“เหตุผลที่พระองค์ไม่ตอบสนองพวกเจ้าเป็นเพราะศรัทธาของเรายังไม่เคร่งพอในเวลานั้น! อย่าบอกข้าว่าเจ้าอ้อนวอนขอความช่วยเหลืออย่างสุดหัวใจ เมื่อเจ้าตกอยู่ในอันตราย เจ้าแค่ร้องขอความช่วยเหลือ โดยไม่สนใจว่าความช่วยเหลือนั้นจะมาจากพระองค์หรือไม่! นั่นเป็นเพียงคำขอร้องไม่ใช่คำอธิษฐานและศรัทธา!” เธอพูดต่อ “ในวันนี้และที่นี่ ข้าขอร้องให้พวกเจ้าทุกคนพยายามเชื่อในพระองค์อีกครั้ง เชื่อในพรของพระองค์!”

ลีอารู้ว่าในหมู่คนเหล่านี้อาจมีคนที่ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกมอย่างแท้จริง แต่ในตอนนั้นเทพเจ้าแห่งเกมยังไม่ฟื้นขึ้นมา ดังนั้นคำอธิษฐานใด ๆ ก็ไร้ผล

แต่ไม่เป็นไร เพราะความทรงจำของมนุษย์นั้นคลุมเครือและเปลี่ยนแปลงได้ง่ายตามความคิดและอารมณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น มันคือตัวกรองความรู้สึกที่มีผลต่อความทรงจำในอดีต

ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นสิ่งที่ยากที่จะนิยาม มันเป็นอุดมคติ แม้แต่คนที่ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกมในอดีต ก็ยังสงสัยว่าศรัทธาพวกเขาผิดพลาดหรือไม่หลังจากผ่านเหตุการณ์ในวันนี้…

ท้ายที่สุด ผู้รอดชีวิตจากเทียร์ร่าเหล่านี้ก็ต้องการความหวังและศรัทธามากกว่าสิ่งใด การให้พวกเขาเชื่อว่าเทพเจ้าแห่งเกมเป็นเทพในยุคดึกดำบรรพ์ ก็น่าจะทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากกว่าการบอกพวกเขาว่า เทพเจ้าแห่งเกมเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาใหม่

เทคนิคพิเศษของซีเว่ยไม่ได้เพิ่มเข้ามาโดยเปล่าประโยชน์ เมื่อได้เห็นฉากเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นและคำพูดที่หนักแน่นของเจ้าหญิง เหล่าผู้ลี้ภัยจึงพยายามสวดอ้อนวอนและขอการให้อภัยจากเทพเจ้าแห่งเกม โดยหวังว่าพวกเขาจะศรัทธาในพระองค์ได้อีกครั้ง

พลังงานเทพเจ้าท่วมท้นขึ้นมาในทันที มันมากกว่าพลังที่ซีเว่ยใช้ไปในการสร้างเทคนิคพิเศษ สิ่งนี้ทำให้ซีเว่ยมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะลุกขึ้นสู้กับลัทธิกระดูกเน่า

ภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของมาร์นี่และลีอา ชื่อสีขาวมากมายผุดขึ้นมาบนหัวของผู้ลี้ภัย เหมือนกับหน่อไม้ที่แตกหน่อหลังฝนตก

จำนวนผู้ศรัทธาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ซีเว่ยตื่นเต้น เขารู้สึกว่าความคิดของเขาลื่นไหลและชัดเจนกว่าเมื่อก่อน แม้แต่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นจากการหลั่งไหลเข้ามาของพลังศรัทธา

บางคนอาจคิดว่าถ้าผู้ศรัทธาเพียงร้อยคนยังเพิ่มพลังให้ซีเว่ยได้มากขนาดนี้ หากลีอาไปที่เมืองใหญ่และโปรโมทศาสนจักรของเขาด้วยเทคนิคพิเศษ เพื่อให้ผู้คนจากโลกนี้ที่ไม่เคยดูหนังฮอลลีวูดมาก่อนเลื่อมใสศรัทธา จะไม่เป็นการเพิ่มพลังงานเทพเจ้าให้เขาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเหรอ

คำตอบคือ ‘ไม่’

อย่างแรกเลยพลเมืองส่วนใหญ่จากเมืองใหญ่เป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงของคริสตจักรประจำเมืองอยู่แล้ว พวกเขาจะไม่เชื่อซีเว่ยเหมือนผู้ลี้ภัยที่ไม่มีศรัทธาในเทพเจ้าเหล่านี้ อันที่จริงผู้ลี้ภัยเหล่านี้กลายเป็นผู้เล่นอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะพวกเขาเคยเป็นผู้ศรัทธาของเทพเจ้าแห่งเกมมาก่อน…

อย่างที่สอง เมืองส่วนใหญ่ถูกยึดครองโดยคริสตจักรขนาดใหญ่หลายแห่ง ดังนั้นพลเมืองจึงได้เห็นปาฏิหาริย์มามากมาย ฝันไปเถอะที่พวกเขาจะยอมเข้าร่วมกับศาสนจักรของเขาเพียงแค่พวกเขาได้เห็นเทคนิคพิเศษธรรมดา ๆ แบบนี้

อย่างที่สาม ที่สำคัญที่สุดคือซีเว่ยยังคงอ่อนแอเกินไปในเวลานี้ ถ้าเขาทำอะไรแบบนั้นเพื่อดึงดูดความสนใจของเทพที่แข็งแกร่งและมีประสบการณ์ เขาอาจจะถูกระเบิดทิ้งได้ทันที…

มาร์นี่ที่เลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ เคยคิดว่าบางทีพวกเขาอาจจะเร่งความเร็วขึ้นได้หลังจากที่ผู้ลี้ภัยหลายคนกลายเป็นผู้เล่น แต่หลังจากเดินทางต่อ เขาก็รู้แล้วว่าเขาคิดผิด

แม้ว่าผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่จะเปลี่ยนมาเป็นผู้ศรัทธาได้สำเร็จ และได้รับพรจากเทพเจ้าแห่งเกม แต่ผู้เล่นเลเวล 1 นั้นค่อนข้างธรรมดา นอกเหนือจากความต้านทานต่อความเจ็บป่วยและสถานะผิดปกติที่มากขึ้น เช่นอาการบวมเป็นน้ำเหลือง การเปลี่ยนแปลงในด้านอื่น ๆ ก็ยังค่อนข้างจำกัด

มันใกล้จะมืดแล้ว แต่ความคืบหน้าของพวกเขายังไปได้ไม่ถึงไหน

ถ้าพวกเขาพยายามมากพอ บางทีพวกเขาอาจไปถึงเมืองเริ่มต้นได้ใน 3 วัน…แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องอาหาร

“ทำเลื่อน!” ซีเว่ยที่แอบดูจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์กระทืบเท้าอย่างหงุดหงิด (แม้ว่าเขาจะไม่มีขาก็ตาม) “พวกนายทำเลื่อนได้ด้วยไม้เพียงไม่กี่ชิ้น!”

หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้เล่นและผู้ลี้ภัยอาจต้องอดอาหารหรือถูกแช่แข็งตาย

เพราะผู้ลี้ภัยที่เพิ่งถูกเปลี่ยนเป็นผู้เล่นมีเลเวลเพียง 1 และพวกเขาก็ไม่มี EXP ถ้าพวกเขาตาย พวกเขาจะตายจริง ๆ!

ขณะที่ซีเว่ยกำลังจะมอบเควสให้กับมาร์นี่ เขาก็พบว่าอดีตพ่อค้าหลับไปแล้ว…

“ฉันควรให้ภารกิจกับลีอาดีไหม ไม่ เด็กคนนั้นโง่เกินไป เธออาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเลื่อนคืออะไร…ดูเหมือนฉันจะเหลือเพียงทางเดียว”

ซีเว่ยเพ่งความสนใจไปที่มาร์นี่ที่เขากำลังนอนกรนอยู่

คืนที่เงียบสงบ…

วันที่สองของการเดินทาง

“ลุง เครื่องมือที่เจ้าประดิษฐ์ขึ้นนี่มีประโยชน์มาก! แม้ว่าจะเป็นการประกอบไม้เพียงไม่กี่ชิ้น แต่ก็ทำให้การเดินทางของเราง่ายขึ้นมาก!”

ลีอาลองเลื่อนที่มาร์นี่พึ่งทำเสร็จเมื่อเช้า “ลุงคิดได้ยังไง”

“ข้าไม่ได้เป็นคนคิดค้นมันขึ้นมา นี่เป็นเครื่องมือจากดินแดนทางใต้ที่ข้าเคยเห็นขณะที่ข้าเดินทางไปทำธุรกิจที่นั้น”

มาร์นี่หาวขณะตอบ รอยคล้ำใต้ตาของเขาชัดเจนมาก “เมื่อคืนข้าฝันถึงมันและพยายามทำเลียนแบบดู…”

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถบอกเด็กสาวได้ว่า เลื่อนนั้นเป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาในความคิดเขา หลังจากเขาฝันถึงลูกบอลเรืองแสงที่เอาหนวดฟาดเขาและตะโกนว่า “เลื่อน เลื่อน ทำเลื่อน เจ้างี่เง่านี่!”

เดิมทีเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย แล้วเขาก็กลับไปหลับต่อ แต่ผลก็คือทันทีที่เขาหลับ เขาก็เห็นลูกบอลแสงในฝันอีกครั้งและถูกมันฟาดอีกครั้ง “เจ้ากล้าหลับทั้งที่ยังทำเลื่อนไม่เสร็จเหรอ?”

มาร์นี่ตื่นเต็มตาทันที

เขาไม่นอนอีกต่อไป และลุกขึ้นมาทำเลื่อนคนเดียวทั้งคืน

หลังจากลองใช้เลื่อนที่เขาทำแล้ว แม้แต่เลื่อนที่ทำขึ้นมาอย่างหยาบ ๆ ก็มีประสิทธิภาพมากบนหิมะ

เลื่อนทำให้การเดินทางของพวกเขาง่ายขึ้นมาก

มาร์นี่นำอาหารที่เหลือออกมาแจกให้กับผู้ลี้ภัย ก่อนที่เขาจะทิ้งรถม้าที่ไม่คล่องตัวไว้ในหิมะและเปลี่ยนมาใช้เลื่อน

จังหวะการเดินทางในตอนนี้ พวกเขาอาจจะไปถึงเมืองไร้ชื่อได้ในตอนเย็น

ซีเว่ยที่อยู่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

แม้ว่าการเข้าฝันจะต้องใช้พลังงานเทพเจ้ามากกว่าการออกเควส แต่เมื่อเขาคิดว่าจะต้องให้รางวัลแก่ผู้เล่นที่ทำภารกิจได้สำเร็จ เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายกันแล้ว การเข้าฝันนั้นจ่ายน้อยกว่า และที่สำคัญเขายังสามารถเอาชนะผู้ศรัทธาเพื่อคลายเครียดได้…