ตอนที่ 181 พลังของสำนักชิงอวิ๋น (3) ตอนที่ 182 พลังของสำนักชิงอวิ๋น (4)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 181 พลังของสำนักชิงอวิ๋น (3)

“แล้วที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง” จวินอู๋เสียเอ่ยถาม

มั่วเฉี่ยนยวนกล่าวว่า “ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามคำสั่ง ไป๋อวิ๋นเซียนพักอยู่ที่ตำหนักหลินหยวนของข้า ข้ามั่นใจว่าแม้ว่าคนของสำนักชิงอวิ๋นจะเห็นนาง พวกเขาก็จะไม่พบความผิดปกติใดๆ” พูดจบ มั่วเฉี่ยนยวนก็หยุดและมองไปที่จวินอู๋เสียและกล่าวอย่างลังเลว่า “เจ้าเชื่อว่าไป๋อวิ๋นเซียนจะไม่พูดจริงๆ หรือ ถ้านางเห็นคนที่มาช่วยนางแล้วนางกลับคำจะทำอย่างไรเล่า”

“ทุกสิ่งที่นางได้เห็นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จะทำให้นางรู้ว่านางควรเลือกอะไร” จวินอู๋เสียจิบชาและกลิ่นหอมของชาก็กระจายไปทั่วปาก

“เจ้าตั้งใจทำให้มั่วเซวี่ยนเฝ่ยมีสภาพเช่นนั้นหรือ” มั่วเฉี่ยวยวนตกตะลึงเล็กน้อย สภาพของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยในช่วงสองสามวันนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเขาต้องตกใจกลัวเป็นอย่างมาก ผิวหนังบนร่างกายของเขาเน่าเปื่อยไปทั้งตัว ในคุกใต้ดินที่สกปรก บาดแผลที่เน่าเปื่อยของเขาดึงดูดงู แมลง หนู และมดจำนวนมาก สิ่งเหล่านั้นกัดกินผิวหนังของเขาและยิ่งเร่งให้ผิวหนังของเขาเน่าเปื่อยมากขึ้นไปอีก

มั่วเฉี่ยนยวนเคยเห็นร่างกายของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยที่เน่าเปื่อยไปทั่วร่างกายจนเหลือเพียงเนื้อชั้นบางๆ หุ้มกระดูกไว้ และมีกระดูกปรากฏออกมาในหลายๆ ที่ ดูสภาพเหมือนจะตาย แต่ใช้เวลาไม่นานร่างกายของเขาก็มีผิวหนังขึ้นมาใหม่และไม่นานผิวหนังก็เริ่มเน่าเปื่อยเป็นอย่างนี้วนไปเรื่อยๆ

ปัญหาของไป๋อวิ๋นเซียนคือนางอยู่ตรงข้ามกับมั่วเซวี่ยนเฝ่ย แม้ว่านางจะไม่ต้องการเห็นมัน แต่กลิ่นเหม็นเน่าและเสียงของหนูที่เคี้ยวเนื้อก็ติดตามนางเหมือนเงา

แม้แต่คนที่มีจิตใจแน่วแน่เพียงใด หลังจากเห็นความเจ็บปวดที่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยได้รับแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างแน่นอน

“ไป๋อวิ๋นเซียนรักชีวิตของตัวเองมาก มันเป็นเรื่องปกติที่นางจะมีความคิดกลับคำ แต่ก่อนที่นางจะกลับคำ นางต้องแน่ใจก่อนว่าคนของสำนักชิงอวิ๋นจะสามารถทำยาแก้พิษของนางได้” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วเล็กน้อย เท้าคางแล้วมองดูขบวนรถม้าที่เคลื่อนไปไกลแล้ว

“ดังนั้นที่เจ้าให้ข้าปล่อยมั่วเซวี่ยนเฝ่ยออกมาและให้เขาอยู่ในวังในฐานะชินอ๋อง ก็เพื่อให้ไป๋อวิ๋นเซียนใช้พิษของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยทดสอบว่าคนของสำนักชิงอวิ๋นจะสามารถแก้มันได้หรือไม่อย่างนั้นหรือ” มั่วเฉี่ยนยวนจ้องไปที่จวินอู๋เสีย เมื่อสองวันก่อนจวินอู๋เสียไม่เพียงแต่ปล่อยไป๋อวิ๋นเซียนออกมาจากคุกใต้ดิน แต่แม้แต่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยที่มีสภาพใกล้ตายก็ถูกพาออกมาให้ไปพักที่ตำหนักเดิมของเขา

ในตอนแรก มั่วเฉี่ยนยวนไม่เข้าใจแผนการของจวินอู๋เสีย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยได้รับคือสิ่งที่จวินอู๋เสียเตรียมไว้เพื่อข่มขู่ไป๋อวิ๋นเซียน

“เจ้ามั่นใจว่าคนของสำนักชิงอวิ๋นจะไม่สามารถแก้พิษของเจ้าได้จริงๆ น่ะหรือ” มั่วเฉี่ยนยวนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

ในตอนนี้ สามารถปิดปากไป๋อวิ๋นเซียนได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

“อย่างพวกเขาน่ะหรือ” จวินอู๋เสียแสยะยิ้ม แสดงท่าทีเย้ยหยันออกมา

“มีคำนี้ของเจ้าก็พอแล้ว คนของสำนักชิงอวิ๋นกำลังจะมาถึงวังหลวงแล้ว ฮ่องเต้อย่างข้าก็ควรกลับไปเตรียมตัว ‘ต้อนรับ’ แขกพิเศษ” แม้ว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้แล้ว มั่วเฉี่ยหยวนก็ยังคงใช้คำว่า ‘ข้า’ ต่อหน้าจวินอู๋เสีย

จวินอู๋เสียโบกมือ มั่วเฉี่ยนยวนก็เดินจากไปทันที หลังจากหลงฉีเห็นว่ามั่วเฉี่ยนยวนเดินไปแล้วจึงจะเดินขึ้นมาชั้นบน

“เจ้าพบสิ่งผิดปรกติหรือไม่” จวินอู๋เสียกล่าวถาม

หลงฉีกล่าวว่า “คนที่บังคับรถม้าเป็นเพียงคนธรรมดา ส่วนคนในรถม้ายังไม่โผล่หน้าออกมา แต่มีรถม้าคันหนึ่งวิ่งผ่านไป ข้าน้อยเห็นหญิงสาวนางหนึ่งอยู่ด้านหลังหน้าต่างรถม้าขอรับ”

“บุตรีของเจ้าสำนักชิงอวิ๋นสินะ” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“ข้าน้อยไม่ทราบ”

“หาคนจับตาดูพวกเขาไว้ อย่าเข้าใกล้มากเกินไป และอย่าให้พวกเขาเห็นพวกเจ้า”

ตอนที่ 182 พลังของสำนักชิงอวิ๋น (4)

รถม้าของสำนักชิงอวิ๋นหยุดอยู่นอกวัง ทหารนอกวังดูเหมือนจะเตรียมพร้อมมาแล้ว พวกเขาเข้าแถวต้อนรับอยู่ที่ประตูวัง มั่วเฉี่ยนยวนสวมชุดมังกรยืนอย่างสง่าและใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ฉินอวี่เยียนลงมาจากรถม้า ใบหน้าที่งดงามของนางดึงดูดสายตาผู้คนมากมาย

“ยินดีต้อนรับคุณหนูฉิน” มั่วเฉี่ยนยวนกล่าวด้วยท่าทางอ่อนน้อมถ้อมตนโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นฮ่องเต้ เขากล่าวต้อนรับด้วยรอยยิ้ม

เจียงเฉินชิงขมวดคิ้วและมองไปที่ฮ่องเต้ที่ยังหนุ่มอยู่ “เจ้าเป็นฮ่องเต้ของรัฐชีหรือ” ไม่มีความเคารพในน้ำเสียงนั้น

มั่วเฉี่ยนยวนไม่โกรธ ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “อดีตฮ่องเต้พระวรกายไม่แข็งแรงจึงได้สละราชบัลลังก์ให้แก่ข้าเมื่อไม่นานมานี้ และตอนนี้ข้าก็คือฮ่องเต้ของรัฐชี”

“เจ้าคือมั่วเฉี่ยนยวนหรือ” เฉินชิงกล่าว

“ใช่”

ทันทีที่เจียงเฉินชิงได้ยิน ใบหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้นมาทันที พลังวิญญาณในร่างกายของเขาเริ่มแผ่ขยายออกไปและความกดดันที่รุนแรงทำให้มั่วเฉี่ยนยวนเริ่มหายใจลำบาก

“ดูเหมือนว่าคำพูดของอวิ๋นเซียนจะเป็นความจริง เจ้าและยัยเด็กชั่วสกุลจวินนั่นรังแกลูกศิษย์สำนักชิงอวิ๋นของข้า”

ทันทีที่พูดจบเจียงเฉินชิงก็คิดจะลงมือทันที

ตอนที่ไป๋อวิ๋นเซียนแจ้งข่าวกลับไปยังสำนักชิงอวิ๋น นางเคยกล่าวไว้ว่าจวินอู๋เสียและองค์รัชทายาทมั่วเฉี่ยนยวนได้ร่วมมือกัน ตอนนี้เจียงเฉินชิงเชื่อคำพูดของไป๋อวิ๋นเซียนแล้วเมื่อเขาได้เห็นว่าบัลลังก์ของรัฐชีตกอยู่ในมือของมั่วเฉี่ยนยวน

“ผู้อาวุโส โปรดฟังข้าอธิบายก่อน จะมีผู้ใดในรัฐชีกล้าแตะต้องคุณหนูไป๋แม้แต่ปลายเล็บเล่า ที่คุณหนูไป๋แจ้งข่าวกลับไปที่สำนักชิงอวิ๋นนั้นมีเหตุผลจริงๆ แต่ไม่ใช่อย่างที่นางแจ้ง” มั่วเฉี่ยนยวนเหงื่อออกไปทั้งตัว และพยายามบังคับให้ตัวเองสงบลง

“ลุงเจียง ให้เขาพูดให้จบ” ทันใดนั้นฉินอวี่เยียนที่เงียบมาตลอดก็กล่าวห้ามเจียงเฉินชิง

เจียงเฉินชิงแค่นเสียงหึออกมาเบาๆ เก็บพลังวิญญาณที่กระจายออกไปกลับมา แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเพ่งมองไปที่มั่วเฉี่ยนยวน

มั่วเฉี่ยนยวนตกใจจนเหงื่อโชกไปทั้งร่าง เขาคิดว่านิสัยของไป๋อวิ๋นเซียนนั้นรุนแรงมากแล้ว แต่เมื่อเทียบกับเจียงเฉินชิงที่เมื่อลงมือก็เอาชีวิตคนอย่างคนบ้าแล้ว ไป๋อวิ๋นเซียนนั้นถือว่าเป็นกระต่ายขาวตัวเล็กๆ เท่านั้น

ฉินอวี่เยียนก้าวออกมาหนึ่งก้าว บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน

“ฝ่าบาทอย่าได้กังวล ลุงเจียงแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของอวิ๋นเซียนเท่านั้น หากเข้าใจอะไรผิด ก็อธิบายกันตั้งแต่เนิ่นๆ เสียจะดีกว่า” น้ำเสียงของฉินอวี่เยียนอ่อนโยนราวกับสายน้ำในหุบเขา ทำให้ผู้ฟังรู้สึกสบายไปทั้งตัว

น้ำเสียงที่อ่อนโยนและคำพูดที่สมเหตุสมผลนั้นทำให้นางได้รับคำชื่นชมจากผู้คนที่อยู่ด้านข้างอย่างมากมาย

สมเป็นคุณหนูใหญ่แห่งสำนักชิงอวิ๋นจริงๆ ท่าทางที่ดูมีสง่าราศีและได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดีแบบนี้ สตรีทั่วไปไม่อาจเทียบได้จริงๆ

“ขอบคุณคุณหนูใหญ่ที่เมตตา จริงๆ แล้วเรื่องนี้…เกี่ยวข้องกับรัฐชีของข้า ทุกท่านเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย เข้าไปพักในวังหลวงกันก่อนดีหรือไม่ เมื่อเห็นคุณหนูไป๋ทุกท่านก็จะเข้าใจทุกอย่างเอง” มั่วเฉี่ยนยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจของเขากลับไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย

เป็นถึงฮ่องเต้ของรัฐหนึ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสของสำนักชิงอวิ๋น อยากตีก็ตีไม่ได้ อยากฆ่าก็ฆ่าไม่ได้ ยังจะมีหน้าอะไรให้พูดอีกหรือ

ฉินอวี่เยียนยิ้มและพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นจะดีมาก รบกวนด้วย”

“ที่ไหนกัน ที่ไหนกัน”

เมื่อเห็นฉินอวี่เยียนกล่าว ก็ไม่มีใครกล่าวอะไรอีก

เจียงเฉินชิงจ้องไปที่มั่วเฉี่ยนยวน “คิดว่าคนอย่างเจ้าก็คงทำอะไรออกมาไม่ได้ หากเข้าไปในวังหลวง แล้วพบว่าเจ้าไม่ซื่อสัตย์แม้แต่เล็กน้อย ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าสำนักชิงอวิ๋นของข้าไม่ใช่ใครจะรังแกได้ ” หลังจากพูดจบ เจียงเฉินชิงก็เดินตามฉินอวี่เยียนเข้าวังหลวงทันที

มั่วเฉี่ยนยวนมองตามหลังคนของสำนักชิงอวิ๋น แผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่ความกังวลนั้น ไม่ได้ทำให้เขากลัวแม้แต่น้อย เขากัดฟันและมองแผ่นหลังที่หยิ่งยโสเหล่านั้น