ตอนที่ 88 ไปเอามีดมา
หลินมาเบิกตาโตด้วยความตกใจ จนกระทั่งได้สติว่านางจะไปที่ได้ ก็ตกใจจนขาทั้งสองข้างอ่อนยวบ รีบวิ่งตามออกไป
“แม่…แม่นางอวี้ พ่อบ้านไปหาท่านเผิงกับนายท่านแล้วเจ้าค่ะ พวกเรารออยู่ที่นี่เถอะนะเจ้าคะ ข้างกายแม่นางหลิ่วมีคนมากขนาดนั้น ในมือยังมีแส้ด้วย แม่นางไปจะเสียเปรียบเปล่า ๆ นะเจ้าคะ”
อวี้ชิงลั่วผลักร่างของอีกฝ่ายที่มาขวางตรงหน้า ชี้ไปด้านหลังกล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “แม่นางจินสู้กับศัตรูร้อยคนได้ ในมือของนางก็มีแส้เช่นกัน อีกอย่างแส้เส้นนั้นไม่สามารถทำร้ายคนได้ ทำได้แค่ฆ่าคนเท่านั้น”
หลินมาถึงกับยืนอึ้งอยู่กับที่ กลิ่นคาวเลือดที่อวลอยู่ในคำพูดของอวี้ชิงลั่วทำให้นางตกใจ
จินหลิวหลีเดินมาตรงหน้าและตบบ่านางเบา ๆ นางจึงได้สติกลับคืนมา
ทว่าตอนที่นางหันไปมอง ก็ไม่เห็นร่างของอวี้ชิงลั่วแล้ว อีกฝ่ายก้าวข้ามธรณีประตูเดินเข้าไปด้านในห้องรับรองด้านหน้านานแล้ว ทั้งยังยืนอยู่ตรงกลางประตูใหญ่อย่างเต็มภาคภูมิ
เงาดำที่โผล่เข้ามาอย่างฉับพลันเช่นนี้ ทำให้หลิ่วเซียงเซียงที่กำลังด่าจนปากเปียกปากแฉะอยู่กลางห้องโถงใหญ่หันกลับมา
“เจ้าเป็นใคร?” นางจ้องมองอวี้ชิงลั่วที่เดินเข้ามาด้านในประตู ใบหน้าฉายแววระแวดระวังเต็มเปี่ยม อาจเป็นสัญชาตญาณโดยกำเนิดของสตรี สายตาของนางที่มองอวี้ชิงลั่วจึงจ้องเขม็งกว่าครั้งไหน ๆ
อวี้ชิงลั่วไม่ได้สนใจนาง แต่กลับเดินผ่านข้างกายของอีกฝ่าย แล้วนั่งลงที่ตำแหน่งประธาน
ตอนนี้เองจึงมีเวลามองหลิ่วเซียงเซียงผู้งดงามแต่ดื้อด้านสวมใส่ด้วยชุดกระโปรงสีชมพูทั้งตัว นิสัยเย่อหยิ่งกับชื่อที่แสนอ่อนโยนและสง่างามนี้ช่างไม่เข้ากันเลยจริง ๆ เมื่อความคาดหวังของบิดาและมารดาต่อบุตรีช่างแตกต่างจากความเป็นจริงมากถึงเพียงนี้ พวกเขาคงจุกกลางอกกันน่าดู
“เจ้าเป็นใครกันแน่? ข้าต้องการพบนายท่านของเจ้า พวกเจ้าจะให้ข้ารออยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน? ข้าฆ่าพวกเจ้าแน่ ไม่เชื่อก็ลองดู”
เมื่อเห็นว่านางนั่งลงอย่างไร้ยางอายเช่นนี้ กลางอกของหลิ่วเซียงเซียงก็เกิดเพลิงโทสะปะทุขึ้น ทำท่าทางก้าวรุดไปด้านหน้าเพื่อดึงนางลงมา
อวี้ชิงลั่วยังคงไม่สนใจนาง เพียงแต่มองไปด้านข้าง ก็พบว่าสาวใช้และหญิงชราภายในจวนที่อยู่ปรนนิบัติที่นี่ต่างพากันก้มหน้าก้มตา แม้จะโมโหอยู่ในใจแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา บนร่างกายมีแผลจากแส้ 1-2 เส้น คาดว่าทั้งหมดนี้คงเป็นหลิ่วเซียงเซียงผู้นี้ที่มอบให้
สตรีผู้นี้หยิ่งผยองเกินไปแล้วจริง ๆ ทำตัวเจ้าอารมณ์ไร้เหตุผลถึงที่นี่
นางกวักมือเรียกหญิงชราคนนั้นให้เดินเข้ามา หญิงชราเนื้อตัวสั่นเทิ้ม คาดว่าคงอยู่ในจวนแห่งนี้อย่างเงียบ ๆ และไม่มีข้อโต้แย้งใดมาโดยตลอด และไม่เคยเห็นคุณหนูผู้มีฐานะที่ดื้อด้านเช่นนี้มาก่อน บัดนี้ถูกทรมานมากเพียงพอแล้ว แม้แต่การก้าวเท้าเดินยังย่างก้าวแบบสั้น ๆ
ทว่านางกลับพอจะมองสีหน้าออก เมื่อทราบว่าอวี้ชิงลั่วมาแล้ว ความมั่นใจก็มาแล้วเช่นกัน นางก้าวเท้าสั้น ๆ ผ่านข้างกายหลิ่วเซียงเซียงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง กระทั่งมายืนอยู่ตรงหน้าอวี้ชิงลั่วจึงหยุดลง “แม่นางอวี้”
อวี้ชิงลั่วกวาดตามองบาดแผลของอีกฝ่าย นางแอบเบาใจลงเล็กน้อย พูดกับอีกฝ่ายว่า “เจ้ากับสาวน้อยคนนั้นไปหาหลินมาซะ ไปทำแผลให้เรียบร้อย”
หญิงชราผู้นั้นชะงัก เหลือบมองหลิ่วเซียงเซียงอย่างเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกแอบเป็นกังวล “แต่แม่นางอวี้ ที่นี่…”
“ที่นี่มีข้าอยู่ นางทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” อย่าว่าแต่มีจินหลิวหลีคุ้มกันอยู่ในห้องโถงใหญ่ ต่อให้เป็นบริเวณโดยรอบของห้องนี้ ก็มีผู้พิทักษ์ทมิฬแอบมองดูอยู่ นางไม่เชื่อหรอกว่าเย่ซิวตู๋ออกไปจากที่นี่แล้วจะไม่เหลือผู้พิทักษ์ทมิฬคุ้มกันจวนแห่งนี้
เพียงแต่พวกเขาถึงอย่างไรก็เป็นผู้พิทักษ์ทมิฬ เรื่องของหลิ่วเซียงเซียงไม่สามารถจัดการและไม่มีปัญญาที่จะจัดการได้ ขอแค่ไม่มีการฆ่าใครตายอยู่ในจวนแห่งนี้ พวกเขาก็คงไม่ปรากฏตัวออกมาหรอก
นอกจากนี้ ความดื้อด้านของหลิ่วเซียงเซียงเมื่ออยู่ในสายตาของพวกเขา คาดว่าก็คงเป็นการสร้างความวุ่นวายเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เป็นโล้เป็นพายอะไร
หญิงชราผู้นั้นยังคงเป็นกังวล นางหันไปบอกสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ให้ออกไป ส่วนตนยังอยู่เฝ้าที่นี่ ต่อให้หลิ่วเซียงเซียงคิดจะสร้างปัญหาให้แม่นางอวี้ และนางมิอาจก้าวออกไปเพื่อสู้ตาต่อตา แต่ก็สามารถรับแส้แทนแม่นางอวี้ได้
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น คนภายในจวนของเย่ซิวตู๋…มีความจงรักภักดีมากทีเดียว
หลิ่วเซียงเซียงเห็นอวี้ชิงลั่ววางท่าราวกับเป็นเจ้านาย ทั้งยังสั่งคนรับใช้ของจวนแห่งนี้ได้ ภายในใจเกิดเสียงเตือนขึ้นทันใด นางใช้ด้ามแส้ชี้ไปที่อวี้ชิงลั่วและพูดเสียงแหลม “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
นี่เป็นครั้งที่สามที่นางถาม ในที่สุดอวี้ชิงลั่วจึงกวาดตามองมาที่นาง ชี้ตำแหน่งของตนเอง ตอบคำถามด้วยความปรารถนาดี “เจ้าเห็นข้านั่งอยู่ที่นี่แล้วคิดว่าข้าเป็นใครล่ะ?”
“เจ้า…เจ้าลงมาเดี๋ยวนี้ ตำแหน่งนั้น เป็นที่ที่เจ้านั่งได้หรือ?” หลิ่วเซียงเซียงเริ่มตื่นตระหนกอย่างไร้เหตุผล
อวี้ชิงลั่วนั่งไขว่ห้างด้วยท่าทางสบาย ๆ อย่างเกียจคร้าน “ถ้าข้านั่งไม่ได้ แล้วจะให้เจ้านั่งหรือ?”
“เจ้า เจ้าแกว่งเท้าหาเสี้ยนเองนะ” หลิ่วเซียงเซียงโกรธแล้ว ที่นางอดทนไม่ฟาดแส้ใส่จนถึงตอนนี้ก็นับว่าถึงขีดจำกัดของนางแล้ว ตอนนี้อวี้ชิงลั่วไม่เคารพนางยังพอทน นี่ยังกล้าท้าทายนางอีก
โทสะปะทุขึ้น พร้อมกับแส้ของนางเหวี่ยงฟาดตามออกไปติด ๆ
เสียง “ฟึ่บ” ดังขึ้นหนึ่งเสียง แส้ยังไม่ทันฟาดโดนตัวของอวี้ชิงลั่ว แส้ยาวอีกเส้นหนึ่งที่มีความแข็งแรงกว่าก็พันไว้แล้ว
จินหลิวหลีออกแรงมือเล็กน้อย เสียง ‘ฟึ่บ’ ดังขึ้น แส้เส้นนั้นของหลิ่วเซียงเซียงก็หลุดออกจากมือลอยมาอยู่ในมือของนางทันที การเคลื่อนไหวปราดเปรียว สง่างามถึงขีดสุด
หลิ่วเซียงเซียงชะงัก หญิงชราที่เดิมทีคิดจะเข้ามาขวางไว้ตรงหน้าอวี้ชิงลั่วก็ชะงักเช่นกัน
แม่…แม่นางจินมีฝีมือยอดเยี่ยมมาก
ผู้พิทักษ์ทมิฬที่อยู่บนหลังคาแอบถอนหายใจ ท่าทางที่พร้อมจะลงมือก็ถูกยั้งเอาไว้
พวกเขาลืมไปได้อย่างไรกัน แม่นางจินคือเยว่เซี่ยซิวหลัว ฝีมือเก่งกาจกว่าพวกเขา มีนางอยู่ แม่นางอวี้จะได้รับความอยุติธรรมได้หรือ?
“เจ้า…เจ้า…เจ้ากล้าแตะต้องแส้ของข้า?”
จินหลิวหลีไม่ได้สนใจนาง ถือแส้เดินไปข้าง ๆ อวี้ชิงลั่ว สายตาแฝงด้วยความไม่พอใจ “แส้มาหาถึงตัวไม่คิดจะหลบสักหน่อยหรือ? ข้ามิใช่ผู้คุ้มกันของเจ้านะ คราหน้าหากแส้ฟาดเข้ามาอีก ข้าจะไม่ช่วยขวางให้เจ้าแล้ว”
นางทราบดีว่านังเด็กคนนี้ขี้เกียจมาก เดิมทีนางยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อรอดูอีกฝ่ายเผยฝีมือออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายกลับทำท่าทางราวกับมองไม่เห็น ไร้ยางอายเสียเหลือเกิน
อวี้ชิงลั่วดึงแส้ของหลิ่วเซียงเซียงออกมาเล่นและเชยชมในมือครู่หนึ่ง ระหว่างนั้นก็พูดกับจินหลิวหลีด้วยรอยยิ้มที่แสนใจกว้างว่า “เจ้าพูดถูก เหตุใดเจ้าไม่มาเป็นผู้คุ้มกันให้ข้าล่ะ? มาสิ นั่งลง อย่าปล่อยให้ตัวเองเหนื่อยเลย”
นางชี้ไปยังตำแหน่งข้างซ้ายของตนเอง ทั้งยังกล่าวเสริมอีกประโยคด้วยความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น “จะให้ข้ารินน้ำให้เจ้าดื่มหรือไม่?”
“…” จินหลิวหลีกลอกตาใส่ ยกมือขึ้นกอดอกและยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ
หลิ่วเซียงเซียงก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว นางมองออกว่าจินหลิวหลีมีรากฐานวรยุทธ์ นางจึงมิอาจแตะต้องได้
แต่ก็ไม่เป็นไร เป้าหมายของนางคือสตรีไร้ยางอายผู้นั้นที่นั่งอยู่ตำแหน่งประธาน อีกฝ่ายไม่มีทักษะวรยุทธ์ เช่นนั้นก็เหมือนกัน หากสั่งให้คนไปห้อมล้อมจินหลิวหลีไว้ นางย่อมมีวิธีสั่งสอนอวี้ชิงลั่ว
น่าเสียดาย ยังไม่ทันที่นางจะได้เปิดปากสั่งคนของตัวเอง อวี้ชิงลั่วกลับเอ่ยปากพูดกับหญิงชราที่อยู่ข้าง ๆ ก่อน “ไปเอามีดมาให้ข้า”
“มะ…มีด?” แม่นางอวี้ แม่นางอวี้คิดจะทำอะไร? ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ นางจะเอามีดไปทำอะไร?
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ถึงเวลาสั่งสอนนังคุณหนูเอาแต่ใจแล้วค่ะ ชิงลั่วไม่ซัดผงพิษใส่ก็บุญแล้ว
ไหหม่า(海馬)