บทที่ 113 บ้านใหม่ของเว่ยเสี่ยวเถา

หลังจากที่ถังหลี่กลับถึงบ้าน นางได้บอกเว่ยเสี่ยวเถาเกี่ยวกับบ้านใหม่

ในเช้าวันรุ่งขึ้น เว่ยเสี่ยวเถาเข้าไปดูบ้านหลังนั้น หลังจากสำรวจทั่วบ้านแล้วนางรู้สึกพอใจกับมันมาก หญิงสาวจึงทำการย้ายบ้านทันที นางไม่ได้มีสัมภาระเยอะมากนัก ด้วยความช่วยเหลือจากถังหลี่ทำให้การย้ายเข้าบ้านใหม่ของนางเสร็จสิ้นภายในครั้งเดียว หลังจากที่ถังหลี่จากไป เว่ยเสี่ยวเถามองไปรอบ ๆ บ้านและเริ่มวางแผนในการจัดแจงบ้านในใจ วางเก้าอี้ไว้ตรงนี้… วางโต๊ะทานข้าวไว้ตรงนั้น…

แม้ว่าจะเป็นเพียงบ้านเช่า แต่ก็ทำให้เว่ยเสี่ยวเถารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกอีกครั้ง ตอนนี้นางมีสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวแล้ว

จ้าวตี้วิ่งเข้าวิ่งออกทั่วบ้าน นางชอบมันมาก แม้เนี่ยนตี้จะไม่พูดอะไรนางก็เดินตามจ้าวตี้ไปอย่างมีความสุข

“ท่านแม่ ๆ นี่คือบ้านของเรา!”

เว่ยเสี่ยวเถามองไปที่บุตรสาวทั้งสองคนอย่างอบอุ่น

“ใช่ เรามีบ้านแล้ว”

บ้านหลังใหม่ และการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนเมื่อก่อน ทั้งขาดแคลนเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มและอาหาร ยังไม่นับที่ต้องทนฟังคำดุด่าจากแม่สามี หนำซ้ำต้องคอยปรนนิบัติสามีที่จู้จี้ขี้บ่นอีกด้วย หากทำไม่ถูกใจก็จะลงไม้ลงมือ แต่ตอนนี้ด้วยเงินที่นางหาได้ นางสามารถเลี้ยงบุตรสาวทั้งสองคนได้ด้วยตัวเองแล้ว

เว่ยเสี่ยวเถารวบลูกสาวมากอด สามคนแม่ลูกแบ่งปันอ้อมกอดกันแน่น

……

หลี่โหยวไฉ่เป็นคนมีความขยันขันแข็งและรับผิดชอบงานดีมาก

สองสามวันต่อมาชายหนุ่มเข้ามาที่เมืองเพื่อพบกับถังหลี่

“ฮูหยินเว่ย ข้าต้องขอรบกวนเจ้าอีกสักครั้ง” หลี่โหยวไฉ่เกาศีรษะตัวเองอย่างขัดเขิน

“พี่หลี่ หากท่านมีสิ่งใดให้ข้าช่วยก็บอกมาเถอะ” ถังหลี่ตอบตกลงทันที

“แม่นางดูนี่สิ” หลี่โหยวไฉ่ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งในกับถังหลี่

หญิงสาวรับมันไป ในกระดาษมีตัวหนังสือเขียนไว้จนแน่นเต็มทั้งแผ่น

“ฮูหยินเว่ย หลังจากวันนั้นชาวบ้านลี่เจียมาหาข้าทีละคนเพื่อบอกว่าเขาจะแบ่งที่มาปลูกสมุนไพรเท่าไหร่ ข้าบันทึกลงไว้ในนี้ทั้งหมดแล้ว”

ถังหลี่ดูรายชื่อในกระดาษและพบว่าตู้เสี่ยวเหอและสกุลเฉินก็มีรายชื่ออยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน ที่ดินของสกุลเฉินมีจำนวนมากมายหลายไร่

“ข้ากับหมอซูเดินสำรวจพื้นที่เพื่อตรวจดูสภาพดินกันแล้ว เราจึงเลือกสมุนไพรที่เหมาะสมมาสองสามชนิด…” ชายหนุ่มกล่าว

สายตาของถังหลี่มองไปที่รายชื่อสมุนไพรทั้งหมดสามอย่าง ก่อนที่นิ้วของชายหนุ่มจะเลื่อนลงไปอีกข้อความหนึ่ง

“นี่คือจำนวนต้นกล้าที่พวกเราต้องการ ฮูหยินเว่ยท่านพอจะรู้แหล่งซื้อต้นกล้าหรือไม่?”

ถังหลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ข้าจะพาท่านไปพบใครบางคน”

ถังหลี่พาหลี่โหยวไฉ่มาที่ไป๋เย่าถังเพื่อพบกับเถ้าแก่จาง เขาหยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาอ่านด้วยอารมณ์ที่สับสนมึนงง

เถ้าแก่เนี้ยถังจะปลูกสมุนไพรเองหรือ?

แล้วหลังจากนี้ยังจะซื้อสมุนไพรจากเขาอยู่หรือไม่?

เถ้าแก่เนี้ยถังคือลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของเขา หากเขาทำนางหลุดมือไปกิจการของเถ้าแก่จางจะได้รับผลกระทบอย่างมาก

ถ้าเขาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวของเขาเอง…เขาควรจะปฏิเสธนางไม่ให้ความช่วยเหลือแก่นาง

แต่….

เถ้าแก่จางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดว่า

“ข้าไม่มีต้นกล้าสมุนไพรเหล่านี้หรอก แต่ข้าน่าจะหาให้ได้…”

เขามองไปที่ถังหลี่ก่อนจะพูดอย่างหนักแน่น

“ข้าหามันให้ท่านได้!”

หลี่โหยวไฉ่รู้สึกขอบคุณเถ้าแก่จางอีกครั้ง

“ถ้าเช่นนั้นต้องรบกวนท่านแล้ว เถ้าแก่จางพวกต้นกล้าพวกนี้มีราคาเท่าไรหรือ?”

เถ้าแก่จางเขียนใบราคาคร่าว ๆ ให้กับหลี่โหยวไฉ่ ชายหนุ่มรับมันและจากไปอย่างมีความสุข

ถังหลี่นั่งลงที่เก้าอี้ยังไม่ได้กลับออกไปแต่อย่างใด

เถ้าแก่จางยังคงรู้สึกวุ่นวายใจเรื่องการสั่งซื้อสมุนไพรในภายหน้า แต่ก่อนที่เขาจะถามนางหญิงสาวก็พูดขึ้นมาก่อนว่า

“เถ้าแก่จาง เราเป็นคู่ค้ากันมาเกือบปีแล้วใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้ว เกือบจะหนึ่งปีแล้วล่ะ”

“เถ้าแก่จาง ข้ารู้ว่าท่านนั้นเป็นคนที่ซื่อสัตย์และน่าเคารพ” ถังหลี่กล่าวต่อ

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเถ้าแก่จางรู้ดีว่านั่นคือการพูดคำหวานยกยอสิ่งดี ๆ ก่อนจะกล่าวตัดความสัมพันธ์ มันคือมีดดาบอาบยาพิษนั่นเอง

อารมณ์ของเถ้าแก่จางหนักอึ้งเป็นอย่างมากในตอนนี้

“ดังนั้น ข้าคิดว่าเมื่อสมุนไพรจากลี่เจียเติบโตขึ้น ท่านจะรับซื้อไปได้หรือไม่? เพียงแค่ท่านขายในราคาที่เห็นว่าเหมาะสม ตอนนี้กิจการถุงหอมของข้าใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ สมุนไพรที่ต้องใช้ย่อมมีจำนวนมากขึ้น ดังนั้น…” ถังหลี่กล่าว

เถ้าแก่จางเงยหน้ามองไปที่อีกฝ่ายอย่างตกตะลึง

นี่หมายความว่านางยังเป็นคู่ค้ากับเขาต่อไปหรือ? ที่นางพูดออกมาคือการสั่งซื้อสมุนไพรเขาเพิ่มขึ้นใช่หรือไม่?

“เถ้าแก่จาง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”

เมื่อได้ยินคำถามของถังหลี่ เขาจึงกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง

“ดียิ่ง ไม่มีปัญหา! เถ้าแก่เนี้ยถังท่านบอกหัวหน้าหมู่บ้านของท่านได้เลย หากมีสิ่งใดที่สงสัยข้าจะส่งคนไปสอนชาวบ้านให้”

“เช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนท่านแล้ว”

ภายหลังที่ถังหลี่และเถ้าแก่จางตกลงสัญญากัน นางก็เดินออกจากไป๋เย่าถังไป

การค้าของถังหลี่นั้นให้ความสำคัญกับ “สะดวกต่อผู้อื่นและสะดวกกับตัวเอง”

หากนางสามารถลดส่วนต่างของพ่อค้าคนกลางได้ ต้นทุนก็ยิ่งน้อยลง การขายให้เถ้าแก่จางโดยตรงยังเป็นการช่วยเถ้าแก่จางเพิ่มรายได้ให้มากยิ่งขึ้น ผู้ชายคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์ น่าเชื่อถืออีกทั้งไว้ใจได้อีกด้วย การงานจึงเป็นไปอย่างราบรื่น

ยิ่งไปกว่านั้นแม้เถ้าแก่จางจะรู้ดีแก่ใจว่าจะส่งผลกระทบต่อกิจการของตัวเอง เขาก็ยังยื่นมือเข้าช่วยเหลือถังหลี่ นี่คือสิ่งที่หญิงสาวอยากตอบแทนน้ำใจของเขา

ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

ทางด้านถังหลี่นั้นทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีผิดกับทางหมู่บ้านลี่เจีย

เมื่อชาวบ้านได้ยินว่าต้องจ่ายค่าต้นกล้าก่อน พวกเขารู้สึกท้อแท้เป็นอย่างมาก ในตอนนี้บ้านของหลี่โหยวไฉ่ล้วนเต็มไปด้วยเสียงตะโกนโวยวาย

“หัวหน้าหมู่บ้าน ลำพังตอนนี้ก็ไม่มีเงินจะพอกินแล้ว จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าต้นกล้า?”

“ใช่แล้วอีกทั้งในฤดูหนาวเช่นนี้ ต้นไม้บนภูเขาก็จะเป็นน้ำแข็งแห้งตายกันหมดแล้ว หากซื้อต้นกล้ามาปลูกมิพากันยืนต้นตายกันทั้งหมดหรอกหรือ”

“ถังหลี่ต้องการเอาเปรียบพวกเราชัด ๆ นางไม่ยอมสละแม้แต่เงินซื้อต้นกล้าให้พวกเราก่อนด้วยซ้ำ ก่อนจะหาเงินกับพวกเราก็ช่วยพวกเราได้ลืมตาอ้าปากก่อนสิ?”

ตู้เสี่ยวเหอพูดจาส่อเสียดอย่างไม่หวังดี คำพูดของผู้อื่นหลี่โหยวไฉ่ล้วนรับได้ยกเว้นคำพูดของตู้เสี่ยวเหอเขาแทบจะทนฟังไม่ไหวเอาเลยทีเดียว

“ตู้เสี่ยวเหอ! เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องปลูก ข้าจะไม่ซื้อต้นกล้าอะไรให้เจ้าอีก ไปจากบ้านข้าซะ น่ารำคาญ!” หลี่โหยวไฉ่โต้ตอบนางอย่างเผ็ดร้อน

“ไปก็ได้!” ตู้เสี่ยวเหอลุกขึ้น เดินพาหลี่เที่ยมู่ออกไป

นางก็แค่อยากจะลองดูถ้าหากมันทำเงินได้จริง ๆ แต่ถ้าต้องควักเนื้อจ่ายก่อนเช่นนี้ นางไม่ทำอย่างเด็ดขาด!

“พวกเจ้าจะโง่งมทำกันก็ตามใจ! สุดท้ายก็เป็นการเชือดคอตนเองเพื่อเอาเงินให้คนอื่นไปกินไปดื่มเท่านั้นแหละ!” ก่อนจากไปตู้เสี่ยวเหอยังไม่วายที่จะพูดยุแยงคนอื่น

หลายคนที่คิดเช่นนางเริ่มทยอยกลับไปแต่หลี่โหยวไฉ่ไม่ได้ยื้อใครไว้

ชาวบ้านทุกคนล้วนยากจน เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนยอมควักกระเป๋าจ่ายเงิน แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ร่ำรวยพอที่จะออกเงินช่วยเหลือผู้อื่นก่อนเช่นกัน

“หัวหน้าหมู่บ้านข้าจะปลูก! ข้าจะกลับไปเอาเงินมาให้!” คนในหมู่บ้านที่ชื่อหลี่เหล่าชีพูดขึ้น

เขาตัดสินใจได้แล้ว ในคราวนี้ทั้งหัวหน้าหมู่บ้าน หมอซู และฮูหยินเว่ย ต่างพยายามที่จะมอบโอกาสที่หายากให้แก่พวกเขา ถ้าปลูกได้สำเร็จ ปีหน้าพวกเขาก็ไม่ต้องอดอยากกันต่อไปอีกแล้ว

“หัวหน้าหมู่บ้าน บ้านของข้าไม่ได้มีเงินมากมายนัก อย่างไรข้าจะขอปลูกน้อยลงกว่าที่เคยลงชื่อไว้ตอนแรกได้หรือไม่?”

“บ้านข้าก็เช่นกัน ข้าจะกลับไปเอาเงินมาให้”

“หัวหน้าหมู่บ้าน เรารู้ว่าท่านทำเพื่อประโยชน์ของพวกเรา ดังนั้นท่านอย่าไปใส่ใจคนเหล่านั้นเลย”

หลี่โหยวไฉ่ที่ได้ฟังรีบพยักหน้ารับอย่างจริงจัง ไม่ต้องไปใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้นสักนิด เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งที่ทำอยู่มันคุ้มค่ามาก!

สุดท้ายแล้วเหลือเพียงแค่สิบห้าครัวเรือนที่ตัดสินใจปลูกสมุนไพร ส่วนหลี่โหยวไฉ่ยังใช้ที่ดินของตัวเองส่วนใหญ่ในการปลูกสมุนไพรอีกด้วย

“ท่านพี่ หากปลูกไม่ขึ้น ปีหน้าบ้านเราจะอดตายกันนะ” ภรรยาของชายหนุ่มพูดขึ้น นางรู้สึกไม่สบายใจมาก

“อย่ากังวลไปเลย ต้องปลูกขึ้นอย่างแน่นอน” หลี่โหยวไฉ่ตบมือปลอบใจภรรยาเบา ๆ

ที่จริงแล้วเขาเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร แต่ถ้าหากตัวเขามีความมั่นใจ ผู้อื่นก็ย่อมเชื่อมั่นตามเช่นกัน

——————————