ตอนที่ 63

My Disciples Are All Villains

เจียงอาเฉียนไม่แม้แต่จะหันไปมองเหล่าชาวยุทธชายชุดดำที่อยู่ด้านหลัง ชาวยุทธชุดดำเพียงไม่กี่คนไม่อาจที่จะเอาชนะอรหันต์กายาทองคำได้ พวกชาวยุทธชุดดำไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะโจมตีโดนนักบวชคนนี้ได้

การเปิดฉากโจมตีของวิหารปีศาจได้ทำให้ท่าทีของสำนักฝ่ายธรรมะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เหล่าคนที่มาจากวิหารปีศาจต่างมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวยุทธชุดดำทั้งห้าที่ถูกส่งออกไปล้วนแต่มีวรยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันทั้งหมด พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เป็นกำลังหลักสำคัญของวิหารปีศาจในการเดินทางในครั้งนี้ ชาววิหารปีศาจไม่ได้คาดหวังว่าจะขับไล่กงซุนออกไปได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

ด้วนชิง ยอดฝีมือลำดับ 3 ของวิหารปีศาจเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เขายังคงนั่งลงบนที่นั่งของตัวเองก่อนที่จะจ้องมองกงซุนที่อยู่ท่ามกลางลานทำพิธี ด้วนชิงสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่เอ่อล้นมาจากนักบวชชราคนนี้ได้

ชาวยุทธที่มาจากสำนักบริสุทธิ์คนหนึ่งได้พูดขึ้น “ดูพลังวรยุทธของกงซุนคนนั้นสิ ขนาดเขายังมีพลังวรยุทธมากมายถึงเพียงนี้ และถ้าหากกงหยวนอยู่ที่นี่ด้วยแล้ว ข้าคิดมาออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกัน…”

จากความทรงจำที่ลู่โจวมี ดูเหมือนว่าวิหารแห่งความว่างเปล่าจะชอบทำตัวเองให้อยู่ไกลจากเรื่องทางโลก ในช่วงเหตุการณ์ที่ผ่านมาวิหารแห่งความว่างเปล่ามักจะเก็บตัวฝึกฝนบำเพ็ญวิชาในแบบฉบับตามนิกายเซนของพวกชาวพุทธ แต่ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วจ้าวยู่ได้ไปพบกับคนจากวิหารแห่งความว่างเปล่าโดยบังเอิญ คนคนนั้นก็คือคงหมิง ทั้งสองคนได้ขัดแย้งที่ไม่ลงรอยกันและในตอนนั้นเองจ้าวยู่ก็ได้สังหารคงหมิงไป ถ้าหากเจ้าอาวาสของวิหารแห่งความว่างเปล่าฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นนักบุญสวรรค์แห่งความลับได้ ลู่โจวเองก็คงจะหมดหนทางที่จะอยู่ต่อไป ในตอนนี้วิหารแห่งความว่างเปล่าได้เลือกพิธีศักดิ์สิทธิ์ก็เพื่อที่จะประกาศศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นศัตรูของพวกเขา

ในตอนนั้นยอดฝีมือลำดับที่สามด้วนชิงมองไปยังเหล่าลูกน้องที่กำลังแพ้อย่างไม่สนใจ “กงซุน เจ้าน่ะมาจากสำนักฝ่ายธรรมะที่มักจะพูดถึงแต่เรื่องดีงามมาโดยตลอด อุดมการณ์อันดีงามของเจ้าดูจะขัดกับแผนการอันชั่วร้ายในครั้งนี้อยู่นะ หรือว่าเจ้าร่วมมือกับเหล่าผู้อาวุโสจากสำนักฝ่ายธรรมะด้วยกันล่ะ? “

กงซุนส่ายหัวปฏิเสธ “วิหารแห่งความว่างเปล่าน่ะยึดมั่นในอุดมการณ์อันเที่ยงตรงมาโดยตลอด ทำไมพวกเราถึงจะต้องใช้วิธีสกปรกแบบพวกเจ้ากันด้วยล่ะ? “

“ยึดมั่นในอุดมการณ์อันเที่ยงตรง? พวกเจ้าน่ะไม่ใช่นักบวชที่จ้องจะหยิบฉวยโอกาสจากพิธีศักดิ์สิทธิ์นี่หรอกหรอ? ” ด้วนชิงพูดออกมาอย่างเยาะเย้ย

“ดูเหมือนว่าเจ้าน่ะจะเข้าใจพวกเราชาววิหารแห่งความว่างเปล่าผิดไปหมดแล้วละนะ…ถ้าหากเจ้ายืนยันที่จะหยุดอาตมาจริงๆ อาตมาก็ยินดีเป็นคู่ต่อสู้ให้กับเจ้าเอง”

ทั้งสองฝ่ายต่างก็เตรียมอาวุธของตัวเองให้พร้อม

ในตอนนั้นเองเจียงอาเฉียนก็ได้หัวเราะออกมาเบาๆ “นายท่าน ข้าไม่ได้บอกกับท่านอย่างงั้นสินะ? เฉิงเหวินเจี๋ยดาบปีศาจน่ะไม่เคยแสดงท่าทีที่ชัดเจนอะไร เขาคนนั้นได้สังหารเหล่ายอดฝีมือจากสำนักบริสุทธิ์และสำนักฝ่ายธรรมะไปแล้วมากมายหลายคน ถ้าหากชายคนนั้นปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ทั้งสองสำนักจะต้องถูกพลังอันร้อนแรงเผาไหม้จนเหลือแต่เถ้ากระดูกอย่างแน่นอน”

ลู่โจวที่ฟังแบบนั้นก็ได้แต่รู้สึกสงสัย “เฉิงเหวินเจี๋ยไม่เคยแสดงท่าทีที่ชัดเจนอย่างงั้นหรอ? “

“นายท่านลองคิดทบทวนดู ถ้าหากนายท่านยอมขายดาบเล่มนั้นให้กับข้า ข้าก็จะบอกทุกอย่างที่ท่านต้องการรู้ให้กับท่านเอง” เจียงอาเฉียนได้หยุดพูดไปพักหนึ่งก่อนที่จะใช้น้ำเสียงนิ่งสงบของเขาพูดต่อไป “ตัวข้าน่ะรู้ซะด้วยซ้ำว่าภรรยาของเจ้าสำนักฝางหยวนฉานกำลังเฝ้ามองใครอยู่…” ในตอนนั้นเองเขาก็ได้ขยิบตาให้กับลู่โจว สีหน้าของเขาในตอนนี้กำลังจะบอกใบ้ให้กับลู่โจวได้รู้ว่าภายใต้ท้องฟ้าแห่งนี้ไม่มีเรื่องไหนที่ตัวเขาจะไม่รู้

ลู่โจวที่ถูกเจียงอาเฉียนพูดขัดจังหวะอีกครั้งถึงกับพูดอะไรไม่ออก ‘เจ้าคนที่ไม่รู้จักอะไรจางหยวนฉานนั่นได้สาปแช่งตัวฉันมาแล้วหลายครั้งต่อหลายครั้ง เจ้านั่นคงไม่รู้เลยสินะว่าภรรยาของตัวเองกำลังมีชู้อยู่? ‘ ลู่โจวได้เลิกคิดฟุ้งซ่านก่อนที่จะจับจ้องไปยังใจกลางพิธีศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง

ในตอนนั้นเองด้วนชิงได้ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เขายกแขนทั้งสองข้างขึ้นในตอนนั้นเหล่าชาวยุทธชุดดำที่อยู่ด้านหลังก็ได้จัดเสื้อคลุมของด้วนชิงด้วยความเคารพ

ในตอนนั้นเองเสื้อคลุมที่คอยคลุมตัวด้วนชิงอยู่ก็ได้เปิดเผยรูปลักษณ์หน้าตาของเขาให้ได้เห็น ชายคนนี้เป็นชายหนุ่มที่มีริมฝีปากเรียวบางดวงตานั้นแฝงไปด้วยความเย็นชา

“เจ้านักบวชหัวโล้น…ข้าน่ะไม่เห็นด้วยหรอกนะที่เจ้าจะพาจ้าวยู่ไป” ด้วนชิงได้พูดก่อนที่จะหายตัวไปจากจุดที่เคยยืน ในตอนนั้นเองเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งต่อหน้านักบวชกงซุน

“นี่มันพลังระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์! ” เหล่าผู้สังเกตการณ์ทั้งหลายที่อยู่รอบๆ มองเพียงแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าด้วนชิงนั้นเป็นยอดฝีมือชั้นสูง ท่าทีการแสดงออกของเหล่าผู้เฝ้าดูได้เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะพบกับยอดฝีมือที่มีพลังระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์แบบนี้บนแท่นทำพิธี

เห็นได้ชัดว่าวิหารปีศาจให้ความสำคัญกับจ้าวยู่มากแค่ไหนเมื่อซู่จินฉานได้ตายจากไป ไม่น่าแปลกใจเลยที่ด้วนชิงจะปฏิเสธเงื่อนไขในครั้งนี้ ซู่จินฉานนั่นเป็นยอดฝีมือที่มีพลังระดับมหาภัยพิบัติศักด์สิทธิ์ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถฝึกยุทธตัวเองจนมีพลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถีที่มีดอกบัว 4 กลีบได้ แต่ถึงแบบนั้นซู่จินฉานก็ได้เสียชีวิตระหว่างที่เดินทางไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า การตายของเขาทำให้ชาววิหารปีศาจรู้สึกโกรธแค้นต่อสิ่งนี้

“อรหันต์กายาทองคำ! ” กงซุนได้ใช้พลังอวตารร่างทองอีกครั้ง ครั้งนี้พลังของเขาได้ทำให้สายลมรอบๆ ตัวเปี่ยมไปด้วยพลัง

ในช่วงเวลาต่อมาร่างกายของด้วนชิงก็ดูเหมือนจะแยกร่างออกมา ร่างของเขาแยกออกมาเป็น 10 ร่าง, 100 ร่าง, 1,000 ร่าง… ร่างแยกทั้งหมดได้ล้อมรอบกงซุนเอาไว้ก่อนที่จะจู่โจมเขาในเวลาเดียวกัน

เหล่าผู้เฝ้ามองต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นแบบนั้น นี่มันวิชาอะไรกัน? ชาวยุทธทั้งหลายไม่เคยเห็นเคล็ดวิชาแบบนี้มาก่อน

แม้แต่ชาวยุทธชุดดำจากวิหารปีศาจเองก็ได้แต่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ พวกเขาทั้งหลายก็ไม่เคยเห็นเคล็ดวิชาแพรวพราวแบบนี้มาก่อน

เหล่าผู้ฝึกยุทธที่ฝึกยุทธจากสำนักฝ่ายอธรรมส่วนมากแทบจะไม่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาที่ทำให้ตัวผู้ใช้คล่องตัวมากขึ้น แต่ภาพซ้อนที่มีทั้งหมดได้เกิดขึ้นเพราะการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อของด้วนชิง

“เคล็ดวิชาแห่งเต๋า เคล็ดวิชาเต๋าพรางกาย” ลู่โจวได้พูดออกมาระหว่างที่ใช้มือลูบเคราของตัวเอง

เจียงอาเฉียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “นายท่านรู้จักเคล็ดวิชานี้ด้วยอย่างงั้นหรอ? “

“เคล็ดวิชานี้มีต้นกำเนิดมาจากชาวลัทธิเต๋า มันถูกแพร่กระจายกันในหมู่ของฟูยุก่อนที่จะกลายเป็นเคล็ดวิชาที่สูญหายไปในยุคปัจจุบัน” ลู่โจวได้พูดอธิบายเพิ่มเติม

“ฟูยุอย่างงั้นหรอ? ชนเผ่าอื่นๆ …” ดวงตาของเจียงอาเฉียนเบิกกว้าง ตัวเขาจ้องมองไปยังยอดฝีมือลำดับ 3 ของวิหารปีศาจ ภาพแยกเงาที่เขาได้ทิ้งเอาไว้ถูกทิ้งไว้ทั่วใจกลางพิธี

ในโลกที่ยุทธภพเป็นใหญ่ ในตอนนี้เองจึงไม่มีที่สำหรับชนเผ่าอื่นๆ

ภาพแยกเงานับพันได้โถมเข้าใส่ร่างอรหันต์ทองคำ

กงซุนรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก ตัวเขาได้ขมวดคิ้วเมื่อต้องเจอกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า “ตามที่คาดการณ์เอาไว้ ลำดับที่ 3 จากวิหารปีศาจ…นักบวชชราคนนี้ได้ประเมินยอดฝีมือต่ำไปอย่างงั้นสินะ”

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

หมัดของภาพเงาได้โถมเข้าใส่ร่างอรหันต์กายาทองคำจนทำให้คลื่นพลังที่เข้าปะทะกันระเบิดขึ้นกลางอากาศ ทั่วทั้งใจกลางพิธีในตอนนี้เต็มไปด้วยคลื่นระเบิดพลัง

เหล่าผู้ชมที่อยู่ใกล้เกินไปได้ถอยหลังออกมาเรื่อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงลูกหลงจากการปะทะ

กงซุนได้ขยับมือตัวเองก่อนที่จะพูดตามมา “ถ้าอย่างงั้นนักบวชชราผู้นี้ก็คงจะยอมไม่ได้” ในตอนนั้นคลื่นพลังก็ได้ล้อมรอบฝ่ามือของเขาเอาไว้ “เป็นหนึ่งกับธรรมชาติ” ในตอนนั้นหัวใจของกงซุนปลอดโปร่งและดูสดใสกว่าที่เคยเป็น ตัวเขาในตอนนี้นิ่งสงบเป็นจนเหมือนกับภูเขายักษ์

นั่นมันเคล็ดวิชาวิถีแห่งเซน เคล็ดฝ่ามือมุทรา

ภาพแยกเงานับพันได้ถูกเคล็ดฝ่ามุทราผนึกการเคลื่อนไหวเอาไว้ ด้วนชิงที่กำลังจะโจมตีเข้ามาได้ถูกหยุดเอาไว้กลางอากาศ

ในช่วงเวลาสั้นๆ กงซุนก็ได้ยกแขนขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนั้นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นพลังคลื่นฝ่ามือก็ได้พุ่งเข้าใส่ด้วนชิงอีกครั้ง

นั่นมันฝ่ามือสุดยอด ฝ่ามือวัชะอย่างงั้นหรอ?

พรึ๊บ!

ด้วนชิงได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะใช้ฝ่ามือของตัวเองป้องกันการโจมตีในครั้งนี้เอาไว้

ราวกับว่าฝ่ามือวัชระได้ชนเข้ากับกำแพงสุดแข็งแกร่ง กำแพงนี้เองได้สะท้อนพลังฝ่ามือของกงซุนกลับไป

ชาวยุทธทั้งหลายที่กำลังจับจ้องการต่อสู้อยู่ต่างหลบการโจมตีในครั้งนี้

ฝ่ามือวัชระได้ทำลายระเบียงของแท่นทำพิธีไป ในตอนนั้นเองแท่นทำพิธีทั้งหมดก็ได้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังที่เกิดขึ้นจากคลื่นกระแทกได้ทำให้ประตูของแท่นทำพิธีเปิดออกราวกับว่าถูกพลังลมที่โหมกระหน่ำซัดเข้าใส่

ประตูบานใหญ่ที่อยู่ใจกลางพิธี มันเป็นประตูที่สูงที่สุดถูกเปิดขึ้น ในตอนนั้นเองร่างของจ้าวยู่ก็ได้ปรากฏให้กับเหล่าชาวยุทธได้เห็น

ชาวยุทธทั้งหลายต่างก็เห็นหน้าของจ้าวยู่

“นั่นมันธิดาศักดิ์สิทธิ์! “

หลังจากที่ประตูถูกเปิดขึ้นภายในประตูบานนั้นมีดอกเดซี่ดอกเล็กๆ ติดประดับอยู่ จ้าวยู่ในตอนนี้ถูกมัดติดกับเสาบนแท่นหินเอาไว้ เธอมีสีหน้าที่โกรธเกรี้ยวแต่ถึงแบบนั้นเธอก็ไม่ได้ดิ้นรนที่จะแก้มัดตัวเอง ที่กลางหน้าผากของเธอมีสัญลักษณ์รูปดอกบัวสีแดงสดถูกประดับตกแต่งเอาไว้

“จ้าวยู่ จอมวายร้าย! ” เสียงของเหล่าผู้เฝ้ามองกู่ร้องออกมาด้วยความตื่นตกใจ

ลู่โจวเงยหน้าขึ้นและสังเกตเห็นจ้าวยู่ ตัวเขาในตอนนี้ไม่สามารถสัมผัสพลังของจ้าวยู่เลย อย่างที่ตัวเขาคิดเอาไว้ วรยุทธของเธอในตอนนี้ถูกผนึกเอาไว้

กงซุนที่กำลังใช้พลังอรหันต์กายาทองคำได้พูดกับจ้าวยู่อย่างหยิ่งผยอง “พระผู้เป็นเจ้า ทำไมเจ้าถึงต้องออกนอกลู่นอกทางเส้นทางแห่งความดีจนทำให้ข้าต้องเจอกับเรื่องวุ่นวายแบบนี้ด้วย”

“นักบวชผู้น่าสมเพช…ถ้าหากเจ้ายังพอมีมันสมองอยู่ ข้าแนะนำให้เจ้ารีบเอาหัวโล้นๆ ไสหัวไปจะดีกว่า เจ้าน่ะควรจะรักษาชีวิตเอาไว้นะ! ” ด้วนชิงในตอนนี้รู้สึกโกรธมากขึ้น พลังร่างอวตารที่อยู่ด้านหลังของเขาทรงพลังขึ้นมากกว่าเดิม

กงซุนในตอนนั้นผสานฝ่ามือของตัวเองเข้าหากัน “ถ้าหากเจ้าจะยืนขวางทางตัวข้าอยู่แบบนี้ นักบวชชราผู้นี้ก็คงจะไม่ขอออมมือให้อีกต่อไป”

ตู้ม!

พลังอรหันต์กายาทองคำได้หายไป ในตอนนั้นกงซุนก็เริ่มนั่งลงกับพื้น ทันทีที่นั่งลงกับพื้นพลังอรหันต์กายาทองคำก็ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

พรึ้บ!

เหล่านักบวชคนอื่นๆ เองก็เดินขึ้นมาบนแท่นทำพิธีเช่นกัน พวกเขาทั้งหลายวางไม้เท้าของตัวเองลงก่อนที่จะผสานฝ่ามือกันขึ้น เหล่านักบวชที่บินอยู่กับรถม้าลอยฟ้าเองก็ได้ลงมาร่วมพิธีนี้ด้วยเช่นกัน ในตอนนั้นเองเสียงสวดมนตร์ก็ได้ดังกึกก้องไปทั่วแท่นทำพิธีศักดิ์สิทธิ์

แม้ว่าสีหน้าของลู่โจวในตอนนี้จะนิ่งเฉยไร้อารมณ์ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ‘นี่มันบทสวดจากพระสูตรแห่งพราหมณ์อย่างงั้นหรอ? เป็นแบบนี้ไม่ดีแน่! ตัวฉันคงจะทนพลังบทสวดไม่ได้แน่ ในตอนนี้ฉันมีวรยุทธอยู่ที่ขั้นสังหรณ์หยั่งรู้เพียงเท่านั้น? ‘