บทที่ 121 เจ้าแผนการ

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 121 เจ้าแผนการ

บทที่ 121 เจ้าแผนการ

เมื่อเหิงอีเจี้ยนและจงซื่อเห็นดังนี้ ในใจของพวกเขาก็ระแวดระวังเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าพลังของเสิ่นฉงเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากกลายเป็นมาร

พละกำลังการบ่มเพาะระดับนี้ ดูถูกไม่ได้เลยจริง ๆ!

ร่างกายพวกเขาสองคนวูบไหวมาปรากฏตรงหน้าลู่หยวน ทั้งสองกุมอาวุธในมือไว้มั่น พลังดั่งขุนเขาพวยพุ่งอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมลงมือทุกเมื่อเพื่อต่อสู้กับเสิ่นฉง

“เหอะ ถอยไปได้แล้ว สุนัขเฒ่าเสิ่นในตอนนี้ ไม่อาจทำร้ายข้าได้หรอก!”

ลู่หยวนเลียริมฝีปาก มองเสิ่นฉงด้วยสายตาละโมบ ตอนนี้อีกฝ่ายคือสารอาหารยอดเยี่ยมในสายตาเขา

ขอเพียงกลืนกินเข้าไป การบ่มเพาะจะเข้าใกล้ขั้นเทียมเซียนไปอีกขั้น

เหิงอีเจี้ยนและจงซื่อไม่กล้าขัดคำสั่ง ดังนั้นพวกเขาจึงก้าวถอยหลังสองสามก้าว ยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่อาวุธในมือยังคงตั้งตรง ร่างกายเอ่อล้นด้วยพลัง ราวกับพร้อมลงมือทุกเมื่อ

บุตรศักดิ์สิทธิ์ก้าวไปข้างหน้าพร้อมหอกในมือ ความว่างเปล่าถูกฉีกกระชากขณะเขาพุ่งเข้าใส่พลังมารของเสิ่นฉงที่กำลังตรงเข้ามาหาเช่นกัน

เสิ่นฉงกุมกระบี่ ร่องรอยของพลังมารพวยพุ่งจากร่างกาย อักขระโลหิตแปลกประหลาดบนหน้าผากพลันหายไป

“ลู่หยวน ตอนนี้เจ้ากับข้าคือมารแล้ว เจ้าจะใช้วิธีการอะไรก็ล้วนเปล่าประโยชน์ ถึงอย่างนั้นเจ้ายังกล้าเผชิญหน้ากับข้าเพียงลำพัง ไม่รู้เลยว่าควรจะชื่นชมในความกล้าหาญ หรือว่าความโง่เขลาของเจ้ากันแน่!”

ทันทีที่สิ้นคำพูด ร่างของเสิ่นฉงวูบไหว เขามาอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มในอึดใจด้วยความเร็วมากยิ่งกว่าก่อนหน้า

เมื่อเห็นดังนี้จึงทำให้เหิงอีเจี้ยนกับจงซื่อผู้อยู่ไม่ไกลนัก ไม่มีเวลาที่จะพุ่งเข้าไปช่วยลู่หยวน

จงซื่อกระตุ้นค่ายกลรอบข้าง พยายามหยุดการกระทำของเสิ่นฉง แต่ค่ายกลรอบข้างปนเปื้อนไปด้วยพลังมารนานแล้ว เมื่อทำงาน มันจึงไม่มีผลกับเสิ่นฉงผู้กลายเป็นมารไปแล้ว

บรรพชนเสิ่นชักกระบี่ออกมา พลังสีดำปกคลุมปลายกระบี่ กลิ่นอายแก่กล้าพวยพุ่งขึ้นมาในอากาศทันที

ยังไม่ทันฟาดคมกระบี่ลงไป ความว่างเปล่ารอบข้างก็ไม่อาจทานทนระดับพลังมารนี้ได้ และพังทลายทันที

กระบี่ยาวไขว้ไปมาในความว่างเปล่า เพียงอึดใจเดียว มันห่างก็จากใบหน้าของบุตรศักดิ์สิทธิ์ไปเพียงสามชุ่นเท่านั้น

“ลู่หยวน ข้าขอดูหน่อยเถอะว่าครั้งนี้เจ้าจะตายหรือไม่!”

พลังมารมหาศาลพัวพันกับปราณกระบี่ฟาดฟันลงไปในหนึ่งอึดใจ จนทุกสิ่งตกอยู่ในความเงียบงัน

ชายหนุ่มลืมตาทั้งสามขึ้น พลางหยิบหอกออกมาตั้งตรง มังกรขดไปมาบนหอกพันมังกรเก้าสวรรค์ ก่อนพุ่งเข้าหาเสิ่นฉงผู้กำลังฟาดฟันอย่างบ้าคลั่ง!

เพียงชั่วพริบตา… กระบี่ยาวในมือของเสิ่นฉงอยู่ห่างจากหน้าของลู่หยวนเพียงหนึ่งชุ่น เพียงเสี้ยวลมหายใจต่อมาย่อมสามารถปลิดชีพชายหนุ่มได้ ในขณะที่หอกยาวยังมาไม่ถึงตรงหน้าเขาเสียด้วยซ้ำ

ความเร็วแค่นี้ แต่กล้าคิดจะฆ่าข้าผู้นี้อย่างนั้นหรือ?!

พลังมันแตกต่างกันเกินไป!

ดวงตาของเสิ่นฉงเผยความคลุ้มคลั่งขึ้นมา ความโลภไร้ที่สิ้นสุดก่อเกิดขึ้นในใจ

เขารู้ดีว่าหลังจากกลายเป็นมารแล้ว ความกระหายโลหิตย่อมไร้ที่สิ้นสุด!

ทั้งหมดเป็นเพราะลู่หยวน …ตระกูลเสิ่นถึงได้กลายเป็นแบบนี้

ทั้งหมดเป็นเพราะลู่หยวน …ที่ทำให้ข้ากลายเป็นมาร!

เรื่องราวเลวร้ายทั้งหมด เกิดจากชายผู้นี้ทั้งสิ้น!

เพราะอย่างนั้น บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้าผู้นี้จะฆ่าเจ้า เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับสวรรค์!

ต่อให้ข้ากลายเป็นมาร ก็ยังแตกต่างจากสายเลือดมารเช่นเจ้า!

กระบี่ยาวฟาดลงไป พลังมารอันไร้ที่สิ้นสุดเข้าโอบล้อมก่อนจะหายไป

วิ้ง!

เมื่อกระบี่ยาวกำลังจะแตะเข้าที่หน้าผากของบุตรศักดิ์สิทธิ์ เนตรเทวะบนหน้าผากของเขาพลันสั่นไหว พลังสีดำถูกเบี่ยงเบนออกไปอย่างรวดเร็ว

พลังมังกรปกคลุมทั่วทั้งกระบี่ยาว

เสิ่นฉงเพียงรู้สึกว่า กระบี่ยาวในมือคล้ายกับเสียการควบคุม มันหยุดอยู่ห่างจากหน้าผากของลู่หยวนเพียงครึ่งชุ่น ไม่อาจขยับไปได้อีก!

พลังมารที่ติดอยู่กับกระบี่ยาว คล้ายกับสัมผัสถึงพลังอันแก่กล้าได้ เมื่อครู่มันยังคงกระตือรือร้นอยู่เลย แต่เพียงพริบตากลับเงียบสนิท

เสิ่นฉงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด กำลังจะล่าถอยออกไป แต่เสียงของลู่หยวนพลันดังขึ้นในหูของเขา

“เสิ่นฉง เจ้ารู้หรือไม่ คนเช่นเจ้าที่กลายเป็นมาร เป็นเพียงมารฝึกหัดที่มีหัวใจมาร เป็นตัวตนระดับต่ำสุดในบรรดาสัตว์ประหลาด”

“ส่วนบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ คือราชาของเจ้า!”

พลังมารอันทรงพลังแผ่ซ่านออกจากร่างของลู่หยวน ร่องรอยความหวาดกลัวผุดขึ้นในใจของเสิ่นฉง

เสิ่นฉงหลุบตา พบว่าถึงแม้บุตรศักดิ์สิทธิ์จะเงยหน้าขึ้นมองเขาจากมุมต่ำ แต่สายตากลับเหมือนราชาของโลกที่เต็มไปด้วยร่องรอยเหยียดหยัน

“เสิ่นฉง ทันทีที่เจ้ากลายเป็นมาร เจ้าก็หมดโอกาสชนะแล้ว”

เสียงของลู่หยวนจางหายขณะหอกยาวในมือรุกคืบเข้าหาเสิ่นฉงอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปไม่กี่อึดใจ มันก็มาถึงตรงหัวใจของบรรพชนเสิ่น

ศัตรูขยับร่างกายทุกส่วนเพื่อหลบหนี แต่ความหวาดกลัวในใจทำให้เขาไม่อาจขยับได้ เพียงมองดวงตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์ หัวใจก็สั่นสะท้าน ไม่กล้าลงมือบุ่มบ่ามแม้แต่นิดเดียว

ลู่หยวนยืนตระหง่านประหนึ่งขุนเขาที่ไม่สามารถไต่ขึ้นไปได้ เป็นตัวตนของจอมราชัน

ตอนนี้เสิ่นฉงพลันตระหนักได้ว่า จุดมุ่งหมายในการที่ชายหนุ่มให้เขากลายเป็นมารนั้นก็เพื่อการนี้

เจ้าหนุ่มผู้เป็นสายเลือดมาร เกิดมาพร้อมกับร่างมาร หัวใจมาร พลังมาร แน่นอนว่าเขาเข้าใกล้กับความเป็นจอมมารยิ่งกว่าผู้ที่กลายร่างเป็นมารจากปราณพลังหรือจิตใจมืดมน!

เทียบกับลู่หยวนในตอนนี้ ถึงแม้จะมีช่องว่างขนาดใหญ่ด้านพละกำลัง แต่อีกฝ่ายมีสายเลือดที่สามารถตัดสินผลการต่อสู้นี้ได้!

ในใจของบรรพชนเสิ่นรู้สึกเสียใจยิ่ง หากเขาไม่กลายเป็นมาร เช่นนั้นปัญหาในวันนี้ก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่ยังพอมีโอกาสชนะอยู่บ้าง

แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว

เสิ่นฉงมองดูเหตุการณ์เบื้องหน้าอย่างสิ้นหวังขณะหอกพันมังกรเก้าสวรรค์พุ่งเข้ามาหา ทะลวงตรงเข้าสู่หัวใจ

เสียง ‘ฉึก’ ดังขึ้น พร้อมโลหิตไหลอาบหอก

พลังมารนานาชนิดแผ่ซ่านออกจากร่างของลู่หยวน พุ่งตรงไปตามหอกยาว และเข้าครอบงำหัวใจของเสิ่นฉงทันที

บุตรศักดิ์สิทธิ์หยุดนิ่ง หอกพันมังกรเก้าสวรรค์ไม่รุกคืบไปอีก

พลังมารพลันเปลี่ยนไป เสิ่นฉงเพียงรู้สึกว่าทุกสิ่งที่เป็นของเขาเริ่มถูกช่วงชิงไปอย่างรวดเร็ว

โลหิต รากฐานการบ่มเพาะ และเจตจำนงกระบี่ล้วนถูกช่วงชิงไป

มันเคลื่อนย้ายไปหาร่างของศัตรูอย่างช้า ๆ พร้อมกับพลังมารในจิตใจ

ร่างของเสิ่นฉงยังคงหดลงเรื่อย ๆ ขณะร่างของบุตรศักดิ์สิทธิ์เติบโตขึ้นไม่หยุด

ยิ่งเวลาผ่านไป ร่างมารของลู่หยวนยิ่งเด่นชัด เขามารงอกออกมาทั้งสองฝั่งของหน้าผาก อักขระสีดำม่วงเข้มกระจายไปทั่วทั้งร่างกาย ดวงตาที่สามเบิกโพลง พร้อมจิตสังหารพวยพุ่งออกมา

พลังมารไร้ใครเทียบปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่

เพียงไม่กี่อึดใจ ร่างของเสิ่นฉงก็แห้งเหือดยิ่ง ไม่ต่างจากโครงกระดูก

ร่างมารของลู่หยวนแผ่พลังของยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ออกมาอย่างเลือนราง ชายหนุ่มสะบัดหอก สิ้นเสียงกึก ร่างที่แห้งเหือดของเสิ่นฉงก็แตกสลายทั้งเป็นเพราะหอกพันมังกรเก้าสวรรค์ ก่อนจะกลายเป็นผุยผง

บุตรศักดิ์สิทธิ์ยังคงยืนตรงข้ามกับหอก เขาหลับตาลง สัมผัสถึงพลังไร้ที่สิ้นสุดที่ได้รับมาจากยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ยุทธ์

พลังนั่นคล้ายกับธาราริมหน้าผาที่สาดซัดเข้าใส่ร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง พลังมารทั้งหลายที่ปกคลุมพลังนี้เอาไว้ยังคงหลอมรวมไม่หยุด

ลู่หยวนไม่รู้เลยว่า ร่างของเขาในตอนนี้ทรงพลังมากแค่ไหน

ลวดลายสีม่วงเข้มกระจายไปตามผิวหนังอย่างรวดเร็ว บนผิวหนังที่เผยออกมา เต็มไปด้วยเกล็ดสีม่วงแปลกประหลาด

เขาสองข้างบนหน้าผากส่องแสงสว่างแปลกประหลาด กลิ่นอายของมารผู้ยิ่งใหญ่แผ่ออกมาจากมัน

เมื่อเหิงอีเจี้ยนและจงซื่อเห็นดังนี้ พวกเขาต่างหวาดกลัวจนขนหัวลุก