ค่าความภักดี: 20.

พอสิ้นสุดการต่อสู้แล้ว เย่เทียนก็เช็คค่าแสตทของวูฟเกิร์ลอีกครั้ง. ค่าความภักดีของเธอเพิ่มขึ้นมาเป็น20แต้ม นั่นแปลว่าเธอจะไม่เป็นปรปักษ์กับเย่เทียนอีกต่อไป.

“อย่างน้อยตอนนี้ก็ปลอดภัยแล้ว!”

สถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่ได้แย่นัก เพราะก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเย่เทียนเป็นเหยื่อและอยากจะฆ่าเขา.

หลังจากการต่อสู้นี้ เย่เทียนได้ปัดเป่าความเป็นปรปักษ์ของเธอไปและชนะใจเธอได้เพราะพละกำลังอันแข็งแกร่งของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พิชิตเธอแบบหมดจดก็ตาม.

“กินสิ!”

เย่เทียนหยิบไก่ย่างขึ้นมา, ฉีกน่องออก, กัดลงไปแล้วส่งทั้งตัวไปให้เธอ.

พอเห็นเย่เทียนกำลังดูอร่อยกับอาหาร วูฟเกิร์ลเองก็ปฏิเสธไม่ได้. เธอไม่ได้ใช้มือหยิบขึ้นมาแต่ใช้ปากแทน.

“เจ้าหนูน้อย น่าสงสาร. ไม่ใช่แบบนั้น. เจ้าต้องทำแบบข้านี่, หยิบมันขึ้นมาด้วยมือ…”

ตาของเย่เทียนมีความรู้สึกเวทนาแว่บขึ้นมาแล้วเขาก็จับมือเธอแล้วใช้มือตัวเองวางไก่ลงไปที่มือเธอ.

“ฟุ่บ!”

ขณะที่มือของเย่เทียนแตะไปที่มือของเธอ ร่างกายของเธอก็ตื่นตัวแล้วพยายามจะโจมตีไปด้วยสัญชาติญาณ. แต่สุดท้ายเธอก็ควบคุมมันไว้ได้เพราะเธอไม่รู้สึกว่าเย่เทียนเป็นภัยอีกแล้ว.

เธอรู้สึกงุนงง. เธอสังเกตุเห็นว่าร่างของเย่เทียนนั้นดูคล้ายคลึงกับเธอ เพียงแค่ร่างของเย่เทียนไม่มีขนและลักษณะท่าทางเขาก็แตกต่างจากเธออย่างสิ้นเชิงเลย.

เย่เทียนส่ายหัว แล้วใช้มือตัวเองทำมือของเธอให้อยู่ในท่ากำแล้วเอาไก่ย่างเคลื่อนไปที่คางของเธอ.

นางหิวมากๆ นางจึงรีบกินอย่างมูมมาม ไก่ย่างนั้นก็ถูกเธอกำไว้อย่างแน่น.

ไม่นานนักเธอก็กินไก่ย่างทั้งตัวหมดไปแม้แต่กระดูกเองก็หายเข้าท้องเธอไป. จากนั้นเธอก็มองมาทางเย่เทียนด้วยท่าทีที่หวังบางอย่าง.

“ข้าจะให้เพิ่มพรุ่งนี้นะ. แล้วก็ เจ้ายังออกไปตอนนี้ไม่ได้…”

เย่เทียนพูดค่อยๆ. เขายื่นมือออกไปหวังจะลูบหัวเธอ แต่นางก็เลี่ยงแล้วมองมาทางเย่เทียนด้วยสายตาระแวง.

“ก็ได้, ขอโทษที่ทำให้เจ้าไม่ชอบนะ แต่ข้าต้องไปแล้วตอนนี้…”

เย่เทียนลุกขึ้นแล้วเดินไปทางประตู.

“โฮ่ง!”

วูฟเกิร์ลตามเย่เทียนไป, ทำเสียงเบาๆ, นัยตาของเธอเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและความดื้อ.

“ยัยหนูน้อย, เจ้าต้องอยู่ที่นี่ไปซักพักก่อนนะ. ข้าขอโทษจริงๆ ข้ายังให้เจ้าออกไปตอนนี้ไม่ได้….”

เย่เทียนยิ้มแล้วพูดขอโทษ.

วูฟเกิร์ลยังไม่เชื่องกับเขานัก, เย่เทียนเลยไม่กล้าปล่อยเธอออกมา. ไม่งั้นแล้วถ้าเธอหนีไป คนที่เสียใจจะเป็นตัวเขาเอง.

ถึงแม้เธอจะไม่หนีมันก็อาจจะเป็นปัญหาได้ นางอาจทำร้ายคนอื่นเพราะไม่ยอมฟังคำสั่ง.

“เจอกันนะ, ยัยหนู!”

สุดท้ายแล้ว ขณะที่มองไปที่สายตาดื้อดึงของวูฟเกิร์ล เย่เทียนก็ต้องจำใจปิดประตูไป.

ในเวลานี้ท้องฟ้าเริ่มจะสว่างขึ้นแล้ว.

หลังจากเขาอาบน้ำแล้ว เย่เทียนตั้งใจจะกลับไปหลับพักผ่อนซักหน่อย.

รอยแผลที่วูฟเกิร์ลทิ้งไว้บนตัวของเขาขณะต่อสู้กันก็เริ่มจะรักษาตัวแล้ว.

หลังจากที่ค่าแสตทหลักทั้ง3ของเขามาถึงขีดจำกัดของมนุษย์แล้ว, การฟื้นฟูของร่างกายเขาก็อาจจะพูดได้ว่ามันน่ากลัวจริงๆ.

…..

รุ่งสางมาถึงแล้วและบนถนนเองก็เริ่มจะมีผู้คนที่ตื่นเช้าเดินชุกชุมไปหมด.

แครสซัสเองก็เช่นกัน.

เขาจ้องไปที่พื้นเงียบๆ, และเหมือนว่ามันจะมีรอยเลือดเหลืออยู่.

ผู้คนในยุคนี้ชินชากับของแบบนี้แล้ว พวกเขาเลยไม่ตกใจซะเท่าไหร่เวลาเห็นรอยเลือด.

แต่ทว่า ใบหน้าของคุณหนูแครสซัสค่อนข้างหม่นหมอง. หน้าหล่อๆของเขาดูเดือดดาลมากๆ, ไม่ดูสุภาพและสดใสเหมือนอย่างเคย.

“นักรบ25คน! ไม่มีใครกลับมาได้เลย! ซาตาน, เจ้านี่มันโหดร้ายกว่าข้าอีกนะ! เจ้ากล้าดียังไงมาฆ่านักรบ25คนของข้า ในเมืองของข้า, ในโรมแห่งนี้?!”

แครสซัสกัดฟันพูด, ความรู้สึกหวาดกลัวแว่บขึ้นมาในตาของเขา.

เขาคิดไว้ว่าถ้าเขาลงมือล่ะก็ เย่เทียนต้องขัดขวางเขาแน่. เขาเลยให้นักรบ25คนมาแทน!

แต่ทว่าเขาเองก็ดูถูกเย่เทียนเกินไป. และเย่เทียนก็ฆ่าพวกนั้นซะเรียบเลย!

ถ้าเป็นเขาล่ะก็คงจะไม่กล้าลงมือทำเรื่องใหญ่แบบนี้แน่. เพราะถ้าเขาถูกหย่าไปมันก็จะไปถึงหูพวกสภาแล้วก็จะโดนลงโทษแน่.

แต่ทว่าเย่เทียนนอกจากจะฆ่าพวกนั้นโดยไม่ลังเลแล้ว ยังเก็บกวาดสนามรบอย่างดีอีกด้วย.

“แวร์วูฟ!” (มนุษย์หมาป่า)

*ในท่อนนี้ทาง eng อาจจะแปลมาผิดนะครับ ดูๆกันไปก่อนนะ*

เขารู้แล้วว่าตัวเองกำลังเจอกับแวร์วูฟ.

การที่มาเป็นศัตรูกับคนแบบนั้น เขาต้องระวังตัวให้มากขึ้น.

“เจ้านายครับ, เราควรจะแจ้งเรื่องการกระทำของซาตานให้สภารู้แล้วจัดการลงโทษเขาด้วยกฏหมายโรมันดีหรือไม่ครับ?”

ทาสชราข้างๆแครสซัส ถามเขาเบาๆ.

“ก็ดี. คนแบบนั้นเราไม่ควรปล่อยให้มันได้เป็นใหญ่เป็นโต! แต่สิ่งที่ยากคือเราต้องหาหลักฐานเนี่ยสิ!”

แครสซัสขมวดคิ้วแล้วพูดหน้านิ่ง.

“นายท่านผู้สูงส่ง. ข้าคิดว่าถ้าเราอยากได้หลักฐาน เราจำเป็นต้องเปิดปากเจ้าฟิลิปครับ”

ทาสชราคิดพักหนึ่งแล้วพูดอย่างไม่มั่นใจ.

“นั่นมันก็แค่พยาน, มันไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ เราสามารถจัดการหนึ่งในคนของเราได้อยู่แล้ว. อีกอย่างนะ เจ้าคิดว่าซาตานมันจะโง่งั้นหรือ? ไม่, เจ้าดูถูกมันเกินไป. ถ้ามันไม่มีความมั่นใจพอ, มันคงไม่ปล่อยให้ฟิลิปมีชีวิตอยู่แน่ ไม่งั้นมันคงฆ่าฟิลิปไปนานแล้ว แม้แต่พระเจ้าเองก็ช่วยฟิลิปมันไม่ได้. อีกอย่างนึงเลยคือ เราไม่รู้ว่าฟิลิปมันจะมีเอี่ยวเรื่องนี้ด้วยหรือป่าว”

แครสซัสส่ายหัวแล้วขมวดคิ้ว. “ศพไง. ตามหาศพ จะได้เป็นหลักฐานที่แน่นหนาที่สุด. ถ้าข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ ศพ25ศพนั้นต้องถูกฝังอยู่ในเขตบ้านของซาตานมันแน่!”

“นายท่านผู้สูงส่ง. ข้าจะจัดการให้ทันทีครับ!”

ทาสชราพยักหน้าแล้วตอบอย่างเคารพ.

“ระวังด้วย. อย่าถูกซาตานมันจับได้. ไม่งั้นข้าไม่รับประกัน ว่ามันจะตัดหัวเจ้าหรือป่าวนะ”

แครสซัสพูด.

ตอนนี้เขาเริ่มจะกลัวเย่เทียนหน่อยๆแล้ว

มันคือสิ่งที่เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลย, ความรู้สึกกลัวจากชนชั้นสูงหน้าใหม่.

เขาถึงขนาดรู้สึกเสียดายว่า ถ้าเขาคาดคะเนเรื่องนี้ได้แต่เนิ่นๆ เขาคงไม่ไปยั่วยุเย่เทียนก่อนแน่ๆ. แต่ทว่าตอนนี้เขาได้กลายเป็นศัตรูไปแล้ว.

ถึงอย่างนั้น ความสามารถและการบงการของเย่เทียนได้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมาก.

ราวกับว่าเย่เทียนสามารถมองทะลุหัวใจของเขาได้, และนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมากที่สุด.

“ระมัดระวังด้วยเรื่องนี้. ข้าจะไปหาแม็กซ์ ออลเรดก่อน, ข้าจะไปซื้อที่ดินมัน!”

แครสซัสพึมพำเบาๆ.

“เจ้านายครับ ที่ดินผืนนั้นมันมีค่ามากเลยหรือครับ? ข้าไม่คิดว่า ท่านจำเป็นต้องไปแย่งชิงกับเจ้าหน้าใหม่นั่นเพราะสถานะชนชั้นสูงของท่านเลยนะครับ…”

ทาสชราถามด้วยความงุนงง.

“มันมีค่าไหมเหรอ? แล้วที่ไหนมันจะมีค่าอีกล่ะ? แต่ข้าคิดว่า ตาของข้าดูไม่ผิดแน่. พระเป็นเจ้าได้สั่งสอนพวกเรามาก่อน ว่าให้ฟังเสียงผู้อื่นเมื่อเราไม่สามารถมองอะไรเห็นได้….”

แครสซัสยิ้มและดูมีสง่ามาก. จากนั้นเขาก็ขึ้นรถม้าไป.

“สปาตั้นของข้า, นักรบของข้า, ทหารของข้า, จงฟัง! พระเป็นเจ้าได้กล่าวกับพวกเราว่าบ้านเรานั้นเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์และไม่มีใครมาทำลายได้. จากนี้ต่อไป, หากพวกเจ้าพบใครก็ตามที่ลักลอบเข้ามาในเขตบ้านของพวกเรา, พวกเจ้าสามารถส่งมันลงนรกไปได้ทันที ให้มันรับใช้พระเจ้าเฮดิสผู้ยิ่งใหญ่…..”

เช้านี้เย่เทียนเองก็จะไปห่างบ้าน. แต่ก่อนที่เขาจะออกไป, เขาก็ได้ออกคำสั่งกับทาสนักรบสปาตั้นเอาไว้แล้ว.