บทที่ 102 การตายของคุณท่านบรรพต

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ไม่ใช่แขกค่ะ แม่ฉันเอง”วารุณีตอบด้วยรอยยิ้ม

มารุตถอนหายใจเฮือกใหญ่“งั้นก็ดี!”

“หือ?”วารุณีมองเขาอย่างเข้าใจ“ผู้ช่วยมารุต คุณดีใจอะไรขนาดนี้คะ?”

“เหรอครับ?”สายตามารุตว่อกแว่ก แกล้งทำเป็นมึนงง“เปล่านี่ คุณวารุณีคุณมองผิดมั้งครับ ผมกลับไปก่อนนะครับ ลาก่อน!”

พูดจบ เขาก็หยิบนามบัตรหันกลับไป เข้าไปในที่พักที่อยู่ตรงข้าม

หลังจากปิดประตู มารุตก็ถอนหายใจเบาๆ มองนามบัตรในมือ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่น

ตั้งแต่ที่คุณวารุณีออกไปจากงานเลี้ยงสังสรรค์ หน้าของประธานก็บึ้งตึง อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่า ประธานกำลังสนใจคนที่คุณวารุณีจะไปรับ ไม่งั้นจะหอบมาที่นี่ทำไม?

หมดหนทาง เพื่อประธานแล้ว เขาจึงได้แต่หน้าด้านไปเคาะประตูของคุณวารุณี เชื่อว่าประธานรู้ว่าคนที่คุณวารุณีไปรับไม่ใช่ผู้ชาย แต่เป็นแม่แท้ๆ ก็คงไม่เยือกเย็นแบบนี้แล้วสินะ?

คิดไป มารุตก็ถือนามบัตร ยกเท้าขึ้นไปที่ห้องทำงาน

“ประธานครับ”มารุตตะโกนที่หน้าประตู

นัทธีนั่งอยู่บนเก้าอี้ เงยหน้ามองเขา“คุณไปทำอะไรมา?”

“แค่ก ไม่ใช่ว่าท่านบอกเหรอว่าตู้เปิดไม่ได้ ผมเลยไปเอานามบัตรส่วนกลางกับคุณวารุณีที่อยู่ตรงข้ามมา”มารุตเอานามบัตรในมือยื่นให้นัทธี

นัทธีไม่รับ มองต่ำลงไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

มารุตไอเบาๆ เล็กน้อย“ประธานครับ แม่ของคุณวารุณี ดูแลบำรุงได้ดีมากจริงๆ ”

“อะไร?”นัทธียืดหลงตรงเล็กน้อย

มารุตเผยรอยยิ้มจากดวงตาที่อยู่หลังเลนส์ออกมา พูดอีกว่า“แม่ของคุณวารุณี!”

“คุณจะบอกว่า คนในบ้านเธอ คือแม่เธอ?”นัทธีลูบไล้ปากกา ความกดอากาศรอบๆ ตัวต่ำลง ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ในใจมารุตนั้นเหยียดหยาม ใบหน้ากลับพยักหน้า“ถูกครับ”

นัทธีเม้มปากบางๆ “คุณบอกผมเรื่องนี้ทำไม?”

“ไม่มีอะไร ผมแค่อยากแชร์สิ่งที่ผมเจอกับคุณบ้าง”มารุตพูดยิ้มๆ

บอกทำไม?ไม่ใช่เพื่อให้คุณมีความสุขเหรอ!

“โอเค วางนามบัตรลงเถอะ ที่ผมให้คุณสืบสวนได้เรื่องบ้างยัง?”นัทธีวางปากกาลง ไขว้นิ้ววางบนโต๊ะทำงาน ถามเสียงหม่น

พอมารุตวางนามบัตรลง ก็จริงจังขึ้นมา“ยังไม่ได้เรื่องเลยครับ แต่แน่ใจได้ว่า ไม่ใช่นิรุตติ์ที่ทำ”

นิ้วมือนัทธีเคาะไปที่โต๊ะ“ในเมื่อไม่ใช่เขา งั้นก็ไปสืบบริษัทอื่นที่มีความแค้นกับบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป!”

“ครับ!”มารุตตอบรับ

นัทธียืนขึ้นมา“ไปเถอะ กลับคฤหาสน์”

“ประธาน คืนนี้คุณไม่พักที่นี่เหรอครับ?”มารุตเลิกคิ้วขึ้นถาม

สายตานัทธีเป็นประกายเล็กน้อย ตอบรับอือ

เขาตัดสินใจแล้ว มารุตก็ไม่พูดอะไรมาก ตามเขาอยู่ด้านหลังออกไปจากห้องทำงาน เดินไปที่ประตูของที่พัก

ตอนจะเปิดประตู ประตูด้านตรงข้ามก็เปิดพอดี วรยาถือถุงขยะออกมาจากด้านใน ตอนที่มองเห็นนัทธี ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงเล็กน้อย“คุณ……คุณคือเด็กคนนั้นที่ตระกูลไชยรัตน์ใช่ไหม?”

เธอชี้ไปที่นัทธีอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

นัทธีเลิกคิ้ว“สวัสดีครับคุณป้า!”

มารุตแอบยิ้มอยู่ด้านหลังเขา

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนเรียกประธานว่า‘เด็กคนนั้น’

ยิ้มไปอยู่นั้น จู่ๆ มารุตก็รู้สึกมีอะไรผิดปกติ เยือกเย็น เงยตามอง ก็สบตาเข้ากับดวงตาที่เย็นชาคู่นั้นของนัทธี ทันใดนั้นก็รู้สึกสั่น รีบเก็บรอยยิ้มไป

นัทธีจึงปล่อยเขาไป แล้วคืนสายตากลับมา

ฉากนี้ ถูกวรยาเห็นหมด

วรยาอดไม่ได้ที่จะอุดปาก“ใช่สิ คุณชื่อนัทธีสินะ?”

นัทธีพยักหน้า“ครับ”

“งั้นป้าเรียกคุณว่านัทธีโอเคไหม?”วรยาถามอย่างอ่อนโยน

นัทธีเงยคางขึ้นเล็กน้อย“ได้ครับ”

“งั้นก็ตามนี้เนอะ”วรยาปรบมือ จากนั้นก็คิดอะไรขึ้นได้ เลยพูดแนะนำตัว“นัทธี คุณน่าจะไม่รู้จักป้าสินะ ป้าคือ……”

“ผมทราบครับ แม่ของวารุณี และก็เป็นลูกบุญธรรมตอนที่คุณปู่ยังมีชีวิตอยู่”นัทธีพูดตัดบทเธอ

วรยาพยักหน้ายิ้มๆ “ถูกต้อง ที่แท้คุณก็รู้ งั้นคุณรู้ไหมว่าตอนนั้นปู่คุณหมั้นหมายคุณกับวารุณีไว้กับป้า?”

“ทราบครับ แต่ว่าขอโทษมากๆ เลยนะครับ ผมกับเธอเป็นไปไม่ได้แล้ว”นัทธีละสายตาลงพูดเสียงเบา

มารุตรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนเขา“ประธาน งานหมั้นนี้คุณไม่ผิดเลย ที่ผิดคือคุณวารุณีชัดๆ คุณขอโทษทำไม?”

“พอแล้ว หุบปาก!”นัทธีขมวดคิ้วแล้วดุออกไป

มารุตหุบปากลง ไม่พูด

วรยาได้ยินสองคนนี้คุยกัน รอยยิ้มที่ใบหน้าก็นิ่งไปเยอะ“นัทธี คุณไม่ชอบเรื่องหมั้นที่ป้ากับปู่คุณตกลงกันเลยใช่ไหม”

ไม่งั้น ทำไมต้องบอกว่าเป็นความผิดของลูกสาวเธอ?

นัทธีเม้มปากบางๆ ไม่พูดอะไร

ตั้งแต่ต้นเขาก็ไม่ชอบที่ตัวเองถูกบังคับให้ทำเรื่องหมั้นหมายกัน

แต่ไม่ชอบก็ไม่ได้โต้แย้ง เพราะสำหรับเขาแล้ว แต่งกับใครก็เหมือนกัน

เห็นนัทธีไม่พูด แววตาของวรยาก็หม่นลงเล็กน้อย ใบหน้ามีแต่ความขอโทษ“ขอโทษนะนัทธี ตอนนั้นป้ากับปู่คุณไม่ได้คิดอะไรมาก ที่จริงตอนแรกป้าก็ไม่ได้คิดจะให้คุณกับวารุณีตกลงหมั้นหมายกันหรอก แต่ปู่คุณบอกว่าแค่จัดเรื่องแต่งงานให้คุณได้ ก็จะได้จากไปอย่างสงบ ไปเจอพ่อแม่คุณ ก็เลยให้ป้า……”

“คุณป้าครับ คุณรู้ใช่ไหมว่าปู่ผมตายอย่างไร?”จู่ๆ นัทธีก็เสียงดังตัดบทของเธอ ใบหน้าสงบนิ่งที่คุ้นเคย ตอนนี้ก็ร้อนรนขึ้นเยอะ

“แม่ แม่กำลังคุยกับใครคะ?”เสียงวารุณีดังขึ้นมาจากด้านหลังวรยา

จากนั้น เธอก็สวมรองเท้าแตะเดินเข้ามา มองเห็นนัทธี ก็เบิกตาขึ้นอย่างแปลกใจ“ประธานนัทธี!”

นัทธีไม่สนใจเธอ สายตาจ้องไปที่วรยาเขม็ง

วารุณีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็มองไปที่วรยา

วรยาเงียบไปแป๊บเดียว จู่ๆ ก็ถอนหายใจ“ป้ารู้จริงๆ ”

“งั้นคุณรีบบอกผมมา!”นัทธีกำหมัดทั้งสองไว้

การตายของคุณปู่ เป็นความเจ็บปวดทางใจเขามาตลอด

ตอนนั้นคุณหมอประจำตระกูลบอกว่าร่างกายของคุณปู่แข็งแรงมาก อย่างน้อยก็ยังอยู่ได้อีกสิบกว่าปี

แต่วันหนึ่งเมื่อเจ็ดปีก่อนจู่ๆ คุณปู่ก็เสียไป ด้านในนี้มีปัญหาแน่นอน ดังนั้นเจ็ดปีมานี้ แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยหยุดสืบเลย แต่ก็ไม่ได้อะไรมาสักอย่าง

“ปู่คุณฆ่าตัวตาย!”วรยาเงยมองนัทธี พูดความจริงของการตายจากไปของคุณท่านบรรพตออกมา

วารุณีอุดปากไว้อย่างแปลกใจ

มารุตเบิกตาขึ้นอย่างแปลกใจ

มีแค่นัทธีที่กัดฟันแน่น ไม่ยอมเชื่อความจริงนี้“เป็นไปไม่ได้!”

คุณปู่จะฆ่าตัวตายได้อย่างไร?

เขามีเหตุผลอะไรต้องฆ่าตัวตาย!

“นี่เป็นความจริง เพราะว่านี่คือสิ่งที่ปู่คุณบอกกับป้าเองกับตัว”วรยาแสดงออกมาอย่างจริงจัง

ริมฝีปากนัทธีขยับ เสียงแหบเล็กน้อย“งั้นคุณบอกผมมา ทำไมเขาต้องฆ่าตัวตาย?”

“สาเหตุอย่างละเอียดนั้นป้าไม่รู้ แต่ก่อนปู่คุณเสียหนึ่งวัน ป้าเคยเจอกับเขา เขาบอกว่าเขาอยู่ได้อีกหนึ่งวัน ก็จะถูกความเสียใจกับความทุกข์ใจที่อยู่ในใจกดทับไว้จนหายใจไม่ออก ตอนนี้จัดเรื่องหมั้นหมายให้คุณแล้ว เขาก็ไปขอโทษพ่อแม่คุณได้แล้ว”วรยาตบไหล่ของนัทธี

วารุณีกัดริมฝีปาก เดาอย่างกล้าหาญ“พูดแบบนี้คือ การตายของพ่อแม่ประธานนัทธี เกี่ยวข้องกับคุณปู่บรรพต?”

เธอมองไปที่นัทธี

นัทธีละสายตาลงต่ำ ไม่พูดอะไร ทั้งร่างกายแพร่ลมหายใจที่อึมครึมออกมา

วรยาส่ายหน้า,“อันนี้ป้าก็ไม่รู้ แต่ว่าน่าจะใช่ ไม่อย่างนั้นคุณท่านบรรพตคงไม่พูดแบบนี้ออกมา”

“ประธานนัทธี……”วารุณีเรียกนัทธีอย่างกังวลเล็กน้อย

นัทธีสูดหายใจลึกๆ หลังจากระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในอกลง ก็โค้งให้วรยาเล็กน้อย“ขอบคุณคุณป้าที่บอกผมเรื่องพวกนี้ วันไหนผมจะหาวันมาเยี่ยมใหม่ ขอตัวลาครับ!”

พูดจบ เขาก็พามารุตไป

วารุณีมองเขาเข้าไปในลิฟต์ตลอด แล้วจึงละสายตากลับปิดประตูลง จากนั้นหันกลับ ก็สบตาเข้ากับสายตาลึกซึ้งคู่นั้นของวรยา“วารุณี ลูกบอกแม่มา ลูกมีใจให้นัทธีใช่ไหม?”