ตอนที่ 163 สิ่งต้องห้าม

“แกรู้ได้ยังไง?”

เมื่อได้ยินหลินหนานเอ่ยชื่อเสี่ยวจือฉีขึ้นมา ใบหน้าดุร้ายของอาจินก็เปลี่ยนเป็นตกใจขึ้นมาทันที พร้อมกับร้องตะโกนถามออกไปด้วยน้ําเสียงดุดัน ถึงแม้เขาจะเป็นโจร แต่ก็มีจรรยาบรรณในอาชีพ

ก่อนที่จะผันตัวจากอันธพาลข้างถนนมาเป็นโจรเรียกค่าไถ่นั้น อาจินได้ศึกษามาแล้วว่า สิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้เลยสําหรับการเป็นโจรเรียกค่าไถ่ก็คือ ต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้ว่าจ้างโดยเด็ดขาด และเขาก็ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด!

ชายฉกรรจ์ทั้งหมดที่เขาพามาทํางานด้วยในครั้งนี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นลูกน้องที่จงรักภักดีกับเขาทั้งสิ้น แต่เขาก็ไม่เคยเปิดเผยข้อมูลของผู้ว่าจ้างให้ลูกน้องได้รู้เลยแม้แต่คนเดียว!

อีกอย่าง นับตั้งแต่ที่เขาจับตัวเด็กสาวมาจนถึงตอนนี้ เวลาก็เพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น โอกาสที่เรื่องนี้จะรั่วไหลไปจึงแทบเป็นไปไม่ได้!

หลินหนานตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ก็นอกจากหมอนั่นแล้ว ฉันก็คิดไม่ออกจริงๆว่า ใครกันที่จะซื่อบื้อจนถึงขนาดใช้วิธีต่ําทรามนี้มาเล่นงานฉันได้น่ะสิ!”

“จัดการกับมันเดี๋ยวนี้!”

อาจินไม่ต้องการเสียเวลามากไปกว่านี้ หลังจากที่เขาออกคําสั่ง ลูกน้องทั้งหมดก็เงื่อท่อนเหล็กในมือขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้าใส่หลินหนานทันที

คนหนึ่งไร้ซึ่งอาวุธ กับอีกกลุ่มหนึ่งที่มีอาวุธในมือครบทุกคน ดูแล้ว.. ไม่ว่าอย่างไร ชายหนุ่มก็คงจะต้องถูกนักเลงกลุ่มนี้กระทืบน่วมแน่!

บูม!

แต่หลินหนานเองก็ไม่ได้ยืนนิ่งๆ รอให้พวกมันวิ่งเข้ามาถึงตัว แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกอย่างน่ากลัว ก่อนจะพุ่งทะยานเข้าใส่กลุ่มของชายฉกรรจ์ทั้งสิบคนเช่นกัน และเมื่อไปถึง ขาข้างหนึ่งของหลินหนานก็ยกสูงขึ้น พร้อมกับถีบเข้าใส่ร่างของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่พากันวิ่งกรูเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ปัง! ปัง! ปัง!

หลินหนานไม่ต่างจากพยัคฆ์แข็งแกร่ง ที่กระโจนเข้าใส่ฝูงแกะอ่อนแอ เขาไม่เปิดโอกาสให้พวกมันได้ตอบโต้เลยแม้แต่น้อย ปลายเท้ายังคงตวัดอย่างรวดเร็ว ราวกับพายุลมที่โหมพัดใบไม้จนร่วงโรย..

ในเวลาไม่ถึงสามสิบวินาที..

นอกจากอาจินแล้ว ชายฉกรรจ์ทั้งเก้าคนก็ได้ลงไปนอนร้องครวญครางอยู่กับพื้น พวกมันยังไม่ทันได้ทําอะไรด้วยซ้ํา ก็ถูกหลินหนานถีบกระเด็น จนล้มลงไปนอนระเนระนาดกองกับพื้นกันหมด

“นี่แก.. แกเป็นใครกันแน่?”

อาจินเป็นอันธพาลข้างถนนมานาน และเคยมีเรื่องชกต่อยทําร้ายผู้คนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาไม่เคยพบเจอใครที่เก่งกาจเหมือนอย่างหลินหนานมาก่อน จึงได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง และเริ่มรู้สึกว่าหลินหนานต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่!

หลินหนานหันไปคว้าลําคอของอาจินไว้ พร้อมกับยกร่างของมันขึ้นลอยเควังได้อย่างง่ายดาย เขาจ้องหน้าอาจินพร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ําเสียงเย็นชา

“ตอบฉันมา ตอนนี้เย่เข่อเอ๋ออยู่ไหน?”

“อยู่.. อยู่ในรถตู้คันนั้น!”

ตอนนี้ อาจินหวาดกลัวหลินหนานจนตัวสั่น และรู้สึกว่าเป้ากางเกงของตนเองเริ่มเปียกขึ้นเพราะปัสสาวะราด

เขาจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างไร ในเมื่อหลินหนานนั้นแข็งแกร่งจนน่าขนลุก ขึ้นยังฝันที่จะสู้กับหลินหนาน ก็คงไม่ต่างจากเอาไข่ไปกระแทกกับหินแข็ง อย่าว่าแต่จะทําอันตรายหลินหนานเลย แม้แต่เส้นผมของหลินหนาน เขาเองยังไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้สัมผัสก่อนตายหรือเปล่า?

หลินหนานลากร่างที่นิ่งไปด้วยความกลัวราวกับคนเป็นอัมพาตของอาจิน ไปที่รถตู้ที่จอดอยู่ด้านหน้าทันที และเมื่อมองสํารวจเข้าไปด้านในจึงพบว่า เย่เข่อเอ๋อถูกจับมัดมือมัดเท้า และใช้เทปปิดปาก โยนไปไว้ท้ายรถอย่างน่าเวทนา

เพีhยะ!

หลินหนานยกมือขึ้นตบหน้าอาจินอย่างแรง พร้อมกับตวาดเสียงดัง “นี่แกกล้าทํากับน้องเมียของฉันถึงขนาดนี้เชียวเหรอ? พวกแกคงอยากจะตายมากสินะ?”

“นี่.. นี่ไม่ใช่ความคิดของฉันนะ! แต่เป็นคําสั่งของคุณชายเสี่ยว พวกเราแค่ทําตามคําสั่งของเขาเพื่อแลกกับเงินค่าจ้างเท่านั้น!”

อาจินระล่ำระลักตอบหลินหนานกลับไปด้วยน้ําตานองหน้า หากเขารู้ว่าหลินหนานจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ เขาคงไม่ยอมรับทํางานนี้แน่ๆ และในนาทีวิกฤติแบบนี้ คนอย่างอาจินก็พร้อมที่จะขายผู้ว่าจ้างทันทีเช่นกัน!

หลินหนานเดินไปที่ท้ายรถตู้ แล้วจัดการดึงเทปที่ปิดปากเย่เข่อเอ่อออก และแก้มัดให้กับเธอ ทันทีที่เทปปิดปากถูกดึงออก เย่เข่อเอ๋อก็ร้องห่มร้องไห้บอกกับหลินหนานว่า

“พี่เขย ฉันกลัวแทบตาย! ฮือๆๆ”

เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวตัวแสบนั้นหวาดกลัวอย่างมาก และเวลานี้เธอก็เอาแต่ร้องไห้น้ําตาไหลพรากไม่หยุด

“ไม่ต้องกลัว เธอปลอดภัยแล้วเข่อเอ่อ!”

หลินหนานโอบกอดร่างบอบบางของเด็กสาวไว้อย่างอ่อนโยน แต่ครั้งนี้ ในใจของเขานั้นไม่ได้คิดเรื่องชั่วช้าอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย เขายกมือขึ้นเช็ดน้ําตาให้กับเด็กสาวด้วยความนุ่มนวล แววตาที่มองเยี่เข่อเอ๋อก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน

ตลอดเวลาสองปีกว่าที่เขาใช้ชีวิตในบ้านตระกูลเย่นั้น ในสายตาของเขา เย่เข่อเอ๋อเป็นเด็กสาวที่ไม่เคยหวาดกลัวอะไรเลย มิหนําซ้ํายังออกจะดื้อรั้นด้วยซ้ําไป แต่เหตุการณ์ถูกลักพาตัวในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าเย่เข่อเอ๋อมีอาการตกใจและหวาดผวาเป็นอย่างมาก!

“ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่เขยต้องมาช่วยฉันแน่!” เย่เข่อเอ๋อร้องบอกหลินหนาน พร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดน้ําตา

ไม่รู้ว่าความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้นกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เมื่อได้เห็นพี่เขยที่ไม่เอาไหนคนนี้ เธอกลับรู้สึกสบายใจ และรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้สึกแม้กระทั่งว่า ความจริงแล้วหลินหนานมีข้อดีหลายอย่างมาก แม้หน้าตาจะไม่หล่อเหลาเท่าไหร่นักก็ตาม!

“เอาล่ะเข่อเอ๋อ.. ในเมื่อตอนนี้ก็ปลอดภัยไม่เป็นอะไร เธอก็รีบกลับบ้านไปได้แล้ว เดี๋ยวพี่สาวของเธอจะเป็นห่วง!”

หลินหนานจัดแจงดึงเสื้อผ้าของเย่เข่อเอ๋อให้เรียบร้อยพร้อมกับร้องบอก แต่เย่เข่อเอ๋อกลับยกมือขึ้นดึงแขนเสื้อของเขาไว้ พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“พี่เขย.. แล้วพี่ล่ะ? ไม่กลับไปพร้อมกับฉันเหรอ? แล้วถ้าระหว่างทางมีคนมาจับตัวฉันอีกล่ะ ใครจะช่วยฉันได้?”

“ไม่มีใครกล้าทําแบบนั้นอีกแล้วล่ะ! เธอรีบกลับบ้านไปก่อน ฉันยังมีเรื่องต้องไปสะสางอีก หลังจากจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ฉันจะรีบตามกลับไปที่บ้านทันที!”

หลินหนานตอบกลับเสียงเรียบ และระหว่างที่พูดนั้น แววตาของเขาก็เป็นประกายวูบขึ้นมาอย่างน่ากลัว แววตาของหลินหนานดุดันโหดเหี้ยมราวกับดวงตาปีศาจร้าย!

เรื่องสําคัญที่สุดสําหรับหลินหนานในเวลานี้ก็คือ จัดการกับเสี่ยวจือฉีผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้! เพราะเขาเองก็ไม่มั่นใจว่า ตนเองจะสามารถตามมาช่วยเย่เข่อเอ๋อได้ทันทุกครั้งหรือไม่?

อีกอย่าง กลุ่มโจรที่ลักพาตัวเย่เข่อเอ๋อในครั้งนี้ ก็ไม่ใช่โจรมืออาชีพ หากวันนี้เป็นโจรมืออาชีพแล้วล่ะก็ แม้แต่เขาเองยังไม่กล้าคิดถึงผลที่จะตามมาว่า จะรุนแรงและเกิดการสูญเสียมากเพียงใด? เพราะฉะนั้น เขาจะต้องจัดการถอนรากถอนโคนตัวปัญหาในครั้งนี้เสียก่อน

“ระวังตัวด้วยนะพี่เขย แล้วฉันจะไปรอฟังข่าวดีที่บ้าน!”

เย่เข่อเอ๋อลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าและตอบหลินหนานไป และนี่นับเป็นข้อดีของเยี่เข่อเอ่อ เมื่อรู้ตัว ฃว่าไม่สามารถช่วยอะไรได้ เธอก็ไม่ทําตัวให้เป็นภาระของเขา

หลินหนานจ้องมองเย่เข่อเอ๋อที่กําลังขับรถเฟอรารี่ของพี่สาวกลับออกไป หลังจากรถเฟอรารี่แล่นไกลจนลับสายตาไปแล้ว หลินหนานจึงได้หันกลับมาพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างน่าสะพรึงกลัว อาจินที่ได้เห็นรอยยิ้มปีศาจของหลินหนานนั้น ถึงกับตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

“เอาล่ะ คราวนี้แกก็โทรหาคุณชายเสี่ยวได้แล้ว บอกกับเขาว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ให้เขามาที่นี่ได้” หลินหนานสั่งอาจิน พร้อมกับยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่ทําให้อาจินต้องสั่นสะท้านทั้งร่าง

“ได้ๆ ฉันโทรเดี๋ยวนี้ล่ะ!”

อาจินพยักหน้าหงักๆ เขาเองก็กลัวตายเหมือนกัน ท่ามกลางป่าเขามืดมิดแบบนี้ คงไม่มีใครมาช่วยแน่ หากเขาถูกฆ่าตาย และศพถูกโยนลงไปในหน้าผา ใครบ้างจะรู้จะเห็น?

หลังจากที่ได้คุยกับคุณชายเสียวไม่ถึงสามนาที่ อาจินก็กลับมารายงานหลินหนานเสียงสั่น “ฉันโทรไปบอกคุณชายเสี่ยวตามที่นายสั่งแล้ว แต่ว่า.. คุณชายเสี่ยวบอกให้ฉันพาตัวคุณหนูเยู่กับนายไปพบเขาแทน..”

“อ่อ.. ในเมื่อคุณชายเสี่ยวอยากพบฉัน ฉันก็ไม่ควรทําให้เขาผิดหวังสินะ ถ้างั้น.. แกก็ขับรถพาฉันไปพบไอ้หมอนั่นเดี๋ยวนี้!” หลินหนานร้องสั่งด้วยน้ําเสียงนิ่งเรียบ

ความจริงแล้ว หลินหนานต้องการให้อาจินบอกเสี่ยวจือฉีให้มาพบเขาที่นี่ แต่เมื่อนึกได้ว่า เสี่ยวจือฉีไม่ได้อยู่ที่บ้าน หลินหนานจึงคาดเดาว่า นอกจากเสี่ยวจือฉีแล้ว น่าจะต้องมีคนอื่นที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้อีก

“เอ่อ.. แต่ถ้าฉันพานายไปด้วยตัวเอง คุณชายเสียวต้องไม่ไว้ชีวิตฉันแน่! พี่ชาย.. ปล่อยฉันไปเถิดนะ อย่าให้ฉันต้องพาพี่ชายไปที่นั่นเลย!” อาจินอ้อนวอนหลินหนานด้วยสีหน้าท่าทางหวาดกลัว

“แกไม่มีสิทธิ์มาต่อรองอะไรกับฉัน!”

หลินหนานตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่อาจินก็ฉลาดพอที่จะไม่พูดอะไรอีก และได้แต่ขับรถพาหลินหนานไปอย่างว่าง่าย

ระหว่างทาง หลินหนานนั่งอยู่เบาะหลังของรถตู้ สายตาของเขาเหม่อมองออกไปนอกรถ แต่คิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นอย่างไม่ตั้งใจนั้น กลับทําให้ใบหน้าของหลินหนานมีรังสีอํามหิตมากขึ้น

หากเสียวจือฉลงมือจัดการกับเขาเพียงคนเดียว เขาคงไม่คิดที่จะฆ่าหมอนั่น แต่ในเมื่อมันกลําดึงเย่เข่อเอ๋อเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หลินหนานก็ไม่คิดที่จะปล่อยให้เสี่ยวจือฉีลอยนวลต่อไปเช่นกัน

เกล็ดมังกรคือสิ่งต้องห้าม และผู้ใดที่บังอาจแตะต้องเท่ากับรนหาที่ตาย!