“เฒ่าจันทรา ท่านเป็นเซียนที่ดูแลเรื่องการครองคู่ แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าความรักระหว่างบุรุษและสตรีนั้นคืออะไร!!”
ที่โถงด้านหน้า บัดนี้มีแม่ทัพสวรรค์ขี้เมากำลังร้องร่ำคร่ำครวญ
ในเวลานี้เฒ่าจันทราดูอับจนหนทางอย่างยิ่ง เขาทำได้เพียงปลอบโยน แต่ไม่กล้ารับปากสัญญาว่าจะช่วยให้แม่ทัพสวรรค์ได้ครองคู่
จะมีสิ่งใดที่เฒ่าจันทราไม่เคยพบในช่วงหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมาเล่า?
เขาเคยผ่านสถานการณ์เช่นนี้มามากมาย
เขาทำได้เพียงปลอบโยนอย่างต่อเนื่องและพยายามให้สติแก่เขา จากนั้นก็ติดต่อแม่ทัพสวรรค์คนอื่นๆ เพื่อให้ช่วยจัดการเรื่องนี้
ความสัมพันธ์ในการครองคู่ขึ้นอยู่กับความพยายามของตัวเองเป็นหลัก หากเขาต้องการจะพัฒนาความรักกับเทพธิดาผู้นั้น เขาต้องคิดพิจารณาหาวิธีแก้ปัญหาเพื่อสร้างความประทับใจและโน้มน้าวใจนางให้ได้…
ก่อนหน้านี้ เฒ่าจันทรากำลังซ่อมรูปปั้นดินเหนียวที่ได้รับความเสียหายจากปรมาจารย์เสวียนตู
รูปปั้นดินเหนียวถูกสร้างขึ้นมาจากพลังแห่งเต๋าสวรรค์และด้วยเหตุนี้จึงถูกเต๋าสวรรค์ตรวจพบได้เสมอ แม้จะสามารถซ่อมแซมมันได้ แต่กระบวนการนี้ก็ซับซ้อนมาก
สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือ การนำรูปปั้นดินเหนียวออกจากกงล้อแห่งชะตาการครองคู่ชั่วคราว และหลังจากการซ่อมแซมเสร็จสิ้น ก็จะใส่กลับเข้าไป
เมื่อสักครู่นี้ เฒ่าจันทรากำลังจะซ่อมแซมเสร็จสิ้น แต่จู่ๆ แม่ทัพสวรรค์ก็มาถึงและคร่ำครวญกับเขา
แต่เนื่องจากไม่อาจปล่อยให้รูปปั้นดินเหนียวอยู่ห่างจากกงล้อแห่งชะตาการครองคู่เป็นเวลานานมากเกินไป เฒ่าจันทราจึงได้มอบกระบวนการซ่อมแซมในส่วนสุดท้ายซึ่งเป็นงานง่ายๆ ให้ศิษย์สองคนของเขาจัดการแทน
ในพื้นที่ส่วนมุข ขณะนี้ มีเด็กชายสองคนกำลังติดตั้งแขนซ้ายใหม่ให้รูปปั้นดินเหนียวอย่างระมัดระวัง และเสี้ยวพลังแห่งเต๋าลึกลับก็แผ่ออกมาจากรูปปั้นดินเหนียว ทำให้แขนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของมันเหมือนเมื่อก่อนในทันที
จากนั้น…
เด็กน้อยพลันชี้ไปที่ดินเหนียวที่เหลืออยู่บนโต๊ะแล้วถามเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่ พวกเราควรทำอย่างไรดีขอรับ”
“โอ้ ไม่! ข้าทำพลาดที่ไหล่! มีรอยแตกเล็กน้อย! โอ้! ไม่! ข้าใส่มันเข้าไปไม่ได้”
“แล้วท่านอาจารย์จะลงโทษพวกเราหรือไม่”
“อืม…”
เด็กชายที่โตกว่าครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะมองดูรูปปั้นดินเหนียวในมือของเขา แล้วดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมาในทันใด
เขาค้นพบความกว้างของก้นรูปปั้นดินเหนียวนั้นพอดีเพราะขาของมันถูกแยกออกเล็กน้อย
เด็กชายทั้งสองต่างมองหน้ากันและกัน แล้วหลังจากนั้น ทั้งสองก็ร่วมกันค่อยๆ ยัดดินเหนียวไว้ระหว่างขาของรูปปั้นดินเหนียวนั้นอย่างระมัดระวัง
หลังจากนั้น เด็กชายที่โตกว่าก็หยิบปิ่นเล็กๆ ออกมาจิ้มดินเหนียวเข้าไปด้านใน แล้วกดเบาๆ ให้แน่นทำให้เกิดรอยบุ๋มลึกขึ้น
แค่นั้นก็สำเร็จแล้ว!
และทันทีที่เด็กชายสองคนซ่อมแซมเสร็จสิ้น แม่ทัพสวรรค์ผู้เมามายในห้องโถงด้านหน้าก็ถูกสหายของเขาสองคนพาตัวออกไปแล้ว
เฒ่าจันทราเดินเอามือไพล่หลังขณะกล่าวออกมาอย่างอ่อนโยนว่า “พวกเจ้าสองคนซ่อมรูปปั้นดินเหนียวได้หรือไม่”
“ขอรับ ท่านอาจารย์ พวกเราซ่อมมันแล้วขอรับ!”
ในขณะนั้น เฒ่าจันทราก็คว้ารูปปั้นดินเหนียวมามองดูก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วโยนโอสถสองขวดไปให้ศิษย์ของเขา
“ไม่เลว พวกเจ้าสองคนจงไปฝึกฝนที่ห้องโถงด้านหน้าเถิด”
กล่าวจบ เฒ่าจันทราก็ถือรูปปั้นดินเหนียวขึ้นสู่ท้องฟ้าที่ดารดาษไปด้วยดวงดาวแล้วค่อยๆ ดันรูปปั้นดินเหนียวจากสำนักตู้เซียนไปข้างหลังเบาๆ
ฉับพลันนั้น กงล้อแห่งชะตาการครองคู่ก็ปรากฏขึ้นในขณะที่กงล้อแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่หมุนไป
แล้วจากนั้น รูปปั้นดินเหนียวเพศชายก็ค่อยๆ ลอยกลับไปที่ตำแหน่งเดิม และรูปปั้นดินเหนียวเพศหญิงสามตัวที่อยู่รอบๆ ตัวมันก็ตรวจพบการเคลื่อนไหวของมันได้ทันที ฉับพลันด้ายแดงสามเส้นก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้าหารูปปั้นดินเหนียวเพศชายที่เพิ่งกลับเข้ามาตัวนั้น
บัดนั้น เฒ่าจันทราถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว
จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นรูปปั้นดินเหนียวส่ายไหวแกว่งไปเอนมาเพื่อหลบหลีกด้ายแดงที่เคลื่อนเข้ามา
“ชายผู้นี้อุทิศตนฝึกบำเพ็ญเต๋าจริงหรือ”
เฒ่าจันทรายิ้มแล้วลูบเคราของเขาขณะมองดูแถบด้ายแดงสามเส้นบนร่างดินเหนียวซึ่งดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก
“น่าสนใจ เช่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะสามารถซ่อนได้นานเพียงใด ข้าบังคับเจ้าไม่ได้ เราต้องนำคู่รักมารวมกัน เราไม่อาจสร้างปัญหายุ่งยากให้พวกเขาได้”
และทันทีที่เขากล่าวจบ รูปปั้นดินเหนียวเพศชายก็ค่อยๆ หลีกเลี่ยงการผูกพันกันของด้ายแดงอีกเส้น จากนั้นรูปปั้นดินเหนียวที่เด็กชายทั้งสองเพิ่งติดดินเหนียวเอาไว้ที่หว่างขาของมันก็เลื่อนลอยออกไปในทะเลแห่งดวงดาว…
ทันใดนั้น เฒ่าจันทราพลันตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาแข็งทื่อทันทีก่อนจะเอียงศีรษะมองไปที่รูปปั้นดินเหนียวเพศชายที่เพิ่งได้รับการซ่อมแซมตัวนั้น แล้วพบว่ามันถูกล้อมรอบด้วยรูปปั้นดินเหนียวเพศชายอีกสามตัว…
เหตุใด…ไฉนจึงเป็นเช่นนี้ ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก่อน!
เจ้าหนูผู้นี้โหดเหี้ยมกว่านี้ได้อีกหรือ!
ไม่ อาจเป็นเพราะมีชิ้นส่วนบางชิ้นถูกเติมเข้าไปโดยบังเอิญในขณะที่ซ่อมรูปปั้นดินเหนียวตัวนี้
เมื่อลองมาคิดดูแล้ว…
ต่อให้รูปปั้นดินเหนียวที่นี่จะไม่สมบูรณ์ไปเล็กน้อยก็ไม่น่าจะเป็นอะไรใช่หรือไม่
รูปปั้นดินเหนียวเป็นเพียงตัวนำส่งด้ายแดงเท่านั้น เหตุผลหลักที่แขนซ้ายสำคัญก็เพราะว่ามันอาจสร้างสายด้ายแดงใหม่แห่งการครองคู่ได้…
ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่คงไม่สังเกตเห็นหรอกน่า…
นี่คือรูปปั้นดินเหนียวของการครองคู่แห่งเต๋าสวรรค์ ซึ่งไม่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์อื่นใด อย่างมากที่สุด มันก็คงจะมีความเกี่ยวโยงกันเล็กน้อยกับคนผู้นี้ แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของคนผู้นี้…
ถูกต้องหรือไม่
“โปรดช่วยดูแลเรื่องนี้ด้วย!”
คำเตือนที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูได้ให้ไว้เมื่อเขาจากไปอย่างเร่งรีบนั้นยังคงดังกึกก้องอยู่ในหูของเขา แล้วทันใดนั้นลูกกระเดือกของเฒ่าจันทราก็กระดกขึ้นลงทันทีก่อนที่เขาจะรีบก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วคว้าอนุภาคดินเหนียวเล็กๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศเอาไว้ด้วยมือของเขา
จากนั้นเขาก็บดมันจนเป็นผงละเอียดแล้วใส่แขนเสื้อก่อนจะมองไปรอบๆ จากนั้นเขาก็เดินไปที่รูปปั้นดินเหนียวอย่างรวดเร็วแล้วศึกษามันอย่างระมัดระวังก่อนจะป้ายผงในมือลงบนไหล่ซ้ายของรูปปั้นดินเหนียวอย่างระมัดระวัง ทว่าดูเหมือนว่าการแก้ไขที่ทำขึ้นนี้จะยังไม่สมบูรณ์แบบ มันยังคงมีรอยร้าวเล็กๆ อยู่ที่นั่น…
“ไม่มีอันใดเกิดขึ้นน่า ฮ่าฮ่า ไม่มีอันใดเกิดขึ้น พลังแห่งสามดาวมงคลเป็นพรที่ดี! เป็นพรที่ยิ่งใหญ่!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ในขณะนั้น เด็กชายตัวน้อยลังเลจะพูดออกมา แต่ถูกเด็กชายที่โตกว่าลากไป แล้วทั้งสองคนที่ประตูก็ค่อยๆ ออกไปเงียบๆ…
จากนั้นเด็กชายทั้งสองก็ตกลงจะฝังความลับเล็กๆ นี้เอาไว้ในใจของพวกเขา
ไม่นานหลังจากนั้น เฒ่าจันทราที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็เอามือไพล่หลัง แล้วพึมพำออกมาว่า “หากเกิดผลเสียหายขึ้นมาจริงๆ…มันก็เป็นความผิดของเรา แล้วข้าควรจะทำอย่างไรดีเล่า”
……
ขณะนี้ ในห้องลับใต้ดินของยอดเขาหยกน้อย
หลี่ฉางโซ่วนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะและฝึกบำเพ็ญเงียบๆ ร่างกายของเขาราวกับแก้ว และวิญญาณเซียนของเขาก็ใสสะอาดไร้ที่ติ ลูกเพลิงสมาธิแท้ได้ไหลเวียนผ่านไปในร่างกายของเขาอย่างช้าๆ และเปล่งแสงบนผิวของเขาราวกับว่ามันโปร่งแสงพร้อมด้วยแสงเซียนที่อยู่ภายในนั้น
หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว เขาก็ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ ในร่างกายของเขา
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและเข้าสู่การปิดด่านบำเพ็ญเพียรอย่างสงบเป็นเวลาสองสามเดือน เมื่อขอบเขตพลังของเขาก้าวหน้าไปโดยใกล้จะประสบความสำเร็จในระดับเล็กแล้ว เขาก็ผ่อนคลายลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
แม้เขาจะทำให้ขอบเขตเล็กๆ ของเขาสมบูรณ์แบบ ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ไม่รีบร้อนที่จะทะลวงฝ่าด่านขอบเขตพลังขึ้นไปในทันที แต่เขาทำตามแผนเดิมและพยายามหยั่งรู้ในขอบเขตพลังนั้นอีกครั้ง
ขั้นตอนแรกคือการทบทวนอดีตและเรียนรู้สิ่งใหม่ผ่านการแก้ไข
ขั้นตอนที่สองคือการเปลี่ยนมุมมอง ตรวจสอบผลลัพธ์แห่งเต๋าและตรวจสอบข้อบกพร่องแล้วแก้ไขมัน
ขั้นตอนที่สามคือพิชิตขอบเขตพลังและมุ่งมั่นเพื่อความสมบูรณ์แบบต่อไป
เขาต้องทำซ้ำสามขั้นตอนเหล่านี้หลายๆ ครั้งก่อนที่จะสามารถลดความน่าจะเป็นของ ‘ภาวะแตกซ่าน’ จากนั้นเขาก็จะสามารถเสถียรขอบเขตพลังของเขาให้มั่นคงได้
โอกาสในยุคบรรพกาลถูกผู้บุกเบิกยิ่งใหญ่ระดับเซียนเทียนเหล่านั้นแย่งชิงไป หากเขาต้องการมีความแข็งแกร่งและความสามารถในการป้องกันตัวเองในอนาคต เขาทำได้แค่แสวงหาความมั่นคงในระดับแรก กลาง และปลาย แล้วสะสมในระดับสุดท้าย
ความคิดและการฝึกฝนความคิดของเขากระจ่างชัดเจนอยู่เสมอ
ปรมาจารย์ส่วนใหญ่ในยุคบรรพกาลได้สร้างความแข็งแกร่งของพวกเขาขึ้นมาแล้ว