ตอนที่ 87 สตรีผู้นั้นเป็นใคร

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 87 สตรีผู้นั้นเป็นใคร

มีเสียงร้องคร่ำครวญทุ้มต่ำดังจากมุมของจวน เป็นร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกวิเวกวังเวงเป็นพิเศษ นางคือดรุณีน้อยผู้งดงามอ่อนหวานที่ยกน้ำมาปรนนิบัติก่อนหน้านี้

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ถอยเท้าเดินกลับไป ยกกระโปรงแล้วนั่งยอง ๆ ถามตรงหน้านางว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

ทันทีที่เด็กสาวคนนั้นได้ยินเสียง นางจึงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับสายตาที่เย็นชาของอวี้ชิงลั่วพอดี จู่ ๆ ก็เกิดอาการตกใจขึ้นมา รีบส่ายหน้าไม่ยอมพูดยอมจา เพียงแต่พยายามเก็บเสียงสะอึกสะอื้นของตนเองกลับไป และหดร่างกายเล็กน้อย

“พูดมา” ความอดทนของอวี้ชิงลั่วลดลงหนึ่งส่วนแล้ว นางรู้สึกดีกับเด็กสาวคนนี้มาก โดยเฉพาะตอนที่ได้เห็นนางใส่ใจและเป็นมิตรกับหนานหนาน ภายในใจก็รู้สึกประทับใจต่ออีกฝ่ายมากขึ้น

เพียงแต่ เมื่อครู่อีกฝ่ายเพิ่งเดินออกมาจากห้องของนางได้ไม่นานมิใช่หรือ? เหตุใดจู่ ๆ ถึงได้มาร้องไห้ในสภาพนี้? นอกจากนี้ยังกัดริมฝีปากจนแตกด้วย

“แม่…แม่นางอวี้” หลินมารีบวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นนางก็รีบเก็บของที่อยู่ในมือ

จินหลิวหลีจับมือของนางไว้ ก่อนจะง้างฝ่ามือของนางแล้วหยิบขวดยาขนาดเล็กออกมา ยื่นให้อวี้ชิงลั่ว

อวี้ชิงลั่วเปิดฝาแล้วดมกลิ่น คิ้วพลันขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “นี่คือยาสำหรับแผลโดนน้ำร้อนลวก”

หลินมาเห็นว่าไม่สามารถปิดบังได้แล้ว จึงได้แต่คุกเข่าลง “รบกวนแม่นางอวี้แล้ว พวกเราสมควรตายนัก แม่หนูคนนี้ถูกน้ำร้อนลวก ข้าน้อยจึงนำขี้ผึ้งมาช่วยทาให้ มิใช่เรื่องใหญ่อะไร แม่นางอวี้ยังไม่ได้กินอะไรสินะเจ้าคะ ข้าน้อยจะไปบอกให้คนเตรียมสำรับยกเข้าไปให้แม่นางอวี้เจ้าค่ะ”

อวี้ชิงลั่วยิ้มด้วยรอยยิ้มเย็นชา “แผลจากน้ำร้อนลวก? ข้าว่าคงมิใช่แค่นั้นกระมัง” ระหว่างที่พูด นางก็ดึงแขนที่สาวใช้คนนั้นดึงกลับเข้าไปออกมา บนแขนปรากฏรอยแส้หนึ่งเส้น ทั้งยังมีคราบเลือดสีแดงด้วย “ตรงนี้ยังมีแผลจากแส้หนึ่งเส้นด้วยนะ”

สาวน้อยคนนั้นถึงกับตกใจ คิดอยากจะดึงมือกลับไป แต่อวี้ชิงลั่วมีกำลังมากกว่า นางจึงไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

หลินมายิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่ ร่างกายของนางสั่นเทาเล็กน้อยไปด้วย ตอนนี้นางค้นพบว่า หากแม่นางอวี้โกรธขึ้นมา น้ำเสียงนั้นก็จะเย็นชาด้วย เช่นเดียวกันกับนายท่านของพวกเขา ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก

“สตรีผู้นั้นเป็นคนตีหรือ?” อวี้ชิงลั่วเงยหน้า มองไปยังตำแหน่งห้องรับรองที่อยู่ด้านหน้า

สาวน้อยคนนั้นและหลินมาออกแรงส่ายหน้าพร้อมกัน “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ๆ เป็นเพราะไม่ระวังเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนางเลยเจ้าค่ะ”

อวี้ชิงลั่วเชื่อพวกนางสิถึงจะแปลก แผลน้ำร้อนลวกด้วยตัวเองยังพอเข้าใจได้ แต่แส้ที่อยู่บนไหล่จะให้อธิบายอย่างไร? หรือว่าว่างงานมากนักจึงฟาดใส่ตัวเอง?

นางยื่นมือออกไป ออกแรงเล็กน้อยเพื่อดึงแขนอีกด้านหนึ่งของสาวน้อยคนนั้นที่ไม่ได้รับบาดเจ็บให้ลุกขึ้นยืน

“ไป เข้าไปด้านในก่อน ข้าจะดูบาดแผลให้”

สาวน้อยคนนั้นและหลินมาหันสบตากัน ทั้งสองรีบส่ายหน้า “แม่นางอวี้ดูแลพวกเราดีเกินไปแล้วเจ้าค่ะ พวกเราทำเองได้เจ้าค่ะ”

สิ่งที่อวี้ชิงลั่วไม่ชอบมากที่สุดคืออาการตัวสั่นเทาของพวกนางนี่แหละ ราวกับนางใช้ถ้อยคำรุนแรง และจะจับพวกนางกินอย่างไรอย่างนั้น

“ตามข้ามา” นางไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะแสดงสีหน้าอย่างไร อวี้ชิงลั่วก็ดึงสาวน้อยคนนั้นให้เดินเข้าไปด้านในห้องที่อยู่ข้าง ๆ

หลินมาจนปัญญา จึงได้แต่เดินตามไป

จนได้ถอดชุดครึ่งหนึ่งของสาวน้อยคนนั้น พวกเขาจึงค้นพบว่าแผลน้ำร้อนลวกของนางรุนแรงมากเพียงใด ผิวหนังมากกว่าครึ่งบนข้อศอกมีแผลพุพอง แผลจากแส้ที่อยู่บนไหล่ก็น่าตกใจเช่นกัน

จินหลิวหลีถ่มน้ำลายอย่างดุเดือด “บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ เจ้าก็ยังทนได้ สตรีผู้นั้นก็โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว เหตุใดถึงได้ทำถึงขั้นนี้?”

สาวน้อยคนนั้นเดิมทีก็ยังทนไหว แต่เมื่อได้ยินจินหลิวหลีพูดเช่นนี้ นางก็รู้สึกแสบจมูกไปหมด มิอาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป

สีหน้าของอวี้ชิงลั่วดูจริงจัง หลังจากจัดการแผลให้อีกฝ่ายแบบง่าย ๆ แล้ว จึงหยิบขวดกระเบื้องเคลือบขวดหนึ่งออกมาจากกระเป๋า

หลินมาเห็นสิ่งนั้น ก็ทราบได้ในทันทีว่าต้องเป็นของมีราคา นางรีบเข้ามาห้าม “แม่นางอวี้ เรื่องทายาไว้ให้เป็นหน้าที่ของข้าน้อยเถอะเจ้าค่ะ ข้าน้อยมียาทาแผลน้ำร้อนลวกอยู่ เดี๋ยวข้าน้อยทาให้หรูอิงเองเจ้าค่ะ”

“ใช่เจ้าค่ะ แม่นางอวี้ ข้าน้อยใช้สิ่งนั้นก็ได้แล้วเจ้าค่ะ” หรูอิงก็รีบพยักหน้าตาม

อวี้ชิงลั่วเหลือบมองหลินมาปราดหนึ่ง เห็นท่าทางของอีกฝ่ายที่กำลังขุดเอายาน้ำร้อนลวกนั้นออกมา จึงยกมือขึ้นมาอย่างไร้อารมณ์ แล้วโยนขวดกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กขวดนั้นลงบนพื้นทันที

หลินมาและหรูอิงถึงกับชะงัก ยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่

“ยาทาแผลน้ำร้อนลวกนั้นวางไว้นานเกินไปแล้ว ทาไปไม่เพียงแต่ไม่อาจรักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ แต่ยิ่งทำให้แผลเปื่อยด้วย” ระหว่างที่พูด นางก็ยื่นขวดกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กในมือให้หลินมา “ใช้สิ่งนี้ สองวันนี้ห้ามให้แขนโดนน้ำ ทาสักสามสี่วันก็ดีขึ้นแล้ว และไม่ทิ้งแผลเป็นไว้ด้วย”

หลินมาและหรูอิงกะพริบตาปริบ ๆ ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็ยิ่งทราบได้ว่าเป็นของดี

ไม่กล้ารับไว้ แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธเช่นกัน ท้ายที่สุดเมื่อเห็นจินหลิวหลีส่งสัญญาณมา จึงค่อย ๆ รับไป

“เย่ซิวตู๋ไปไหนแล้ว?” เมื่อเห็นหลินมาเริ่มทาแผลให้หรูอิง อวี้ชิงลั่วจึงหมุนกายกลับมา นางฟังเสียงตะโกนที่ยังคงหยิ่งผยองจากด้านนอก ขณะเอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำ

หลินมาก้มหน้าลง มองดูไขสีขาวใสราวกับหิมะ กระซิบตอบไปว่า “นายท่านออกไปข้างนอกกับท่านโม่และท่านเสิ่นตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ”

“เหวินเทียนกับเผิงอิงล่ะ?”

“เมื่อเช้าตอนที่คุณชายน้อยตื่นขึ้นมาก็บอกว่าอยากออกไปเที่ยว ท่านเหวินเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของคุณชายน้อย จึงติดตามไปด้วย ส่วนท่านเผิงอยู่ในจวนเจ้าค่ะ แต่เมื่อหนึ่งก้านธูปก่อน มีคนมาหาท่านอ๋อ…ท่านเผิงเจ้าค่ะ ก็เลยออกไปแล้ว บอกว่าอีกเดี๋ยวจะกลับมา ให้พวกเราดูแลแม่นางอวี้ให้ดี”

หลินมาได้กลิ่นยานั้น ก็รู้สึกถึงความเย็นสบายจาง ๆ จึงเกิดความเสียดายไม่อยากใช้

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว หมายความว่า ตอนนี้ภายในจวนไม่มีใครที่เป็นเจ้านายสักคนเลยสินะ?

มองดูแต่ละคนถูกรังแก ต่างก็ได้รับบาดเจ็บทุกข์ทรมาน แม้แต่เสียงก็ไม่พูดออกมาสักคำ ราวกับทำได้เพียงแค่ปล่อยให้สตรีผู้นั้นทำตัวเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป

หากปล่อยให้สตรีดื้อด้านผู้นั้นทำต่อไป มิเท่ากับปล่อยให้คนนอกคิดว่าคนในจวนแห่งนี้รังแกได้ง่าย ๆ หรอกหรือ?

“สตรีผู้นั้นเป็นใคร?”

มือของหลินมาที่กำลังทายาหยุดชะงัก นางก้มหน้าลงด้วยท่าทางลังเลเป็นอย่างมาก ราวกับว่าคำถามนี้ทำให้นางรู้สึกลำบากใจอย่างยิ่งยวด

ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงตอบกลับมาว่า “นางคือหลิ่วเซียงเซียง บุตรีของตระกูลเว่ยหยวนโหวเจ้าค่ะ”

จินหลิวหลีที่ยิ้มอย่างเบิกบานใจอยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ไม่ใช่แค่นี้กระมัง ดูเหมือนว่าข้าจะได้ยินนางพูดว่า นางคือคู่หมั้นของเย่ซิวตู๋ด้วยนะ?”

หลินมาถึงกับร่างแข็งทื่อในทันที เงยหน้ามองอวี้ชิงลั่วด้วยท่าทางตื่นตระหนก รีบอธิบายว่า “แม่นางอวี้อย่าเข้าใจผิดนะเจ้าคะ เรื่องนี้นายท่านไม่ได้รู้เรื่องด้วย หลิวเซียงเซียงผู้นั้นรักนายท่านจริง ๆ เจ้าค่ะ แต่นายท่านไม่ได้รู้สึกดีกับนางแม้แต่น้อย นิสัยที่ดื้อรั้นของหลิ่วเซียงเซียง ภายในเมืองหลวงแห่งนี้ต่างก็เป็นที่รู้กันมานานแล้วเจ้าค่ะ”

อวี้ชิงลั่วรู้สึกขบขัน “พอเถอะหลินมา ไม่ต้องอธิบายให้ชัดเจนขนาดนั้น ข้าก็แค่อยากรู้ว่านางเป็นใครก็เท่านั้น ไม่ได้ถามว่าเย่ซิวตู๋มีท่าทีต่อนางอย่างไร”

แม้ในตอนที่ได้ยินว่าหลิ่วเซียงเซียงคือคู่หมั้นของเย่ซิวตู๋ จะทำให้นางเกิดความหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตาม

หลินมาก้มหน้าลง ใบหน้าแดงระเรื่อ ไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้

เสียงที่ห้องรับรองด้านหน้ายังคงดังออกมาเป็นครั้งคราว นัยน์ตาของอวี้ชิงลั่วเกิดความเย็นเยียบจาง ๆ มากขึ้น นางก้าวเท้ายาว ๆ ตรงไปยังสถานที่ที่เป็นต้นเสียง

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ทำร้ายสาวใช้เขาขนาดนี้ เจอชิงลั่วจัดการแน่ยัยคุณหนูเอาแต่ใจ เลือกเอาเลยว่าจะโดนพิษของชิงลั่วหรือจะโดนแส้ของหลิวหลี

ไหหม่า (海馬)