ตอนที่ 64.2 ก้าวไปตามสัตย์สาบานพิษ (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

หลี่ฉางโซ่วยังคงนิ่งเงียบและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้มศีรษะเพื่อรักษาท่าทางของเขา จากนั้นก็เอ่ยวาจาชัดเจน แต่ดูประหม่าเล็กน้อยออกไป

เขากล่าวว่า “ในด้านอัตราส่วนของสมุนไพร เลือดจากหัวใจจิ้งจอกวิญญาณสามส่วน หญ้าโคลนหนึ่งส่วน สมุนไพรสลายวิญญาณน้ำผึ้งดำสองส่วน หญ้าหงอวี่หนึ่งส่วน น้ำหนึ่งส่วนเล็ก และผงที่ไม่ทำให้เกิดคราบเขม่าเล็กน้อย…และหลังจากการควบแน่นด้วยไฟเย็นเป็นเวลาหกชั่วยาม ก็จะได้โอสถหัวใจจิ้งจอกขอรับ”

ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนพยักหน้าช้าๆ และรอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ยิ่งกลายเป็น…น่ากลัวมากขึ้น!

“หากเพิ่มผงกล้วยไม้แห้งสองส่วน และหลอมสิบสองชั่วยาม ข้าจะได้รับโอสถใด”

หลี่ฉางโซ่วตอบว่า “โอสถหัวใจจิ้งจอกดำขอรับ”

“หากนำสมุนไพรสลายวิญญาณน้ำผึ้งดำออกไป และเพิ่มผงบงกชตันหยางสามส่วนและทรายหิมะสองส่วนเข้าไป แล้วหลอมด้วยเพลิงไป๋หมิงยี่สิบสี่ชั่วยาม แล้วข้าจะได้รับโอสถใด”

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่คราวนี้เขาใช้เวลานานขึ้นเล็กน้อย

จิ่วอูที่ยืนอยู่ด้านข้างพลันรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที เขาขยิบตาให้หลิวเฟยเซียนครั้งแล้วครั้งเล่า

ทว่าหลิวเฟยเซียนยังคงส่ายศีรษะเล็กน้อยและส่งสัญญาณไม่ให้จิ่วอูเอ่ยวาจาใดออกมา…

ผู้อาวุโสคนนี้สามารถใช้พิษสังหารเซียนเสิ่นสองคนได้อย่างง่ายดาย!

ทว่าที่ด้านนอกประตู บัดนี้รอยยิ้มของผู้อาวุโสว่านหลินหยุนพลันเย็นลงในขณะที่ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย และเปล่งประกายอยู่ภายในนั้น

จิ่วอูยังคงไตร่ตรองคำพูดของเขา เขาไม่คุ้นเคยกับผู้อาวุโสว่านหลินหยุนคนนี้จริงๆ แต่ดูจากสีหน้าท่าทางที่เผยออกมาของเขาในเวลานี้…

ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ดูเหมือนว่าเขากำลังจะไล่ต้อนหลี่ฉางโซ่ว!

อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วก็ตอบกลับว่า “จะเป็นโอสถไร้ประโยชน์ขอรับ”

มุมปากของจิ่วอูกระตุกขึ้นกะทันหัน แล้วรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อขอความเมตตาทันที

ทว่าในขณะนั้น รอยยิ้มของผู้อาวุโสว่านหลินหยุนพลันหายไป เขาดูจริงจังขณะถามว่า “เหตุใดมันถึงไร้ประโยชน์”

“สรรพคุณทางยาถูกทำให้เป็นกลาง” หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและกล่าวต่อว่า “เดิมที เพลิงไป๋หมิงเป็นไฟที่อ่อนโยนและเป็นกลาง ยามนี้ระดับความร้อนในเม็ดโอสถจะถูกทำให้เป็นกลาง ไม่เย็น ไม่ร้อน และสรรพคุณทางยาของสมุนไพรก็จะได้รับการชดเชย…

…ถึงแม้จะหลอมโอสถขึ้นมาได้ แต่ก็เป็นโอสถที่ไร้ประโยชน์”

“โอ้?” จู่ๆ ว่านหลินหยุนพลันก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวพร้อมด้วยไม้เท้าของเขา

จิ่วอูรีบเดินไปข้างหน้าและโค้งคำนับ “ท่านผู้อาวุโส ผู้เยาว์ผู้นี้ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากท่านปรมาจารย์ของศิษย์ หากทำให้ท่านขุ่นเคือง อย่างไรก็ขอได้โปรดไว้หน้าปรมาจารย์ของศิษย์และยกโทษให้เขาด้วยเถิดขอรับ!”

ว่านหลินหยุนเหลือบมองไปที่นักพรตเต๋าร่างเตี้ยโดยไม่เอ่ยวาจาใดก่อนจะมองไปยังหลี่ฉางโซ่ว และถามว่า “เจ้าเพิ่งพูดคำว่าสรรพคุณทางยา แต่นี่มันพิษชัดๆ”

หลี่ฉางโซ่วมีท่าทีประหม่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เขาก้มศีรษะลงและกล่าวถ้อยคำที่เขารอจะเอ่ยมานานหลายหลายสิบปี จากสิ่งที่ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนได้ทำมาในชีวิตของเขา และเขารู้สึกว่าถ้อยคำที่เขาจะกล่าวออกมาน่าจะเสียดแทงทะลุหัวใจของว่านหลินหยุนได้มากที่สุดอีกด้วย

“ยาพิษก็นับเป็นโอสถชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับการปรุงอาหารที่มีรสเปรี้ยว หวาน ขมและเผ็ด และโอสถรักษาก็เฉกเช่นกันขอรับ”

จู่ๆ บ้านหลังใหญ่พลันเงียบงัน และทันใดนั้นหลิวเฟยเซียนก็หันไปมองหลี่ฉางโซ่วด้วยดวงตาฉายแววกังวลเล็กน้อย

นั่นมันไร้สาระอะไรเช่นนี้

วิธีสร้างความสับสนระหว่างยาพิษและโอสถ!

เขาจะจำแนกยาพิษและโอสถเหมือนเป็นสิ่งเดียวกันได้อย่างไร!!

ทว่าในเวลานั้น นักพรตเต๋าร่างเตี้ย จิ่วอูก็รู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เขาจากเบื้องบน เขาจึงเงยหน้าขึ้นและบังเอิญเห็นดวงตายาวที่หรี่แคบลงของว่านหลินหยุน และ…ว่านหลินหยุนก็แค่นเสียงเย็นชาออกมา

ผู้อาวุโสพลันกล่าวว่า “ข้าขอยืมตัวเขาสักสองสามวันได้หรือไม่”

“ขอรับ ท่านผู้อาวุโส”

“อืม” ว่านหลินหยุนพยักหน้าแล้วกล่าวกับหลี่ฉางโซ่วว่า “เจ้าตามข้ามา”

หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะรับ และหลังจากโค้งคำนับให้จิ่วอูและหลิวเฟยเซียนแล้ว เขาก็ค่อยๆ ออกไปจากสถานที่นั้น เดินตามผู้อาวุโสที่อยู่ข้างหน้าเขาไป

ทว่าก่อนที่เขาจะเดินไปได้มากกว่าสิบก้าว ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็หันศีรษะมาถามว่า “แล้วเจ้าหลอมโอสถหยกดำได้อย่างไรกัน”

“ศิษย์รู้เพียงแค่สูตรที่เหลืออยู่ วัตถุดิบหลักคือ น้ำยมโลกสามส่วนและสองแก่นกล้วยไม้อินทรีที่มีอายุระหว่างหนึ่งพันถึงสามพันปี…”

“เหตุใดจึงจำเป็นต้องมีอายุระหว่างหนึ่งพันปีถึงสามพันปี”

“แม้ว่าสรรพคุณทางยาจะไม่ขัดแย้งหรือหักล้างกัน แต่ก็ย่อมจะส่งผลถึงกันอย่างแน่นอน หากอายุมากไปและสรรพคุณทางยามีฤทธิ์แรงเกินไป ก็จะทำลายสมดุลภายในเม็ดโอสถได้ง่าย ศิษย์อ่านมาจากพระคัมภีร์ที่เขียนเอาไว้ว่า ยิ่งนานปียิ่งดีนั้น ไม่ถูกต้อง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องมีอายุที่เหมาะสมขอรับ”

“เจ้าอ่านจากพระคัมภีร์ที่ใดกัน”

“ในห้องโถงด้านนอกของหอพระสูตรเต๋า มีชั้นวางตำราสองสามชั้นที่มีคัมภีร์มากมายเกี่ยวกับการหลอมโอสถ ข้าได้อ่านอย่างระมัดระวังและไตร่ตรองหลายสิ่งหลายอย่าง…เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านเป็นผู้เขียนคัมภีร์พิษเหล่านั้นขอรับ”

“เหอะๆ ไม่เลว”

ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันท่ามกลางสายลมที่พัดมา ทั้งสองคนก็หายตัวไปบนเส้นทางเล็กๆ

“ฟิ้ว…”

จิ่วอูถอนหายใจด้วยความโล่งอกพลางเช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผากของเขา

เมื่อครู่นี้ท่านผู้อาวุโสเซียนเทียนไม่ได้เผยความยิ่งใหญ่ของการเป็นเซียนเทียนแม้แต่น้อย แต่ความจริงที่เขาได้วางยาพิษให้เซียนเทียนผู้หนึ่งนั้นช่างน่าขนลุกจริงๆ…

ในเวลานั้นเซียนร่างตุ้ยนุ้ยก็เดินเข้ามาแล้วถามว่า “เด็กผู้นี้มีเบื้องหลังอย่างไรหรือ ข้าไม่เคยเห็นท่านอาจารย์ลุงดูเป็นมิตรถึงเพียงนี้มาก่อน!”

“ท่านเรียกว่าเป็นมิตรหรือ”

จิ่วอูจ้องมองหลิวเฟยเซียนกำลังจะตอบ ทว่าจู่ๆ เขาก็ฉุกคิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “อย่าถามข้าเลย ข้าไม่อาจพูดอะไรได้”

หลิวเฟยเซียนเอียงศีรษะและขมวดคิ้วทันที

……

ครึ่งเดือนต่อมา…

ยามเย็นหลี่ฉางโซ่วก็ขับเคลื่อนเมฆาขาวออกมาจากยอดเขาตันติ่งอย่างสงบมุ่งหน้าไปยังยอดเขาหยกน้อยของเขาเอง

ในระหว่างทางที่เขากลับมายังยอดเขาหยกน้อยนั้น ทุกอย่างล้วนราบรื่นดี ขณะนี้โหย่วฉินเสวียนหย่าได้กลับไปแล้ว

เมื่อกลับมาที่หอโอสถ เขาก็นำเตาหลอมโอสถสีดำสูงยี่สิบฉื่อออกมาจากคลังเวทจัดเก็บของเขาซึ่งเพิ่มขนาดพื้นที่จัดเก็บเป็นสองเท่า ในขณะที่สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก

หลังจากที่เขาเปิดค่ายกลต่างๆ รอบตัวเขาแล้ว เขาก็เปลี่ยนลำแสงและใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ปกป้องสถานที่ ก่อนจะเข้าไปในห้องลับใต้ดินและนั่งลงที่ด้านหลังโต๊ะด้วยท่าทางเคร่งขรึม

จากนั้นเขาก็ใช้มือซ้ายปัดบนโต๊ะ วางจี้หยกและขวดหยกเอาไว้บนโต๊ะ…

แล้วหลี่ฉางโซ่วก็ยิ้มกริ่มอิ่มเอม

ในที่สุด เขาก็ได้บีบเค้นทุกอย่างออกมาจากผู้อาวุโสคนนี้…คัมภีร์พิษ!

แล้วยังได้รับโอสถพิษจำนวนมากจากผู้อาวุโสคนนี้อีกด้วย!

ทว่าด้วยเหตุนี้ ก็นับว่าเขาติดหนี้บุญคุณผู้อาวุโสคนนี้เป็นอย่างมาก และในภายหน้าเขาต้องหาโอกาสตอบแทนความเมตตาในครั้งนี้เพื่อตัดกรรม

คัมภีร์พิษเหล่านี้มีความสำคัญต่อหลี่ฉางโซ่วอย่างยิ่ง

ยาพิษที่ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนขอให้เขานำกลับมานั้น เป็นยาพิษ ‘ต้นแบบ’ ซึ่งยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น!

เพราะสิ่งนี้สามารถแก้ปัญหาใหญ่หลวงของหลี่ฉางโซ่วได้ ซึ่งจะช่วยให้คำอธิบายแก่สำนักได้ว่ายาพิษที่เขาอาจจะใช้ในอนาคตซึ่งสามารถสังหารเซียนเทียนได้นั้นมาจากที่ใด!

แค่เขาบอกว่าผู้อาวุโสว่านหลินหยุนมอบให้เท่านั้น

ในโลกนี้ย่อมมีโอกาสให้ทุกคนอยู่เสมอ มันไม่มีอะไรมากไปกว่าแผนการที่ใช้เวลาหลายปีและหลายสิบปี

ผู้อาวุโสเซียนพิษผู้นี้…

ทันใดนั้น รอยยิ้มเย็นชาอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้อาวุโสก็ปรากฏขึ้นในใจของหลี่ฉางโซ่ว และเขาก็ฉีกยิ้มกว้างออกมาทันที

ความจริงแล้ว บุคลิกของเขาค่อนข้างน่ารัก เขาจดจ่ออยู่กับการปรุงยาพิษและไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมมากแผนการนัก

ทว่าจู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่ง…คันระหว่างขาทั้งสองข้างของเขา?

คล้ายกับอาการคันที่มักปรากฏขึ้นที่รักแร้ของเขาเมื่อไม่นานมานี้

ฟ่อ…

มันบ้าอะไรกันนี่

หลี่ฉางโซ่วเอียงศีรษะและปัดความคิดเกี่ยวกับผู้อาวุโสปรุงยาพิษออกไปอย่างรวดเร็ว เขาสังเกตอาการของเขาอย่างระมัดระวังและอาการคันก็หายวับไป เขายืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องรสนิยมทางเพศของเขา

เขาตกใจเมื่อคิดว่าจู่ๆ เขาก็เกิดอารมณ์ทางเพศแปลกๆ อย่างอธิบายไม่ถูกขึ้นมาหลังจากได้ชมภาพวาด ‘จักรพรรดินีชราไป่เหมย’

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ขมวดคิ้ว

มีอันใดผิดปกติเกิดขึ้นกับเขา จู่ๆ ช่วงนี้ร่างกายของเขาก็มีพฤติกรรมแปลกๆ

เขาจึงรู้สึกว่า เขาต้องเสริมสร้างรากฐานเซียนของเขาหลังจากที่กลายเป็นเซียนแล้ว

……

เมื่อครู่ก่อน…

ตำหนักเทพเฒ่าจันทราแห่งศาลสวรรค์