ตอนที่ 118 มาตรวัดทิศทาง

กระแสของเรื่องกระบี่เทพสังหารนับได้ว่าถล่มทลาย ช่วงเที่ยงวัน ในอินเทอร์เน็ตก็ปรากฏการพูดคุยกันเป็นวงกว้าง

‘หนังสือเล่มใหม่ของฉู่ขวงสุดจัด!’

‘ที่แท้เทพเซียนกำลังภายในก็เป็นแบบนี้!’

‘ผมขอโทษสำหรับความอิกนอแร้นก่อนหน้านี้นะค้าบ ในฐานะแฟนคลับของฉู่ขวง ถึงกับสงสัยในความสามารถของฉู่ขวง ต่อให้ไม่ได้เขียนแนวกีฬา เขาก็ยังเจ๋งเป้งขนาดนี้!’

‘อ่านจนฉันตื่นเต้นมือเปียกไปหมด’

‘ซื้อหนังสือไปตอนเช้า เอาไปอ่านตอนเรียน แล้วก็ถูกครูยึดไป ตอนนี้ครูอ่านจนติดหนึบกว่าผมอีก อยากถามว่าผมจะได้หนังสือคืนมั้ยครับ’

‘…’

นักอ่านมีเวลาอ่านน้อยนิด ยังอ่านกันไปได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่นั่นก็มากพอให้พวกเขายกเรื่องกระบี่เทพสังหารให้เป็นผลงานคลาสสิกได้เลย

ช่วยไม่ได้

ไม่เคยอ่านเทพเซียนกำลังภายในมาก่อน

อ่านแล้วติดงอมแงมเลยเนี่ย

ยิ่งแฟนคลับของฉู่ขวงก็ยิ่งตะลึงลานตื่นเต้นกันยกใหญ่ โพสต์แนะนำกระบี่เทพสังหารไปทุกที่ เมื่อเห็นโพสต์แนะนำเต็มไปหมด นักอ่านที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้สนใจหนังสือเล่มนี้ก็อดคันไม้คันมือ คันหัวใจยุบยิบเหมือนมีแมวมาข่วนอย่างห้ามไม่อยู่

สนุกขนาดนั้นเลยเหรอ

สนุกกว่าปรินซ์ออฟเทนนิส?

เมื่อมีความคิดเช่นนี้ คนเหล่านี้จึงมาที่ร้านหนังสือในช่วงบ่าย อยากอ่านดูบ้างว่าเรื่องกระบี่เทพสังหารเขียนเป็นยังไง แต่คำตอบที่พวกเขาได้รับจากร้านขายหนังสือมาเหมือนๆ กันก็คือ ‘หนังสือเรื่องนี้พวกเราขายหมดแล้ว กำลังเร่งเติมสินค้าอยู่ หลังจากนี้สักสามสี่วันค่อยกลับมาซื้อใหม่’

ขายหมดแล้วเหรอ?

อีกความหมายหนึ่งของการขายหมดก็คือหนังสือเรื่องนี้เป็นที่นิยมมาก จนแหล่งสินค้าของขาดมือ ถึงอย่างไรตอนที่ร้านขายหนังสือขนาดใหญ่แต่ละแห่งพูดประโยคนี้จบ สีหน้าก็ฉายแววหดหู่และจนปัญญา

นักอ่านรู้งานกันจริงๆ!

เดิมทีมีบางคนไม่ได้รีบร้อนอยากอ่านเรื่องกระบี่เทพสังหารขนาดนั้น แต่ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ก็พากันตื่นเต้นขึ้นมา หนังสือที่ขายดีขนาดนี้จะไม่สนุกไปได้ยังไง?

ต้องซื้อให้ได้!

บางคนถึงขั้นที่วิ่งไปตามร้านหนังสือต่างๆ อย่างไม่ลดละ น่าเสียดายที่หาซื้อไม่ได้เลย โชคดีที่มีชาวเน็ตใจดีแจ้งข่าวว่า ‘ทั้งฉินโจวมีแค่ร้านเดียวที่ยังมีสินค้า ก็คือศูนย์หนังสือจิ้งอัน รีบไปซื้อกันเร็ว ช้าหมดอดซื้อน้าา!’

ถ้าช้าก็ต้องเป็นอันอดซื้อไปอย่างแน่นอน

ศูนย์หนังสือจิ้งอันสั่งสินค้าเข้ามาตั้งเจ็ดแสนเล่ม

จำนวนการตีพิมพ์ในครั้งแรกหนึ่งล้านเล่ม ถึงกับทำให้ใช้กลยุทธ์เล่นกับกิเลสของคนกับร้านหนังสือ

ศูนย์หนังสือจิ้งอันเองก็ย่อมรู้ว่าเรื่องกระบี่เทพสังหารในร้านหนังสือใหญ่ๆ แต่ละแห่งขาดสินค้า ดังนั้นจึงโปรโมตไปทั่วทุกสารทิศว่าพวกเรายังมีสินค้าอยู่ พวกเธอรีบมาซื้อกันเร็ว ฉินโจวมีเพียงแห่งเดียว พลาดแล้วพลาดเลยนะ!

ฉึบๆๆๆๆ!

นักอ่านสับเท้ามุ่งตรงไปยังศูนย์หนังสือจิ้งอัน

ร้านหนังสือขนาดใหญ่แต่ละเจ้าแทบอยากกระอักเลือด เร่งให้คลังหนังสือซิลเวอร์บลูส่งสินค้ากันสุดชีวิต คลังหนังสือซิลเวอร์บลูกลับตอบว่า ‘ขณะนี้เราอยู่ระหว่างการทำงานล่วงเวลาเพื่อตีพิมพ์เพิ่ม อย่างช้าสามวันก็จะสามารถจัดส่งสินค้าได้!’

“…”

ช่วงเวลาที่ทิ้งห่างกันคือความเป็นความตาย

ช่วงเวลาทองของของการขายนิยายคือสามวันแรก ช่วงเวลาสามวันก็มากพอให้ศูนย์หนังสือจิ้งอันสูบลูกค้าไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ กว่าแต่ละสำนักพิมพ์ใหญ่จะได้รับสินค้าจากคลังหนังสือซิลเวอร์บลู นักอ่านนับไม่ถ้วนก็ไปซื้อกระบี่เทพสังหารที่ศูนย์หนังสือจิ้งอันเรียบร้อยแล้ว!

แบบนี้มันน่าเจ็บใจเหลือเกิน!

ศูนย์หนังสือจิ้งอันลงทุนไปนิดเดียว แต่กอบโกยไปมหาศาล!

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพูดไม่ได้ว่าศูนย์หนังสือจิ้งอันผูกขาด เพราะตอนที่สั่งสินค้าเข้ามาก่อนหน้านี้ ร้านหนังสือแต่ละแห่งเพลย์เซฟเกินไป จำนวนสินค้าที่สั่งลงสต็อกนั้นต่ำมาก ตอนนี้กระบี่เทพสังหารขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จะมาเสียดายก็เปล่าประโยชน์

……

ทางคลังหนังสือซิลเวอร์บลูก็นึกไม่ถึงว่ายอดขายของกระบี่เทพสังหารจะเหนือจินตนาการขนาดนี้ พิมพ์ครั้งแรกมาตั้งหนึ่งล้านเล่มแท้ๆ ตอนนี้กลับให้ความรู้สึกว่าขายได้ไม่ทันไรก็หมด แม้แต่ศูนย์หนังสือจิ้งอันซึ่งมีสต็อกมากที่สุด ก็ยังมีออเดอร์มาอีกสามแสนเล่ม

นี่คือเทพเซียนกำลังภายในหรือ

นี่ยังเป็นเทพเซียนกำลังภายในอยู่อีกหรือ

หลี่ว์เป่ยบรรณาธิการบริหารคลังหนังสือซิลเวอร์บลูฉีกยิ้มเบิกบาน ดูจากแนวโน้มแล้ว ยอดขายของกระบี่เทพสังหารในเดือนนี้พุ่งทะลุเป้าไปแล้ว กระแสความร้อนแรงนี้ได้แซงนิยายเรื่องก่อนหน้านี้ของฉู่ขวงไปแล้ว!

ลองนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็แล้วกัน

ฉู่ขวงเขียนปรินซ์ออฟเทนนิสจบ คนตั้งไม่รู้เท่าไหร่หัวเราะเยาะคลังหนังสือซิลเวอร์บลูว่าสูญเสียหนังสือขายดีเล่มหนึ่งไปแล้ว ทุกคนคิดว่าต่อให้ฉู่ขวงเขียนแนวการแข่งขันกีฬาออกมาอีก ก็ยากที่จะแตะถึงระดับที่สูงเท่านั้นได้

ตอนนี้เป็นไงล่ะ

ฉู่ขวงไม่เพียงไม่ได้เขียนแนวการแข่งขันกีฬาต่อ แต่ถึงกับเขียนหนังสือเรื่องใหม่ที่กระแสความร้อนแรงระเบิดวงการเสียยิ่งกว่าเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิส ทำเอาหน้าของเหล่าบรรณาธิการทั้งในวงการและในคลังหนังสือซิลเวอร์บลูชาไปตามกัน

แน่นอนละ

ส่วนหน้าของหลี่ว์เป่ยถูกตบจนหวานล้ำ

ถ้ารู้แต่แรกว่าหลังจากเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสจบลง ฉู่ขวงจะเขียนหนังสือเล่มใหม่ที่ดังเป็นพลุแตกกว่าเดิม น่ากลัวว่าคู่แข่งพวกนั้นคงต้องภาวนาให้ฉู่ขวงไม่ตัดจบนิยายขนาดยาวเรื่องแรกเลยล่ะมั้ง

ความจริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น

ยามที่วงการนิยายได้เห็นความรุ่งโรจน์ของกระบี่เทพสังหารเป็นประจักษ์แก่สายตา ก็ล้วนงงกันเป็นขบวน

ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้พลาดขุมทรัพย์มหาศาลไปอย่างน่าสังเวช ทว่าเมื่อเห็นคลังหนังสือซิลเวอร์บลูมีผลงานที่ขายดียิ่งกว่าปรินซ์ออฟเทนนิสออกมา ในใจก็หดหู่ลงไปถนัดตา

“แบบนี้ก็ได้เหรอ”

“เทพเซียนกำลังภายในก็ดัง?”

“มิน่าล่ะคลังหนังสือซิลเวอร์บลูโปรโมตสุดชีวิต ที่แท้ก็ไม่ใช่เพื่อประจบฉู่ขวง แต่เพราะพวกเขามั่นใจในหนังสือเรื่องนี้จริงๆ”

“เรื่องนี้ใครจะไปคิดล่ะ มหาศึกเซียนปะทะมารก็ดังได้”

“แกคิดว่าหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงเป็นแบบเดียวกับมหาศึกเซียนปะทะมารจริงเหรอ คำโฆษณาก็บอกแล้วว่าคนเขานิยามแนวเทพเซียนกำลังภายในขึ้นมาใหม่!”

“แต่ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้บอกเหรอว่าคำโฆษณาลวงโลก?”

“แกอย่าพูดมากน่ะ!”

“งั้นพวกเราก็ทำร้ายร้านขายหนังสือพวกนั้นทางอ้อมน่ะสิ ก่อนหน้านี้พวกเราพูดกันว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ไหวแน่ ร้านขายหนังสือต้องฟังที่พวกเราพูด ตอนสั่งสินค้าเลยเพลย์เซฟกัน”

“จุ๊ๆ”

“…”

และระหว่างการถกเถียงกันอย่างคึกคักในสายงาน ในสำนักพิมพ์เฟลอริช

หลูข่ายเยวี่ยบรรณาธิการบริหารก็ตบหน้าผากตนเองเต็มแรง “ฉันว่าแล้วเชียว คิดไว้แล้วเชียว!”

ระเบิด!

หลี่ว์เป่ยซ่อนระเบิดไว้จริงๆ ระเบิดคนตายไปแล้วตั้งเท่าไหร่

คิดๆ ดูแล้วก็จริง หลี่ว์เป่ยเป็นคนฉลาด ถ้าหนังสือเล่มใหม่ของฉู่ขวงคุณภาพไม่ดีพอ เขาจะทุ่มทรัพยากรโปรโมตมากมายขนาดนั้นไปทำไม

หลูข่ายเยวี่ยคาดเดาผลลัพธ์นี้ออกล่วงหน้า

ถึงอย่างนั้น หลูข่ายเยวี่ยคิดอย่างไรก็ยังคิดไม่ออก ว่าฉู่ขวงเขียนนิยายแนวที่ตายไปแล้วให้กลับมามีชีวิตได้อย่างไร!

แนวเทพเซียนกำลังภายในเชียวนะ!

แนวเทพเซียนกำลังภายในเลยนะว้อย!

ห่างจากเรื่องมหาศึกเซียนปะทะมารซึ่งเป็นแนวเทพเซียนกำลังภายในเรื่องล่าสุดตั้งกี่ปีแล้ว

“บ.ก.บริหาร”

บรรณาธิการสามสี่คนเดินเข้ามาเห็นท่าทางตีอกชกหัวของหลูข่ายเยวี่ยเข้าพอดี จึงมองหน้ากันไปมา ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่

หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องของฉู่ขวง?

หนังสือเล่มใหม่ของฉู่ขวงดังมาก คลังหนังสือซิลเวอร์บลูกลายเป็นเรือที่ลอยสูงยามน้ำขึ้น เฟลอริชในฐานะที่เป็นคู่แข่งก็ย่อมหนักใจเป็นธรรมดา

เมื่อนึกถึงตรงนี้

บรรณาธิการหนึ่งในนั้นก็เอ่ยปลอบ “นี่เป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้นะครับ ไม่มีใครคาดคิดว่าฉู่ขวงจะเปิดไพ่แปลกๆ เลือกแนวที่ไม่มีคนอ่านมาแบบนี้ แถมยังทำสำเร็จทั้งสองครั้ง”

“พวกนายจะยืนนิ่งอยู่ทำไมล่ะ”

หลูข่ายเยวี่ยถลึงตาใส่บรรณาธิการเหล่านั้น

บรรณาธิการเอ่ยขึ้นด้วยความระแวง “งั้นพวกเราควรทำอะไรล่ะครับ”

“ตามกระแสสิ ตามกระแส!”

หลูข่ายเยวี่ยทุบโต๊ะอย่างแรง เจ้าพวกนี้มันสมองหมูชัดๆ ตอบสนองช้าเหลือทน “ให้นักเขียนในความดูแลของพวกนายเขียนแนวเทพเซียนกำลังภายในตามกระแสไปเลย!”

ตั้งแต่วินาทีที่ฉู่ขวงถือกำเนิดขึ้น ทิศทางของกระแสตลาดก็เริ่มเปลี่ยนไป

………………………………………………………………