ตอนที่ 124 ไม่ใช่แค่เถาหยางที่ต้องการคุณ

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 124 ไม่ใช่แค่เถาหยางที่ต้องการคุณ

ตอนที่ 124 ไม่ใช่แค่เถาหยางที่ต้องการคุณ

ความฝันเหรอ?

ดวงตาของอู๋เจิ้นมีประกายเล็กน้อยแต่มันก็หายวับไป

เขามองไปที่มีดปอกผลไม้และเศษแก้วบนโต๊ะด้วยความลังเล

ซูเถาจับความลังเลนี้ได้อย่างรวดเร็ว และดึงอู๋เจิ้นขึ้นมา “ตามฉันมา”

อู๋เจิ้นเซไปตามแรงดึงของเธอ เขาล้มลุกคลุกคลานตามเธอไป

ซูเถาดึงเขาไปจนถึงห้องเรือนกระจกบนชั้น 3 ทันทีที่ประตูเปิดออก แสงแดดยามบ่ายก็สาดส่องเข้ามาจากหน้าต่างกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน ชั้นปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ที่เต็มไปด้วยผักสดใหม่

กลิ่นของผักอบอวลอยู่ในห้องนี้

ซูเถา “คุณเห็นไหม พวกมันทั้งหมดได้รับการปลูกและได้รับการดูแลเป็นตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งยังใช้เงินเป็นจำนวนมาก แต่คุณรู้หรือเปล่าว่า เถาหยางที่มีผู้เช่าเพียงร้อยคน แต่มันก็ไม่พอให้บริโภค ไม่ต้องพูดถึงคนข้างนอก ที่ไม่สามารถหาผักกินได้เลย”

“อู๋เจิ้น ความสามารถของคุณเป็นของขวัญให้กับโลกในวันสิ้นโลกนี้ คุณสามารถช่วยเหลือผู้คนนับสิบล้านได้ด้วยตัวคุณเอง ไม่เพียงแต่เถาหยางเท่านั้นที่ต้องการคุณ แต่โลกที่มีปัญหานี้ต้องการคุณมากกว่านั้น”

“ฉันรู้ว่าการจากไปของหลิวซูและลูกนั้นมันทำให้คุณยอมรับไม่ได้ แต่ฉันหวังว่าคุณจะมีชีวิตรอด อยู่ดีกินดี และปล่อยให้พวกเขาอยู่ในหัวใจของคุณ ถ้าคุณจากไป ฉันขอพูดแบบโหดร้ายเลยนะ จะมีใครอีกในโลกที่จะจดจำและนึกถึงพวกเขาได้อีก”

อู๋เจิ้นตกตะลึงเป็นเวลานาน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา เขาคุกเข่าลงช้า ๆ ใช้มือทั้งสองข้างปกปิดใบหน้าของเขาและสะอื้นเบา ๆ

ซูเถาหลับตาแล้วดึงเขาขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันจะพาคุณไปที่อื่น หลับตาซะ”

ทันใดนั้นอู๋เจิ้นรู้สึกเพียงว่าอากาศและอุณหภูมิโดยรอบเปลี่ยนไป เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองยืนอยู่บนยอดเขา และในดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยไหล่เขาที่อยู่ตรงหน้า

อู๋เจิ้นหยุดนิ่งราวกับอยู่ในความฝัน

ซูเถากล่าวว่า “นี่คือภูเขาผานหลิว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเถาหยาง ฉันวางแผนที่จะเก็บภูเขานี้ไว้ให้คุณตั้งแต่ต้น มีพื้นที่ประมาณ 1,000 ตารางเมตร คุณสามารถปลูกอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ ทำเหมือนมันเป็นของคุณเลย เป็นสวนสวรรค์ และคุณก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของสิ่งที่คุณปลูกอย่างแน่นอน”

“และไม่ต้องกังวลเรื่องซอมบี้ที่นี่ ฉันจะเตรียมห้องแยกไว้ให้ คุณสามารถมาพักได้ตลอดเวลา”

“แน่นอนว่าฉันอยากให้คุณอยู่ดีกินดี มีชีวิตที่สุขสบาย ถ้าคุณตาย ฉันก็จะทำที่นี่เป็นกองขยะ”

ความสิ้นหวังในดวงตาของอู๋เจิ้นถูกกวาดหายไป และดูเหมือนว่าจิตวิญญาณจะกลับมายังสถานที่ของพวกมัน เขาพูดอย่างตื่นเต้น

“แบบนั้นมันเปล่าประโยชน์! เมื่อก่อนที่นี่น่าจะเต็มไปด้วยความเขียวขจี สภาพการเพาะปลูกก็คงดีมาก ถ้าเพิ่มพลังความสามารถของผมเข้าไป ที่นี่น่าจะมีผลไม้กินทุกปี”

ซูเถายิ้ม “ดังนั้น การที่คุณยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นที่จะทำเรื่องนี้ได้ ถ้าไม่มีคุณ แผ่นดินทั้งหมดก็เหลือแต่ความรกร้างว่างเปล่า กลายเป็นกองขยะ ถูกซอมบี้เหยียบย่ำ และเต็มไปด้วยเลือดเนื้อของเพื่อนร่วมชาติของคุณ”

การแสดงออกของอู๋เจิ้นเปลี่ยนไป ในที่สุดเขาก็ถูกแช่แข็งราวกับตื่นจากความฝัน

“คุณซู ผมขออยู่เงียบ ๆ สักพัก”

ซูเถารู้ว่าเขาคว้าฟางข้าวเอาไว้ ซึ่งเป็นฟางที่ให้การดำรงชีวิตและมีค่าแก่เขา

ตอนนี้เขาแค่ต้องสงบสติอารมณ์เท่านั้น

“เอาเถอะ คุณสามารถอยู่ที่ภูเขาผานหลิวนี้ได้สักสองสามวัน ไม่มีใครที่นี่รู้จักคุณ เมื่อคุณผ่อนคลายและคิดเรื่องนี้ได้แล้ว ก็ให้มาหาฉัน”

อู๋เจิ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าอย่างแรง

“คุณซู คุณช่วยผมเป็นครั้งที่สอง ผมอู๋เจิ้น ที่ไม่มีความชัดเจนในชีวิต”

ซูเถาพูดอย่างจริงจัง “ดูแลร่างกายของคุณให้ดี ยังไงซะชีวิตนี้ก็ยังเป็นของคุณ”

อู๋เจิ้นสำลักและสะอื้น เขาคำนับเธออย่างสุดซึ้ง

หลังจากนั้น ซูเถาก็เรียกเสี่ยวจางที่แผนกต้อนรับและขอให้เธอพาอู๋เจิ้นไปอาศัยอยู่ในหอพักพนักงานที่ยังว่างอยู่

เธอกำลังจะกลับไปที่เมืองเถาหยาง จู่ ๆ หม่าต้าเพ่าก็เห็นเธอและตะโกนเรียก

“เถ้าแก่ซู รอสักครู่”

ซูเถายืนนิ่งและรอให้เขาพูดจบ

ใบหน้าของหม่าต้าเพ่าแดงก่ำ “ไอ๊หยา แม้ว่าช่วงนี้เราจะมีแขกไม่มากนัก แต่เราได้รับคำชมอย่างล้นหลาม มีแขกสามคนบอกว่าสภาพแวดล้อมของเราดีมาก พวกเขาถามว่าค่าเช่ารายเดือนจะถูกกว่านี้ไหม ผม… ผมไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ ก็เลยมาถามคุณ”

ซูเถาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “พวกเขามาจากที่ไหนถึงคิดว่าสภาพแวดล้อมนี้ดี แล้วอยากมาอยู่นานเป็นเดือนเลยเหรอ?”

หม่าต้าเพ่ากล่าวว่า “พวกเขาทั้งหมดมาจากฐานโส่วอัน พวกเขาทำงานด้านการขนส่งและขายเสบียงจากฐานต่าง ๆ พวกเขาเพิ่งกลับมาจากทางเหนือและพบว่าโส่วอันล่มสลาย พวกเขาจึงไม่กล้ากลับไป”

“พวกเขาทั้งหมดเป็นคนร่ำรวย เมื่อพวกเขาพบผานหลิวซานของเรา พวกเขาก็คิดว่าในเมื่อยังไม่สามารถกลับไปได้ในขณะนี้ พวกเขาจึงต้องการพักอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน อีกทั้งพวกเขายังรู้จักคนมากมายทางใต้ พวกเขาบอกว่าถ้าถูกลงอีกหน่อยพวกเขาจะช่วยติดต่อให้คนมาพัก”

“ตอนแรกผมกลัวว่าพวกเขาจะโกหก แต่หลังจากสอบถามอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผมพบว่าพวกเขาพูดความจริง ทั้งสามคนนี้เป็นทีมขนส่งเก่า วิ่งงานขึ้นเหนือลงใต้ พวกเขารู้จักผู้คนและองค์กรมากมาย เถ้าแก่ซู ผมคิดว่าถ้าเราลดราคาลงหน่อย เราก็ไม่น่าจะเดือดร้อนแน่”

ซูเถาตกลงทันที “ฉันเชื่อคุณ ให้ส่วนลด 20% แล้วเดี๋ยวฉันจะให้คนส่งผักส่งเนื้อมาที่นี่ คุณไปขอให้พ่อครัวฉินทำอาหารสักสองอย่างแล้วนำไปให้พวกเขา”

ดวงตาของหม่าต้าเพ่าเป็นประกาย “คุณยังคงรอบคอบเหมือนเดิม!”

ซูเถาคุ้นเคยกับการได้ยินคำเยินยอของเขา ดังนั้นเธอจึงไม่ได้จริงจังกับมัน และพูดว่า

“ฉันขอให้เสี่ยวจางพาเพื่อนของฉันไปพักที่หอพักพนักงานสักระยะ ระหว่างนี้ช่วยดูแลเขาด้วย อย่าปล่อยให้เขาทำเรื่องโง่ ๆ หากคุณหยุดเขาไม่ได้ ก็ให้แจ้งฉัน”

หม่าต้าเพ่ารู้สึกตัว “อ้อ ผู้ชายที่ยืนคุยกับคุณเมื่อกี้ใช่ไหม ผมจำได้ ดูเหมือนเขาอายุยังไม่มาก มีเรื่องอะไรที่ทำให้เขาคิดสั้นเหรอ?”

ซูเถาส่ายหัว “ภรรยาและลูกของเขาจากไปแล้ว คุณก็อย่าไปรบกวนเขา ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวสักพัก”

หม่าต้าเพ่าถอนหายใจ “เขายังเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรัก ไม่เหมือนสยงไท่ คนที่อยากจะให้ของขวัญคุณครั้งก่อน แต่คุณไม่อยู่ เขาก็เลยไม่ได้ให้”

“ภรรยาของเขาให้กำเนิดลูกสาวและเสียชีวิตจากการตกเลือดในบ้านที่ทรุดโทรม เขาอุ้มศพภรรยาของเขาออกไปข้างนอกและปล่อยให้ซอมบี้กิน เขาไม่แม้แต่จะกะพริบตาและเฝ้ามองมัน ทำให้ตอนกลางคืนเขามักจะมีอาการนอนไม่หลับเนื่องจากภรรยาของเขาเสียชีวิตบนเตียงนั้น”

“ในตอนกลางคืน เขาคิดว่าลูกสาวของเขาร้องไห้อย่างน่ารำคาญ รบกวนการนอนของเขา ดังนั้นเขาจึงขายเด็กหญิงตัวน้อยเพื่อแลกกับเหล้า”

ซูเถาขมวดคิ้ว

“ยิ่งโลกวุ่นวายมากเท่าไหร่ พวกสวะก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น คุณควรอยู่ให้ห่างจากเขา เป็นการดีที่สุดถ้าตัดการสื่อสารใด ๆ”

หม่าต้าเพ่ารีบโบกมือ “ตั้งแต่ผมมาที่ภูเขาผานหลิว ไม่สิ เถาหยาง ผมก็ได้ตัดเพื่อนเก่าทั้งหมดที่คบหากับผมในอดีต ผมกลัวว่าพวกเราจะต้องเจอกับความวุ่นวาย ดังนั้นคุณสบายใจได้”

ซูเถาพยักหน้าและถามทันทีว่า “มีการเคลื่อนไหวที่จุดแวะพักเก่าบ้างหรือเปล่า”

หม่าต้าเพ่าส่ายหัว “ไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก แต่ช่วงนี้มีผู้คนจำนวนมากที่ไปตงหยาง แม้แต่กิจการของจุดแวะพักเก่าก็ไปได้สวย ตอนนี้หัวหน้าของพวกเขาที่แซ่ถาน อาจกำลังสนุกสนานกับพวกผู้หญิงกลางคืนนั่งนับเงินอยู่บนเตียง”

หลังจากที่พูดจบ เขารู้สึกว่าคำพูดของเขาหยาบคายเกินไป โดยเฉพาะกับเจ้านายซึ่งเป็นเด็กสาวที่อายุน้อยกว่ายี่สิบปี

เจ้านายของเขาอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น และเขามักจะลืมเรื่องนี้อยู่เสมอ!