ตอนที่ 8-1 ท่านแม่ที่ใจดี

บิดาของอำมาตย์หลี่มีนามว่า หลี่ฉางเซิง เขาถึงแก่กรรมในช่วงกลางปี ภรรยาคู่บุญของเขาคือ เมิงชิ

เมื่อสามีได้เสียชีวิตลงไป นางจึงต้องตกอยู่ในห้วงของความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก

หากต้องอยู่ในตำหนักหลังใหญ่นางกลัวว่า จะทนคิดถึงสามีผู่ล่วงลับมิไหว จึงได้ปลีกตัวออกไปอยู่อย่างสงบที่ตำหนักเหอเซียงหยวน

ตำหนักเหอเซียงหยวนอยู่ห่างจากตำหนักหลังใหญ่มากที่สุด มันตั้งอยู่โดดเดี่ยว และมีความเงียบสงบเป็นอย่างมาก

ดังนั้น นางจึงมิได้ใส่ใจของเงินทอง ทรัพย์สิน หรือเรื่องของผู้อื่นมากนัก

ท่านย่าเมิงชิเป็นผู้นี้เป็นผู้ที่ค่อนข้างนิ่งเฉย และเป็นผู้หญิงที่เงียบขรึม อีกทั้งยังมิชอบคบหาสมาคมกับผู้ใด

อย่างไรก็ตาม นางเป็นผู้ใหญ่ที่มีความยุติธรรมมาก ในการจัดการเรื่องต่าง ๆ นางมิเคยกล่าวหาหรือทำร้ายผู้ใดโดยมิชอบ

ด้วยเหตุนี้หลี่เว่ยหยางจึงเก็บรักษาความรู้สึกอันดีที่มีต่อนางมาโดยตลอด

แต่น่าเสียดาย ที่ในช่วงชีวิตในชาติที่แล้ว สุขภาพของท่านย่ามิค่อยแข็งแรงนัก นางจึงเสียชีวิตจากไป ก่อนที่ หลี่เว่ยหยางจะขึ้นเป็นจักรพรรดินี

ในห้องนั้น เมิงชินั่งอยู่ตรงกลางสวมเสื้อคลุมไหมสีฟ้าครามที่มีลายดอกโบตั๋นปักอยู่

บนศีรษะมีหมวกขนมิงค์ที่มีชิ้นหยกเย็บอยู่ตรงกลาง

เมื่อได้เห็นการเคลื่อนไหวที่สง่างามของหลี่เว่ยหยาง นางพยักหน้าช้า ๆ และกล่าวว่า

“ดีแล้วที่เจ้ากลับมา”

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อได้ยินประโยคนี้ดวงตาของหลี่เว่ยหยางได้กลายเป็นสีแดงในทันที

ทำให้ทุกคนที่ได้เห็น เกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ แต่มิมีผู้ใดกล่าวอันใดออกมา

หญิงสาวในชุดผ้าไหมจากเมืองเซียงโจวสีน้ำผึ้งคอกลม ประดับด้วยปิ่นรูปหงส์สีทองที่ผมของนางหัวเราะออกมาเบา ๆ

และเดินเข้ามาหาหลี่เว่ยหยาง นางช่วยพยุงเว่ยหยางให้ลุกขึ้นยืน และจ้องมองตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นจึงยิ้มและกล่าวว่า

“ท่านพี่ดูสิ นางช่างมีมารยาทที่อ่อนน้อมจริง ๆ !”

นางมองไปที่ฮูหยินใหญ่ซึ่งกำลังนั่งอยู่อีกฝั่ง

“ขอแสดงความยินดีกับพี่สะใภ้ใหญ่ด้วย ท่านได้รับอัญมณีที่งดงามอีกชิ้นหนึ่งแล้ว”

ฮูหยินใหญ่เจียงชิหัวเราะออกมาเบา ๆ แต่แววตาแฝงไปด้วยความริษยา

นางจ้องมองหลี่เว่ยหยางอย่างละเอียดและกล่าวว่า

“เจ้าเป็นเด็กที่มีมารยาทงดงาม มาตรงนี้สิ มาให้ข้าดูใกล้ ๆ ”

หลี่เว่ยหยางเหลือบด้วยหางตา แต่ยังคงมีรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้านั้น

สีหน้าของเว่ยหยาง ดูแล้วเหมือนกับว่า จะเคารพและเชื่อฟังจากใจจริง

นางค่อย ๆ เดินผ่านเหวินชิลูกสะใภ้คนที่สอง ผู้ที่ช่วยพยุงนางให้ลุกขึ้นยืนก่อนหน้านี้

และเดินเข้าไปหาเจียงชิ อย่างสุภาพ พร้อมกับก้มหัวลงเล็กน้อย

“ท่านแม่.”

เจียงชิมองนางด้วยท่าทางที่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่า นางมีความรัก และห่วงใยเว่ยหยางอย่างแท้จริง

“มีคนกล่าวว่า ฮวงจุ้ยของผิงเฉิงนั้นดีมาก

จนถึงจุดที่สามารถช่วยหล่อเลี้ยงผู้ใดบางคนให้เป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษ และโดดเด่นขึ้นมาได้

ตอนที่เจ้าคลอดออกมา ตัวเล็กเท่าลูกแมว ร่างกายและสุขภาพของเจ้าก็มิค่อยแข็งแรงนัก

แต่ในตอนนี้ เจ้าดูสุขภาพดีขึ้นมาก นี่เป็นผลดีที่หมอดูได้ทำนายไว้!”

ฮวงจุ้ย เช่นนั้นหรือ? หล่อเลี้ยงให้เป็นคนที่มีความสามารถพิเศษ? หลี่เว่ยหยางหัวเราะอย่างเย็นชาอยู่ภายในใจ

เว่ยหยางยิ้มอย่างอ่อนโยน

“สิ่งที่ท่านแม่กล่าวนั้นถูกต้อง เป็นเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เว่ยหยางได้รับการดูแลและห่วงใยจากท่าน”

เมื่อกล่าวคำเหล่านี้ออกไป ในสายตาของผู้อื่น เว่ยหยางจะดูเหมือนผู้ที่มีมารยาท

แต่หากฟ้องท่านย่าใหญ่ในตอนนี้ว่า นางถูกทำร้าย จะส่งผลให้ฮูหยินใหญ่ถูกตำหนิ

ในเวลาเดียวกัน ฮูหยินใหญ่สามารถปัดความรับผิดชอบไปให้สาวใช้และคนรับใช้เหล่านั้นได้

.ในท้ายที่สุด มันจะมิส่งผลกระทบต่อฮูหยินใหญ่เลย แทนที่หลี่เว่ยหยางจะชนะ กลับจะถูกมองว่าเป็นผู้ที่โง่เขลาเสียด้วยซ้ำ

ดังนั้นเมื่อหลี่เว่ยหยางกล่าวคำเหล่านั้นออกไป เจียงชิจึงมีความประทับใจ และเดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้ม

นางยื่นมือมาจับมือของเว่ยหยางและกล่าวว่า

“เป็นเรื่องดีที่เจ้าเข้าใจเจตนาดีของข้า ตอนนี้กลับมาถึงบ้านแล้ว

เจ้าควรไปทำความรู้จักพี่สาวเจ้าเสีย หากขาดเหลืออันใดก็มาบอกกล่าวกับข้าได้”

ในขณะนั้น ลูกสะใภ้คนที่สามโจวชิเฝ้าดูการเล่นละครฉากนี้อย่างเงียบ ๆ โดยมิได้แสดงความคิดเห็นอันใด

ในทางกลับกัน เหวินชิกำลังยิ้มด้วยความเยาะเย้ย

ท่านย่าใหญ่มองดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยมิได้แสดงสีหน้าใด เลย นางทำเพียงแค่นั่งนับลูกปัดพุทธในมือของตนเอง

“เว่ยหยางจะเชื่อฟังคำสอนของท่านแม่ทุกอย่าง”

ในสายตาของผู้อื่นสีหน้าของเว่ยหยางแสดงถึงความสุภาพ และอ่อนน้อม แต่สิ่งที่อยู่ภายในใจนั้น ผู้ใดจะล่วงรู้ได้

ฮูหยินใหญ่เหลือบมองไปที่ไป๋จื่อ และจื่อหยาน ซึ่งกำลังยืนอยู่ทางด้านหลังของเว่ยหยาง

นางพยักหน้า และกล่าวว่า

“เจ้ามีสาวใช้เพียงแค่สองคนจะพอหรือ

ฮัวเหม่ยมานี่สิ จากนี้ไปเจ้าจะคอยติดตามคุณหนูเว่ยหยาง และต้องดูแลนางใหัดีด้วย”

สาวใช้รูปร่างบอบบาง และมีดวงตากลมโตคู่หนึ่งก้าวมาด้านหน้า และโค้งคำนับหลี่เว่ยหยางด้วยความเคารพ