ตอนที่ 64.1 ก้าวไปตามสัตย์สาบานพิษ (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

เมื่อพูดถึงยอดเขาตันติ่งแล้ว สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วสนใจมากที่สุดคือเตาหลอมโอสถใหม่ที่เขากำลังจะได้รับมาและว่านหลินหยุน ปรมาจารย์ด้านการปรุงโอสถพิษที่อยู่ในนั้น

ในเวลานี้ ความรู้เกี่ยวกับหลักการปรุงโอสถพิษและสูตรโอสถพิษของหลี่ฉางโซ่วนั้น ส่วนใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งนั้น ได้มาจากคัมภีร์พิษหลายเล่มที่ว่านหลินหยุนเขียนขึ้น

ว่านหลินหยุนเป็นผู้อาวุโสของสำนักและเป็นเซียนเทียนแห่งยอดเขาตันติ่งที่ชอบหลอมโอสถและปรุงโอสถพิษ ความสามารถของเขาไม่อาจตัดสินได้จากขอบเขตพลังหรืออาวุธเวทของเขาเลย

เมื่อศิษย์น้องหญิงน้อยของหลี่ฉางโซ่วไปที่ทะเลบูรพาเพื่อเข่นฆ่าปีศาจกุ้ง หลี่ฉางโซ่วจึงมีความคิดที่จะดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสผู้นี้ด้วยผงพิษที่นางโปรยออกไป

อย่างไรเสีย ผู้อาวุโสผู้นี้ก็เป็นปรมาจารย์ผู้หนึ่งในสำนัก แม้เขาจะเอาผงพิษที่หลี่ฉางโซ่วสกัดกลั่นเอาไว้ให้หลันหลิงเอ๋อร์แล้ว แต่เขาก็ไม่เคลื่อนไหวอื่นใดหลังจากนั้น…

หลี่ฉางโซ่วจึงยังไม่กล้าดำเนินการอะไรมากเกินไป

ในฐานะที่เป็นศิษย์ของสำนักคนหนึ่ง หากเขาเริ่มไปขอคำแนะนำจากผู้อาวุโสที่มีทักษะการสกัดกลั่นพิษที่ดีที่สุดในสำนักก่อน เขาย่อมจะดูเหมือนเป็นคนมุ่งร้ายที่หมายวางยาสังหารศัตรูของเขาอย่างแน่นอน

แต่หากกลับเป็น ผู้อาวุโสที่ชอบปรุงโอสถพิษในสำนักยืนกรานจะสอนวิธีการปรุงโอสถพิษให้ศิษย์ของเขาเอง เช่นนั้นแล้ว คนอื่นๆ ก็จะประทับใจหลี่ฉางโซ่วมากขึ้น…

และความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างวิธีการเชิงรุกและวิธีการเชิงรับก็จะเห็นได้ชัดเจนในทันที

เมื่อรีบขับเคลื่อนเมฆไปที่ยอดเขาตันติ่งกับจิ่วอู หลี่ฉางโซ่วก็ครุ่นคิดอยู่ลึกๆ ว่ามันไม่ง่ายที่เขาจะมีโอกาสไปที่ยอดเขาตันติ่ง เขาไม่แน่ใจว่าควรจะหาทาง ‘พบ’ กับปรมาจารย์หลอมโอสถพิษผู้นี้ดีหรือไม่

เขาไม่อาจทำอย่างจงใจเกินไปหรือดูบังเอิญเกินไปในเรื่องนี้ได้

คงเป็นการดีมาก หากเขาได้รับโอสถพิษและคัมภีร์พิษจากผู้อาวุโสว่านหลินหยุน แม้เขาจะได้รับความสนใจเพียงบางส่วน แต่มันย่อมจะคุ้มค่า

ขณะนี้เมฆาขาวเคลื่อนผ่านยอดเขาสองยอดแล้ว จิ่วอูพลันกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะหันหลังให้หลี่ฉางโซ่ว “ดูสิ นั่นคือยอดเขาตันติ่ง ”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มพลางพยักหน้าแล้วมองไปที่ยอดเขารูปไหสุราที่อยู่ข้างหน้าเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

มาดูกันว่าคราวนี้ข้าจะได้พบกับผู้อาวุโสว่านหลินหยุนหรือไม่ บางสิ่งจะถูกทำลายหากเขาถูกบังคับ

บนยอดเขาตันติ่งนั้น มีนักหลอมโอสถและนักหลอมอาวุธอย่างละหนึ่งคน

และมีผู้บำเพ็ญเพียงหนึ่งร้อยคนเท่านั้นอยู่บนยอดเขานี้

ซึ่งทั้งหมดนั้น ประกอบไปด้วยสามเซียนอาวุโส และเซียนเสิ่นมากกว่าสามสิบคน เซียนหยวนและศิษย์มากกว่าสิบคน ส่วนที่เหลือจะเป็นศิษย์รับใช้ที่คอยทำงานซ่อมบำรุงเบ็ดเตล็ดทั้งหมด

บัดนี้ หลี่ฉางโซ่วและจิ่วอูได้ร่อนลงมาอยู่ในลานเล็กๆ บนไหล่เขาของยอดเขาตันติ่ง จากนั้นก็มีศิษย์รับใช้มานำทางและนำชามาบริการให้

หลังจากนั้นไม่นาน เซียนเสิ่นบุรุษในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินและสวมหมวกเต๋าแปดเหลี่ยมรูปลักษณ์ก็มาถึง เขามีรูปร่างอวบอ้วนเล็กน้อยและดูเต็มไปด้วยโอสถ

ดูเหมือนว่าเขาจะ…ประสบผลข้างเคียงจากการกินโอสถมากเกินไป

“ศิษย์น้องจิ่วอู ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ไยเจ้าไม่มาเยี่ยมเยือนที่นี่บ่อยๆ”

จิ่วอูถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “เฮ้อ…ข้าถูกส่งตัวให้เดินทางไปทั่วมาตลอดจนไม่มีเวลาได้พักผ่อนเลยขอรับ”

“นั่นย่อมเป็นเพราะคนในสำนักล้วนไว้ใจ เชื่อใจเจ้าได้!” เซียนหน้ากลมกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะมองไปที่หลี่ฉางโซ่วและผายมือเชิญให้พวกเขาเข้าไป “หอไป่ฝานออกคำสั่งให้ข้าแล้ว ที่นี่มีเตาหลอมโอสถสองสามเตาที่ไม่ได้ใช้งาน ข้าจะพาพวกท่านไปที่นั่นเพื่อเลือกออกมาสักใบหนึ่ง”

หลี่ฉางโซ่วยืนอยู่ข้างหลังจิ่วอู แม้เขาจะตัวสูงกว่าอาจารย์ลุงจิ่วอูมาก แต่เขาก็ยังดูไม่มีความสำคัญ

จิ่วอูยังได้แนะนำเซียนหน้ากลมให้หลี่ฉางโซ่ว ผู้มีนามว่า หลิวเฟยเซียน เขาเป็นผู้ดูแลระดับบริหารของสำนักคนหนึ่งเหมือนกับจิ่วอู และมักจะรับผิดชอบในการจัดการงานประจำวันเรื่องเบ็ดเตล็ดทั่วไปของยอดเขาตันติ่ง

หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับให้และเรียกขานเขาว่า ‘อาจารย์ลุง’ หลิวเฟยเซียนยิ้มและโอภาปราศรัยกับหลี่ฉางโซ่ว และหลังจากนั้นก็ไม่ได้สนทนากับหลี่ฉางโซ่วอีก

จากนั้นทั้งสามคนก็ขับเคลื่อนเมฆออกจากลานเล็กๆ แล้วล่องลอยไปยังหุบเขาเงียบสงบแห่งหนึ่งอย่างไม่รีบร้อน

หลิวเฟยเซียนและจิ่วอูพูดคุยกันไปตลอดทางในขณะที่หลี่ฉางโซ่วยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาและสังเกตพวกเขาแทนที่จะมองดูทิวทัศน์โดยรอบ

รอบนอกของหุบเขานั้นมีค่ายกลขนาดใหญ่ซึ่งปิดกั้นการตรวจจับจากพลังสัมผัสเซียนรับรู้ภายนอกและมีผลป้องกันบางอย่าง

ภายในค่ายกลขนาดใหญ่นั้น กลิ่นหมู่มวลบุปผาหอมฟุ้งเข้าจมูก และมีเสียงวิหคดังแว่วเข้ามาในหูในขณะที่มีแสงเซียนเปล่งประกายออกมาทั่วทุกทิศทาง

มีบ้านหลายสิบหลังอยู่ในป่า และในขณะนี้ ส่วนใหญ่ได้เปิดใช้ค่ายกลด้านนอกบ้าน เหล่าเซียนและศิษย์ที่อยู่ภายในนั้นน่าจะกำลังฝึกบำเพ็ญกันอยู่

มีเสียงหัวเราะดังก้องอยู่ในป่าบนทางคดเคี้ยวที่นำไปสู่พื้นที่สงบ

เมื่อเทียบกับยอดเขาหยกน้อยของเขาแล้ว…ดูเหมือนว่าที่นี่จะมั่งคั่งโอ่อ่ากว่ามาก

หลังจากติดตามเซียนเสิ่นทั้งสองแล้ว พวกเขาก็มาถึงบ้านหลังใหญ่ที่ครอบคลุมไปด้วยค่ายกล

ทันใดนั้น หลิวเฟยเซียนก็รีบปิดค่ายกลและเปิดประตู จากนั้นเขาก็เห็นว่ามีชั้นฝุ่นหนาทึบไปทั่วทุกหนแห่งภายในนั้นก็มีเตาหลอมโอสถสูงสิบฉื่อสองสามเตาวางอยู่ที่มุมห้องมุมหนึ่ง และนอกจากนี้ยังมีของเบ็ดเตล็ดอื่นๆ วางระเกะระกะไปทั่วเช่นกัน

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็เลือกเตาหลอมโอสถหนึ่งในนั้นขึ้นมาทันที

วัสดุของเตาหลอมโอสถนี้ไม่ดีเท่ากับเตาหลอมโอสถสีทองม่วงที่เขาซ่อมแซมด้วยตัวเอง แต่มันเป็นสมบัติใหม่เอี่ยมที่มีกฎห้ามที่จำเป็นซึ่งควรมีอยู่ในนั้น และมีพลังโดยรวมสูงกว่าเตาหลอมที่ระเบิดไปอยู่เล็กน้อย

เตาใบนี้ก็ไม่เลว เพราะดูจากภายนอกแล้ว เขาก็เป็นศิษย์ขอบเขตคืนกลับอนัตตา จึงไม่จำเป็นต้องใช้เตาหลอมโอสถชั้นเยี่ยม…

ที่ด้านข้างของเขานั้น จิ่วอูยิ้มเล็กน้อยและติว่า “ศิษย์พี่หลิว ท่านจะไม่ตระหนี่เกินไปสักหน่อยที่ให้เตาหลอมโอสถเหล่านี้แก่ข้าหรือ ศิษย์หลานฉางโซ่วได้ทุ่มเทอย่างมากในครั้งนี้ สำนักยังตัดสินใจให้รางวัลเขาด้วยการให้เขามาที่ยอดเขาตันติ่งเพื่อเลือกหลอมเตาด้วยตัวเอง เมื่อมาที่นี่ ข้าก็ทุ่มสุดตัวแล้วและจะขอเป็นคนหน้าหนา เช่นนั้นก็อย่าคิดว่าจะกำจัดเขาไปได้ง่ายๆ!”

ทันใดนั้น หลิวเฟยเซียนก็มีสีหน้าท่าทีกระดากเล็กน้อย แล้วรีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ศิษย์น้อง ท่านก็น่าจะพูดมาเสียก่อนหน้านี้ เช่นนั้นก็มาเถิด เราไปที่อื่นกัน”

หลี่ฉางโซ่วพลันรู้สึกขอบคุณจิ่วอูจากก้นบึ้งของหัวใจ และในขณะที่เขากำลังจะกล่าวว่าเตาหลอมที่นั่นดีพอ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหอบเบาๆ ดังมาจากด้านนอก

“ฉางโซ่วหรือ เจ้าเป็นศิษย์ของยอดเขาหยกน้อยใช่หรือไม่”

ทันใดนั้น ทั้งจิ่วอูและหลิวเฟยเซียนชะงักงันในขณะที่หลี่ฉางโซ่วรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง

ขณะนั้น ลมกระโชกแรงพัดผ่านมา และชายชราร่างผอมบางที่กำลังถือไม้เท้าก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอกประตู

ไม้เท้านั้นห่อหุ้มด้วยชั้นทองสัมฤทธิ์ ใบหน้าเหี่ยวย่นของชายชราดูเย็นชาและเคร่งขรึมเล็กน้อย แต่ดวงตาของเขาเปล่งประกายสดใสมีชีวิตชีวา เส้นผมขาวหงอกของเขาปลิวไสวไปตามสายลม และชุดคลุมเต๋าที่เขาสวมอยู่ก็มีกลิ่นยาฉุน…

ผู้อาวุโสว่านหลินหยุน!

หลิวเฟยเซียนและจิ่วอูต่างรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อโค้งคารวะทันที

จากนั้น จิ่วอูก็รีบกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงให้หลี่ฉางโซ่วว่า “นี่คือ ท่านผู้อาวุโสแห่งยอดเขาตันติ่ง เจ้าเรียกท่านอาจารย์ลุงใหญ่ก็ได้”

“ศิษย์ หลี่ฉางโซ่ว เป็นศิษย์แห่งยอดเขาหยกน้อย ขอคารวะท่านอาจารย์ลุงใหญ่ขอรับ”

ชายชราพยักหน้าตอบ มุมปากของเขาสั่นขณะพยายามจะเผย…รอยยิ้มชั่วร้ายออกมา

บัดนั้น หลิวเฟยเซียนและจิ่วอูล้วนตัวสั่นและก้าวถอยหลังออกไปสองก้าวทันที

พวกเขาไม่รู้ว่าไปยั่วยุเซียนพิษที่ไม่ค่อยออกไปที่ใดได้อย่างไรกัน

ว่านหลินหยุนไม่เอ่ยอันใด แต่ชี้ไปที่หลี่ฉางโซ่วโดยตรงแล้วถามว่า “เจ้าหลอมโอสถหัวใจจิ้งจอกขึ้นมาได้อย่างไร”

ในที่สุด เหตุการณ์ที่ข้าเคยทำนายไว้เมื่อหลายปีก่อนก็เกิดขึ้นแล้ว!