นจึงไม่หวาดกลัวกู่ชิงเสวียน

“คุณ คุณ…”

กู่ชิงเสวียนกัดฟันแน่

มู่เซิ่งกลัวว่าเธอจะเสียเปรียบ จึงกล่าวขึ้นมา ณ ตอนนั้นว่า “กู่ชิงเสวียน เธออย่าพึ่งรีบร้อนไปก่อน เอาพัดอันนี้มาให้ฉันดูหน่อย”

“คือพันปลอมอันนี้ค่ะ!” กู่ชิงเสวียนนำพัดส่งให้มู่เซิ่งแล้ว

“เหอะ ๆ มีตาหามีแววไม่ ถึงแม้ว่าจะให้พัดจริงกับคุณไป คุณจะดูออกหรือไง?” บุรุษผอมเพรียวเห็นมู่เซิ่งจะยื่นมือเข้ามาสอดเรื่องนี้ ดังนั้นจึงส่งเสียงหึเย้ยหยันหนึ่งเสียง ก่อนจะเปิดปากกล่าววาจาถากถาง

มู่เซิ่งเองก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไรเช่นเดียวกัน ก่อนจะรับพัดในมือของกู่ชิงเสวียนมา

พัดโบราณอันนี้ กระดูกพัดกับกระดุมพัดเมื่อสัมผัสขึ้นมาแล้วให้ความรู้สึกกลมกลึงระคนผ่านมาหลายยุคหลายสมัย หากพึ่งสัมผัสมือเพียงอย่างเดียว มันจะเป็นการยากเป็นอย่างมากที่จะมองออกว่านี่คือพัดปลอม ทว่าเมื่อมู่เซิ่งเปิดหน้าพัดออกมานั้นเอง ก็พบแล้วว่ามันไม่ปกติ

เนื้อหาในหน้าพัดนี้เบาบางเป็นอย่างมาก ภาพวาดโบราณสามัญธรรมดา ตัวอักษรสละสลวย ทว่ามองดูเข้าไปแล้วราวกับเคยถูกน้ำล้างมาก่อนเลยก็ไม่ปาน มันเส้นบาง ๆ เป็นชั้น ๆ มุมล่างขวามีอักษรตัวบรรจงที่ ณ ตอนนี้มันเลือนรางไม่ชัดเจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เดิมก็มองประวัติความเป็นมาบนพันไม่ออกเลย

“พัดนี้ตอกได้ไม่แน่น ในกระดูกพัดมีชั้นอัดกันอยู่สินะ?”

มู่เซิ่งยกยิ้มอย่างเย็นชา มองเกมออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

กระดูกพัดอันนี้ประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีต ถือว่าเป็นวัตถุโบราณชิ้นหนึ่งที่ทำขึ้นมาจริง ๆ แถมภาพวาดหน้าพัดนั้นมันยิ่งกว่าภาพวาดที่มีชีวิตเข้าไปกันใหญ่ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่มือฉมังโด่งดังเฉพาะทาง ทว่าราคาจะไม่ต่ำอย่างแน่นอน ทั้งก็ไม่แปลกใจว่าทำไมกู่ชิงเสวียนถึงซื้อมาเช่นเดียวกัน เพียงแต่สิ่งที่เธอไม่รู้นั้น คือภาพวาดบนหน้าพัดคือภาพวาดแบบบาง หากหลังกู่ชิงเสวียนซื้อมาแล้วและฝั่งตรงข้ามดึงชั้นตรงกระดูกพัดเข้าแล้วละก็ ก็จะสามารถนำภาพวาดแบบบางนั้นออกไปได้

ไม่มีภาพวาดบนหน้าพัดแล้ว พัดอันนี้ถึงแม้ว่าจะวิจิตรก็ตาม แต่มันก็ไม่มีค่าแล้วเช่นเดียวกัน

“เหอะ ๆ น้องชายน้อยตามีแววอยู่นิดหน่อยนะเนี่ย แต่เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับคุณ ผมแนะนำว่าคุณอย่าสอดมือจะดีที่สุด” บุรุษผอมเพรียวกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เรื่องของการสลับเปลี่ยนพรรค์นี้ หากถูกจับได้ ณ ที่ตรงนั้นได้ก็จะสามารถพูดคุยกันดี ๆ ได้อยู่ ตอนนี้สินค้าได้ออกจากมือไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าจะถึงขึ้นต้องแจ้งตำรวจจริง ๆ แล้วละก็ ทั้งก็ไร้หนทางที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้แล้วเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นแล้วฝั่งตรงข้ามยังเป็นมือฉมังเข้าไปอีก ทั้งยังรู้จักมักจี่กับผู้รับผิดชอบของที่นี่ ดังนั้นย่อมต้องทราบตำแหน่งของกล้องวงจรปิดอย่างแน่นอน ว่ามันจะต้องถ่ายอะไรไม่ได้

“กระดูกพัดอันนี้ยังถือว่าได้อยู่ สามารถขายได้หลายล้าน เถ้าแก่ คุณขายอันละเท่าไหร่หรือครับ?”

มู่เซิ่งบีบกระดูกพัดไปมา กล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อย

“ทำไมครับ? คิดอยากจะให้ผมคืนเงินอย่างนั้นหรือ? ผมจะบอกอะไรคุณให้นะครับ พัดอันนี้ออกจากมือไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในราคาสองล้าน ขาดแม้แต่แดงเดียวก็ไม่ได้!”

สองล้านอย่างนั้นหรือ?

มู่เซิ่งส่ายศีรษะไปมา พัดอันนี้อย่างมากสุดก็มีค่าแค่สองหมื่นท่านั้น หน้าเลือดขูดเนื้อจริง ๆ เลยนะ

ทว่ามู่เซิ่งยังคงยกยิ้มพลางพยักหน้า กล่าวว่า “สองล้าน ราคานี้ถือว่าสมเหตุสมผลอยู่ กู่ชิงเสวียน จ่ายเงินเถอะ”

“อาจารย์คะ คุณพูดอะไรคะเนี่ย?”

กู่ชิงเสวียนชะงักนิ่งไปทันที อีกนิดเดียวก็เกือบจะกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำอยู่แล้ว

เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าอาจารย์เขามองออกแล้วว่าพัดอันนี้เป็นของปลอม แล้วเหตุใดยังจะต้องซื้ออยู่อีกล่ะ?

ทันใดนั้นบุรุษผอมเพรียวพลันแย้มยิ้มกว้างออกมาทันที ตบโต๊ะไปหนึ่งครั้ง กล่าวว่า “น้องชาย ถือว่านายยังรู้จักรู้ความนะเนี่ย!”

ทุกคนรอบข้างเองก็อดที่จะขบขันขึ้นมากันไม่ได้เช่นเดียวกัน พวกเขานึกว่าในลำดับต่อไปมู่เซิ่งจะไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียวกันอยู่เลยนะ ผลสุดท้ายกลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะปอดแหก ในสายตาของพวกเขานั้น มู่เซิ่งจะต้องไม่คิดอยากที่จะล่วงเกินต่อบุรุษผอมเพรียวอย่างแน่นอน ดังนั้นแล้วจึงจงใจซื้อไป

“ราคานี้ถึงแม้ว่าจะสมเหตุสมผลก็ตาม แต่มากน้อยก็ยังถือว่าแพงไปหน่อยแล้วเหมือนกัน ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเอาแบบนี้ก็แล้วกันครับเถ้าแก่ นอกจากพัดอันนี้แล้ว ส่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ผมอีกหน่อย คุณคิดเห็นว่าอย่างไรครับ?”

มู่เซิ่งชี้ไปยังของที่วางอยู่บนพื้น เป็นของที่ระเกะระกะยุ่งเหยิง

“ไม่มีปัญหา น้องชายน้อยชมชอบอะไรก็รีบ ๆ หยิบไปได้เลย”

บุรุษผอมเพรียวหัวเราะพลางกล่าว ในสายตาของเขา จะต้องเป็นเพราะว่ามู่เซิ่งหาทางลงจากเวทีไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงคิดจะเอาของนิดหน่อยเพื่อให้มีศักดิ์ศรี แต่เขาเองก็ไม่สนใจเช่นเดียวกัน เพราะสิ่งของที่นี่แทบจะเป็นสิ่งของราคาถูกทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะเอาไปทั้งหมด เขาก็ไม่สนใจเหมือนกัน

“อย่างอื่นผมไม่เอาครับ ขอเป็นภาพอักษรผืนนี้ก็พอ”

มู่เซิ่งยกยิ้มพลางเดินขึ้นไปด้านหน้า ก่อนจะหยิบภาพอักษรที่มีรอยย่นผืนหนึ่งในนั้น

“ได้สิ คุณเอาไปเถอะ” ชายผอมเพรียวกล่าว

“ใช่แล้ว ยังมีกล่องนี้ด้วยครับ พวกเราซื้อของไปสองชิ้นแล้ว อย่างไรก็เอากล่องมาใส่เสียหน่อยเถอะครับ ผมเห็นว่าขนาดมันกำลังพอดีเลย” มู่เซิ่งไปยังกล่องไม้ที่ไม่เข้าตามุมในสุดไปมา

“เอาไปเถอะ บวกเข้ากับภาพผืนนั้นด้วย เอาไปด้วยกันสิ” บุรุษผอมเพรียวไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะกล่องไม้นี้เขาเก็บได้ในระหว่างการเดินทางมา เอามาเป็นของใช้ทับผ้าปูพื้น สุดท้ายหลังเสร็จงานแล้ว กระทั่งเขาก็กะว่าจะโยนทิ้งไปเสียด้วยซ้ำ ไม่คิดจะนำกลับไปด้วย

ตอนนี้หากเจ้าหนุ่มคนนี้ต้องการ เขาก็จะให้กับเขาไป

“อาจารย์คะ! ทำไมต้องจ่ายสองล้านด้วยละคะ!”

กู่ชิงเสวียนกระวนกระวายแล้ว ในสายตาของเธอ พัดอันนี้มันไม่คุ้มค่าคุ้มราคาเลยนะ!

“ฮัลโหล นี่เป็นคนที่พวกคุณเรียกมาเชียวนะ มาเสียใจเอาตอนนี้ผมก็ไม่รับรู้ด้วยแล้วเหมือนกัน รีบ ๆ หยิบของไปสักทีเถอะ!” บุรุษผอมเพรียวไม่ได้ให้เวลากับมู่เซิ่งได้รู้สึกเสียใจเลย ก่อนจะนำสิ่งของทั้งสองใส่ลงในกล่องทันที หลังจากนั้นก็ส่งให้กับมู่เซิ่ง

หลังจากนั้น เขาก็แบมือยื่นไปหากู่ชิงเสวียน กล่าวว่า “สองล้านครับ รีบเอาเงินมาสิ!”

“พัดอันนี้เป็นของปลอม มีสิทธิ์อะไรจะให้ฉันออกเงิน!”

กู่ชิงเสวียนบันดาลโทสะเป็นอย่างมาก แต่ไหนแต่ไรเธอก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ยินยอมที่จะเสียเปรียบ เธอไม่ได้หวงเงินนี่หรอก เพียงแต่ว่าเห็นสภาพของมู่เซิ่งที่ถูกขุดลงหลุมไปเช่นนี้แล้ว เธอเองก็อดทนไม่อยู่แล้วเช่นเดียวกัน

“ชิงเสวียน เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”

ในตอนนี้เอง กู่มู่สวีนที่ได้ยินเสียงก็เดินเข้ามาหาแล้วเช่นเดียวกัน ก่อนจะหันไปกล่าวกับกู่ชิงเสวียน

“กู่มู่สวีนหรือ?”

“เป็นท่านกู่จริง ๆ ด้วย”

ปรมาจารย์นักประเมินสินะ คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้นอกจากทั้งสองท่านนั้นที่มาจากเมืองเยียนจิงแล้ว กระทั่งท่านกู่ก็ล้วนมาด้วยเช่นกัน “”

หลังจากกู่มู่สวีนปรากฏตัว จู่ ๆ กลุ่มคนที่มุงดูก็เจี๊ยวจ๊าวกันขึ้นมาทันที ล้วนได้ยินกันมาก่อนแล้วว่ากู่มู่สวีนจากหอเฉียนเป่านั้น เพียงแค่กวาดสายตามองเพียงครู่เดียวก็สามารถตัดสินจริงปลอมออกมาได้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่า ณ ตอนนี้กลับได้พบเห็นเข้าแล้วจริง ๆ

“คุณปู่คะ!”

กู่ชิงเสวียนวิ่งไปถึงข้างกายกู่มู่สวีนแล้ว ก่อนจะนำเรื่องราวทั้งหมดที่ประสบร้อยเรียงเป็นเรื่องราวแล้วกล่าวออกมาทั้งหมด

หลงกู่มู่สวีนฟังจบก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ว่ามู่เซิ่งจะไม่ทำเรื่องราวเช่นนี้โดยที่ไม่มีเจตนาอย่างแน่นอน ภายในหัวใจของเขากำลังคาดเดา ว่าเหตุผลหนึ่งในนั้นย่อมต้องเป็นเพราะหลังจากได้สิ่งของที่ด้านบนนั้นอย่างแน่นอน เขาหันไปกล่าวกับมู่เซิ่งว่า “เสี่ยวมู่ ภาพอักษรที่คุณเอาไปเมื่อครู่นี้ สามารถให้ผมมองดูสักหน่อยได้หรือเปล่า?”

“คุณปู่คะ นี่…”

กู่ชิงเสวียนชะงักนิ่งไปทันที

ตะกี้นี้เธอกระวนกระวายมากเกินไปแล้ว เดิมทีก็ไม่ได้สนใจเลยว่ามู่เซิ่งเลือกภาพอักษรไป หรือจะบอกว่าภาพอักษรนี้ไม่ธรรมดาอย่างนั้นหรือ?

“ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ”

มู่เซิ่งหนีบกล่องไม้เข้าไปในอ้อมกอด ก่อนจะส่งภาพอักษรออกไปให้

ในสายตาของเขา กล่องไม้นี้ต่างหากถึงมีราคาเทียบเท่าเมืองมากที่สุด ทั้งก็เป็นสิ่งของที่ลึกลับเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน

“นี่ นี่คือภาพอักษรของหวงถิงเจียนนี่ครับ” กู่มู่สวีนสบตามองเพียงครู่เดียวก็กล่าวออกมา

“ใช่สิครับ แต่ก็เป็นเพียงแค่ภาพคัดลองของหวงถิงเจียนผืนเดียวเท่านั้น อีกอย่างคือคุณค่าศิลปินเองไม่สูงมากนักเหมือนกัน เดิมทีมันก็ไม่ได้มีค่าอะไร” เรื่องราวตกลงกับเสร็จสรรพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บุรุษผอมเพรียวเองก็ไม่กลัวว่ามู่เซิ่งจะเสียใจในภายหลังเช่นเดียวกัน ก่อนจะกล่าวออกมาเสียงดัง

“ภาพนี้เป็นภาพคัดลอกจริง ๆ แต่ว่าอักษรนี้มัน…”

จู่ ๆ กู่มู่สวีนก็ราวกับว่าค้นพบอะไรบางอย่างก็ไม่ปาน ก่อนจะใช้นิ้วมือคลี่ม้วนภาพออก

“ภาพนี้มีชั้นอัดอยู่อย่างนั้นหรือ?!”

เขารีบคลี่ม้วนภาพทันที เปิดออกมาอย่างระมัดระวัง ทางด้านบนกลับมีเสวียนจื่อ(หระดาษของยุคโบราณจีน)บาง ๆ ชั้นหนึ่งคลุมเอาไว้อยู่ หลังนำเสวียนจื่อ(หระดาษของยุคโบราณจีน)ออกแล้ว กู่มู่สวีนจึงพินิจพิจารณาภาพวาดผืนนี้อย่างละเอียด ก่อนจะอดทอดถอนใจไม่ได้ว่า “ในภาพกลับซ่อนภาพวาดอีกภาพหนึ่งเอาไว้เช่นนี้ ถึงแม้ว่าภาพนี้จะไม่ใช่ภาพที่ศิลปินโด่งดังวาดออกมา ทว่าการออกแบบประณีตวิจิตร อย่างน้อย ๆ ก็คงมีราคาเป็นล้านเหมือนกันกระมัง?”

“ในนี้กลับมีภาพอีกภาพหนึ่งอยู่อย่างนั้นหรือ?”

เปลือกตาของบุรุษผอมเพรียวเต้นกระตุก รู้สึกปวดใจอย่างเสียไม่ได้เล็กน้อย เพราะเขากล่าวว่าจะมอบมันให้กับมู่เซิ่งไปแล้วจริง ๆ ดังนั้นภายในหัวใจจึงรู้สึกเสียดายใจภายหลังอย่างไร้เทียบเทียม ทว่าบนปากของเขากลับกล่าววาจาดุร้ายถือโทษว่า “เหอะ ๆ ถือว่าพวกคุณโชคดีไปก็แล้วกัน ก็แค่ขาดทุนไปล้านหนึ่งเท่านั้นเองละนะ”

เป็นในตอนที่กู่ชิงเสวียนกำลังจะบันดาลโทสะออกมานั้นเอง จู่ ๆ มู่เซิ่งก็ยกยิ้มราบเรียบ กล่าวว่า “ท่านกู่ครับ ในครั้งนี้คุณมองผิดไปแล้วละครับ”

มองผิดไปอย่างนั้นหรือ?

ทุกคนโดยรอบล้วนเงียบกริบกันขึ้นมาทันที