ตอนที่ 7-2 ถึงแล้ว

ในตอนนี้เว่ยหยางได้รู้แล้วว่า สาวงามผู้น่าหลงไหลผู้นี้คือผู้ใด นางคือ ‘หลี่จางเล่อ’ ผู้ซึ่งเป็นพี่สาวของตนเอง

หลี่เว่ยหยางยืนอยู่ในจุดเดิมเป็นเวลานานมาก ราวกับว่า กำลังอยู่ในอาการตกตะลึง และสติได้หลุดลอยออกไปแล้ว

นางมิเคยพบเห็นบุคคลที่มีลักษณะพิเศษเช่นนี้มาก่อนเลย และมิเคยได้ยินน้ำเสียงที่มีความไพเราะเท่านี้มาก่อนด้วยเช่นกัน

จึงแอบคิดอยู่ภายในใจว่า: แม้แต่นางฟ้าก็มิสามารถเทียบเทียมกับหญิงสาวผู้นี้ได้เลย. .

“คุณหนูเว่ยหยาง! คุณหนู!”

จื่อหยานเอ่ยเรียกชื่อนางด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา

หลี่เว่ยหยางเกิดอาการสะดุ้งเล็กน้อย และลืมตาขึ้นช้าๆ ขยับนั่งให้ลำตัวตัวตรง และยิ้มกว้างออกมา มันช่างเป็นรอยยิ้มที่สดใสมาก

“เกิดอันใดขึ้น?”

จื่อหยานยิ้มกว้าง และกล่าวว่า

“คุณหนู เราใกล้จะถึงบ้านตระกูลหลี่แล้ว”

หลี่เว่ยหยางดึงผ้าม่านเพื่อเปิดดูภายนอก รถม้าได้วิ่งผ่านประตูเจิ้งอานมาแล้ว

และกำลังจะมาถึงฉางเหมิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านท่านอำมาตย์หลี่

บ้านตระกูลหลี่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่กว้างขวางมาก และมิได้อยู่ใกล้กับคฤหาสน์ของขุนนางผู้อื่น

ในตอนที่คฤหาสน์หลังนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมา มีองค์ชายท่านหนึ่งต้องการที่จะได้มันไปครอบครองจึงทูลขอจากองค์จักรพรรดิเป็นกรณีพิเศษ

แต่ในที่สุด มิทราบว่าด้วยสาเหตุอันใด เขามิได้ย้ายเข้ามาพักอาศัยอยู่ที่นี่

ต่อมาองค์ชายคนดังกล่าวได้ถูกค้นพบว่า สมรู้ร่วมคิดเพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์ แต่มิประสบความสำเร็จ เป็นผลให้เขาถูกฆ่าตัวตายด้วยเหล้าพิษ

ทรัพย์สมบัติของเขาทั้งหมด และที่ดินถูกยึดโดยกรมพระราชวัง

และในที่สุดได้ถูกขายให้กับตระกูลหลี่ และส่งต่อมาอีกหลายชั่วอายุคน

เนื่องจากที่ดินเดิมถูกสร้างโดยองค์ชายเพื่อการเกษียณอายุของเขา

ในสวนจึงมีหินประดับ และต้นไม้มากมาย มันช่างมีความงดงาม ร่มรื่น และมีชีวิตชีวามาก

หากจะกล่าวถึงบรรยากาศในสวนแห่งนี้แล้ว คฤหาสน์ที่หรูหราแห่งอื่นในเมืองหลวงมิสามารถเทียบเทียมได้เลย

อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวถึงสถาปัตยกรรม และการออกแบบนับได้ว่า เป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดในยุคนั้นเลยก็ว่าได้

ขณะนี้ เสียงกีบม้าที่เป็นจังหวะ และน่ารำคาญกำลังดำเนินต่อไปโดยมิหยุดหย่อน

ในที่สุดหลังจากนั้นมินานเท่าใดรถม้าได้หยุดการเคลื่อนไหวลง

ด้านนอกมีเสียงที่อ่อนโยนของหญิงชรารับใช้เอ่ยขึ้นมาว่า

“คุณหนูเว่ยหยางมาถึงแล้ว!”

จากนั้นนางจึงเอื้อมมือมาช่วยพยุงเด็กสาวลงจากรถม้าด้วยความระมัดระวัง

ไป๋จื่อและจื่อหยานก้าวลงจากรถม้าก่อน

หลังจากนั้นพวกนางจึงหันกลับมาและช่วยนำตัวหลี่เว่ยหยางลงมาจากรถม้า

เว่ยหยางเดินตามทางเดินนั้นไป และได้พบว่า สองข้างของทางเดินมีกรงนกไม้ไผ่จำนวนมากถูกแขวนเอาไว้บนที่สูง

มีนกขุนทอง นกขมิ้นสีแดงและสีเหลือง และมีทั้งคอสีแดง คอสีฟ้า นกแก้ว นกพิราบ ฯลฯ

นกหลายร้อยชนิดกำลังร้องเพลงด้วยความพร้อมเพรียงกัน ทำให้เกิดท่วงทำนองที่ไพเราะ และทำให้มีความรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

หลี่เว่ยหยางมองไปที่นกอินทรีชั่วครู่ และเมื่อได้เห็นสายตาที่คมชัด และน่ากลัวของมัน จึงหันไปสนใจสิ่งอื่นแทน

ตามทางเดินมีคนรับใช้จำนวนหนึ่งซึ่งแต่งกายด้วยชุดสีเขียว และสวมใส่เครื่องประดับสีน้ำเงิน พวกเขายืนอยู่ที่นั่นด้วยอาการเงียบสงบ

แต่เมื่อได้เห็นหลี่เว่ยหยางเข้า พวกเขาจึงก้มลงเพื่อแสดงความเคารพ

ภาพนี้ช่างเหมือนกับในชาติที่แล้วทุกประการ มิมีผิดเพี้ยนไปเลยแม้แต่น้อย

แต่ในชาติที่แล้ว เมื่อเว่ยหยางได้เห็นคนรับใช้เหล่านั้น นางรู้สึกมีความกระวนกระวายใจ และสับสนจนมิรู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดี

เมื่อคิดย้อนกลับไป ฮูหยินใหญ่อาจส่งคนมาสอนมารยาทที่เหมาะสมกับผู้คนเหล่านี้ รวมทั้งผู้คนจากตระกูลหลี่ในเม่องผิงเฉิงด้วย

หลี่เว่ยหยางหวนรำลึกถึงช่วงเวลานั้น นางยิ้ม แต่มิได้หยุดเดิน พร้อมกับมองไปยังคนรับใช้มากมายที่กำลังรายล้อมอยู่รอบตัวนาง

เว่ยหยางเดินตามสาวใช้ที่อยู่ด้านหน้าไปตามทางเดิน ส่วนไป๋จื่อและ

จื่อหยานกำลังเดินตามมาด้วยเช่นกัน

“เจ้าเห็นหรือไม่? เด็กสาวผู้นั้นคือคุณหนูเว่ยหยาง!”

“นางมีความงดงามมาก แม้แต่กิริยาของนางก็ดูช่างอ่อนน้อม! หากมิกล่าวคงมิมีผู้ใดรู้หรอกว่า นางเติบโตมาจากหมู่บ้านในชนบท?”

“ถูกต้อง สายเลือดผู้มีตระกูลของนางคงจะเข้มข้นมาก

จึงมิปล่อยให้การเลี้ยงดูเช่นนั้น ส่งผลกระทบต่อมารยาทและพฤติกรรมได้ !”

หลี่เว่ยหยางมิได้ใส่ใจในบทสนทนาของพวกเขา นางเดินตรงไปที่ตำหนักเหอเซียงหยวน

คนรับใช้ได้เปิดประตูออกมา เมื่อได้เห็นเว่ยหยางเดินเข้ามา นางได้กล่าวอย่างร่าเริงว่า

“คุณหนูเว่ยหยาง”

หลี่เว่ยหยางยิ้มเล็กน้อย และพยักหน้าไปทางคนรับใช้ผู้นั้น จากนั้นจึงก้าวเข้าไปในตำหนัก

ไป๋จื่อและจื่อหยาน สาวใช้ทั้งสองได้เดินตามเข้าไปด้านในด้วย

พื้นนั้นทำจากกระเบื้องเคลือบชั้นดีสีเหลือง และขัดเงาจนสะท้อนแสงเหมือนกับกระจกเงา

เหนือศีรษะของพวกนาง เมื่อมองขึ้นไปจะเห็นโคมไฟรูปแปดเหลี่ยมที่มีความงดงามเป็นอันมาก ส่วนเสานั้น ทำจากไม้สักชั้นดีที่มีอายุหลายสิบปี

งาช้างซึ่งส่องแสงเป็นประกาย เครื่องประดับตกแต่งบ้านอีกมากมาย ที่มองดูแล้วช่างเพลินตาเพลินใจ

มันช่างมีความหรูหรา และยากที่จะมิหลงใหลมัน

คนรับใช้ทั้งสองจากปิงเฉิงรู้สึกราวกับว่า พวกนางแทบจะหยุดหายใจ มันอลังการมาก!

หลี่เหว่ยหยางผู้ซึ่งน่าจะตกใจกับความหรูหราในอสังหาริมทรัพย์นี้ กลับมิได้ให้ความสนใจในสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย

นางก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม พร้อมด้วยรอยยิ้ม และโค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารพต่อ ผู้อาวุโสหลี่ ซึ่งนั่งอยู่ตรงกลาง

“เว่ยหยางควรวะ ท่านย่าใหญ่และท่านป้าทั้งสอง”