ตอนที่ 122 ทั้งรักทั้งเกลียด

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 122 ทั้งรักทั้งเกลียด

ตอนที่ 122 ทั้งรักทั้งเกลียด

เหลยสิงเห็นความตกใจของเธอและรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย

“มันเป็นพลังห้วงมิติประเภทหนึ่ง เมื่อคุณต้องการใช้มัน ก็แค่ขอให้เขาคายออกมา”

ซู่เถา “…ทรงพลังมาก”

เทียบกับเขาแล้ว ฟางจือของเธอก็ยังมีความสุภาพกว่า

เหลยสิงพูดอีกครั้ง “เถ้าแก่ซู คุณมีห้องว่างที่นี่เหลือไหม? ช่วงนี้เราไม่ได้รับงาน และยังไม่มีงานที่เหมาะสม พวกเราต้องการอาศัยอยู่ในเถาหยางสักระยะหนึ่ง”

หั่วเสอและพี่น้องคนอื่น ๆ มองไปที่ซูเถาอย่างมีความหวัง

ซูเถาถามว่า “พักระยะสั้นมันนานแค่ไหน ห้องของฉันที่นี่ต้องเช่าอย่างน้อยหนึ่งเดือน”

“ค่าเช่าเดือนละเท่าไหร่ ห้องแต่ละประเภทแตกต่างกันยังไง”

ซูเถาเรียกจวงหว่านมาเพื่อให้เธอแนะนำให้กับกลุ่มเป้าถู ในขณะที่เธอเดินไปรับสายของเผยตง

“จับคนที่ขว้างระเบิดในนั้นได้แล้วนะ แต่ไม่ใช่ซูเจิ้งชิง เขาชื่อเฟ่ยเผิงอี้ เป็นคนเร่ร่อนว่างงานในตงหยาง เขาสามารถทำระเบิดเองได้ แต่ด้วยเหตุผลทางวัตถุและทางเทคนิค พลังก็เลยไม่รุนแรงมาก”

“เขาทำระเบิดผูกไว้กับร่างของอู๋เฟยฉือเมื่อสองวันก่อน”

ทันทีที่เผยตงพูดจบ ซูเถาก็ได้ยินเสียงสบถอันชั่วร้ายของชายคนหนึ่งจากเครื่องสื่อสาร

“ไอ้พวกกองกำลังปกป้องเมือง! พวกแกสมรู้ร่วมคิดกับเถาหยาง! ฉันเฟ่ยเผิงอี้ จะฆ่าพวกแกในไม่ช้าก็เร็ว! ระเบิดลูกเดียวไม่สำเร็จ งั้นก็ต้องสอง สาม หรือร้อยลูก! ฉันจะ..โอ๊ย!”

เผยตงเตะเข้าที่คางของเขาจนฟันสองซี่หลุดออกมาพร้อมเลือด

ซูเถาถามว่า “พี่อยู่ที่ไหน”

“นอกกำแพงทางตะวันออกเฉียงใต้ของเถาหยาง คนของฉันจับได้ขณะลาดตระเวน เขาต้องการจะขว้างระเบิดใส่เถาหยางอีกครั้ง แต่ตอนนี้กู้ไว้ได้แล้ว”

ซูเถากัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง

“พี่เผย มัดเขาไว้ ฉันอยากถามเขาเป็นการส่วนตัวว่าเถาหยางทำอะไรให้เขา!”

เธอคิดไม่ออกว่าคือความเกลียดชังแบบไหน หรือมีเรื่องอะไรที่ทำให้คนคนนี้ต้องการฆ่าทุกคนในเถาหยางมากขนาดนี้

ในเวลาไม่ถึง 15 นาที เผยตงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนพาเฟ่ยเผิงอี้มาที่เถาหยาง

เฟ่ยเผิงอี้สบถตลอดทาง พ่นคำพูดที่น่าเกลียดออกมาทั้งหมด แต่เมื่อเขาเห็นภายในเถาหยางด้วยตาของเขาเอง อีกทั้งยังเห็นอาคารคลินิกสองชั้นที่สร้างขึ้นใหม่ เขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

“ฮ่าฮ่าฮ่า เถาหยางเหรอ? เถาฮวาหยวน? แดนสุขาวดี? พวกแกมันหน้าซื่อใจคดจริง ๆ!”

“คนที่อาศัยอยู่ภายนอก ต้องมีชีวิตอย่างดิ้นรน แต่พวกแกกินดีอยู่ดี ไม่ต้องกังวลเวลาเจ็บป่วย สามารถรอให้คนที่มีพลังเหนือธรรมชาติมารักษาในอาคารหลังเล็ก ๆ นี้ เพียงแค่เดินมาไม่กี่ก้าว แต่คนภายนอกทำได้แค่รอความตาย!”

เฟ่ยเผิงอี้จ้องไปที่ซูเถาด้วยดวงตาสีแดงก่ำ เขาสบถทั้ง ๆ ที่ปากยังเต็มไปด้วยคราบเลือด

“แกรู้ไหมว่าทำไมแม่ของฉันถึงตาย เป็นเพราะแกไม่เคยอนุมัติใบสมัครของฉัน ไม่เคยอนุญาตให้เราแม่ลูกอยู่ด้วยกัน และเธอก็ต้องทนกับความเจ็บป่วย จนเธอไปสู่ความตาย!”

“เธอแค่ล้มลง! ทำไมแกไม่ให้พวกเราอาศัยอยู่ที่นี่และให้คนที่มีพลังวิเศษมาช่วยรักษา?! ทำไมคนอื่นได้ แต่พวกเราไม่ได้!”

“แกต้องรับผิดชอบต่อการตายของเธอ! ทุกคนในเถาหยางคือฆาตกร!”

ยิ่งเธอฟังมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งบั่นทอนไปเรื่อย ๆ

เธอกำลังจะโทรหาจวงหว่านเพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์ แต่แล้วเหลยสิงก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เขายืนอยู่หน้าเฟ่ยเผิงอี้และตบเขาลงกับพื้นด้วยฝ่ามือของเขา

เฟ่ยเผิงอี้โดนตบเข้าอย่างแรงจนทำให้เขาเวียนหัวตาลาย

เหลยสิงสั่งสอนเขา “แกนี่ปัญหาเยอะจัง อายุเท่าไหร่ ไม่เคยอาศัยอยู่ในวันสิ้นโลกหรือไง? การอยู่ในโลกใบนี้ มันต้องรู้จักปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ไม่ใช่มาดื้อรั้นแบบนี้ แม่แกตายแล้วมาโทษว่าเป็นความผิดของเถ้าแก่ซู ฉันว่าแกน่าจะอยากตายนะ”

เผยตงค่อนข้างเฉยเมย ดังนั้นเธอจึงขอให้ใครสักคนปิดปากเขา และพูดกับซูเถาว่า

“คิดซะว่าเขาเป็นอากาศแล้วกัน ฉันจะพาเขาออกไป แล้วพลตรีสือจะกลับมาจัดการในภายหลัง”

ซูเถาขอให้เธอรอสักครู่และเรียกจวงหว่านมาเพื่อถามอย่างละเอียด

จวงหว่านมีความจำดี และเธอจำเฟ่ยเผิงอี้ได้ทันที เมื่อเห็นเฟ่ยเผิงอี้ เธอก็ไม่สามารถยับยั้งความโกรธได้ เธอละทิ้งความอ่อนโยนและความเหมาะสมตามปกติของเธอแล้วพูดด้วยความโกรธ

“เขาเป็นคนที่ขู่หรงหรงและบอกว่าจะฆ่าทุกคนถ้าไม่ให้เขาเข้าพัก พระเจ้า เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เขาไม่มีงานทำ ทั้งยังมีนิสัยติดการพนัน! เขายังเขียนลงในแบบฟอร์มอย่างภาคภูมิใจมากว่าเขารู้วิธีทำระเบิด และเคยใช้ระเบิดสังหารผู้ไร้ที่อยู่อาศัยคนอื่น แบบนี้แล้วฉันจะปล่อยผ่านได้ยังไง!”

ซูเถาฉีกเทปออกจากปากของเฟ่ยเผิงอี้ “ฉันถามคุณหน่อย ทำไมคุณไม่ส่งแม่ของคุณไปที่โรงพยาบาลตงหยาง”

เฟ่ยเผิงอี้มองเธออย่างชั่วร้าย เขากระอักเลือดออกมาเต็มปากแล้วพูดว่า “แกไม่สมควรรู้ พูดไปแกก็คงดูถูกพวกเรา ถ้าฉันเป็นผู้นำกองทัพ หรือผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ พวกแกคงเชิญฉันมาที่เถาหยางแล้ว พวกคนหน้าซื่อใจคดที่ยังคงเรียกตัวเองว่าเถาฮวาหยวนแดนสวรรค์อะไรนั่น ก็เป็นแค่หมารับใช้ให้พวกมีอิทธิพล!”

ซูเถาตบเขาอย่างแรง “แกสิคนหน้าซื่อใจคด! ทุกสิ่งที่แกพูดตอนนี้คือการปกปิดความผิดของแกเอง! ทำไมแกไม่ส่งแม่ไปที่โรงพยาบาลตงหยาง?! เพราะแกเอาเงินค่ารักษาพยาบาลไปเล่นการพนันจนหมด แต่เพื่อไม่ให้ถูกตำหนิ ก็เลยปัดความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับเถาหยาง ปล่อยให้คนอื่นชดใช้ความไม่ปกติของแก!”

“ถ้าแม่แกรู้เข้าคงทั้งรักทั้งเกลียด!”

ทุกคนเงียบสนิท ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตก

คำพูดเหล่านี้สะกิดหัวใจของเฟ่ยเผิงอี้ เขาเหมือนถูกฉีกหน้ากากออกเป็นชิ้น ๆ

เขามองซูเถาด้วยดวงตาแดงก่ำ และส่งเสียงกรีดร้องอย่างแปลกประหลาด เขาพูดคำสกปรกออกมาอย่างไม่รู้จบ

ซูเถาเอื้อมมือไปหาหลินฟางจือที่อยู่ข้าง ๆ

หลินฟางจือรู้สึกบางอย่าง เขาจึงหยิบปืนพกของเธอออกมาจากห้วงมิติแล้วยื่นให้เธอ

ซูเถาบรรจุกระสุนปืนด้วยใบหน้าว่างเปล่า และชี้ปากกระบอกปืนสีดำไปที่เฟ่ยเผิงอี้

“ถ้าพล่ามอีกครั้ง ฉันจะทำให้แกเปิดปากไม่ได้อีกตลอดชีวิต”

เสียงกรีดร้องและคำสบถหยุดลงทันที

“ฉันถามอีกครั้ง เรื่องที่เกิดขึ้นกับหลันหลิงหลิง ใครเป็นคนบงการ”

เฟ่ยเผิงอี้กัดฟัน “เธอสมควรโดนแล้วนี่ คนที่ไม่ซื่อสัตย์ก็สมควรโดนเล่นงาน ฉันกำลังสั่งสอนเธอแทนพี่น้องของฉัน ถือว่าฉันเมตตาแล้วนะ ไม่งั้นเธอคงต้องตายตามคนแซ่อู๋ไป”

ดวงตาของซูเถาฉายแววเย็นชา เธอเล็งปากกระบอกปืนไปที่ส่วนล่าง

ปัง!

เฟ่ยเผิงอี้ซึ่งมือถูกมัดอยู่ กรีดร้องออกมาและทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้น ร้องโหยหวนอย่างน่ากลัว

ผู้ชายทุกคนที่อยู่ที่นั่นรู้สึกเย็นวาบที่เป้าของพวกเขาราวกับว่ามีความเย็นพัดผ่าน

“พี่เผย ฉันขอโทษที่ทำให้คุณลำบาก เอาตัวเขาออกไป แล้วถ้ามีข่าวของซูเจิ้งชิงก็บอกฉันด้วย”

เผยตงมองเธออย่างพึงพอใจ

คนจากกองกำลังปกป้องเมืองลากเฟ่ยเผิงอี้ออกไปทันที ในขณะที่พวกเขาลากออกไปก็พูดว่า

“แกมันอกตัญญู ถ้าไม่มีเถาหยาง พวกคนอย่างแกคงไม่มีน้ำกินน้ำดื่ม ต้องขอน้ำและขาดแคลนน้ำตายข้างถนนเหมือนฐานอื่น ๆ”