บทที่ 131 จวนจี้กั๋วกงวุ่นวาย

อีกด้านหนึ่ง

ในตอนเช้าคนรับใช้ของจวนจี้กั๋วกงก็เริ่มงานปัดกวาดของวัน ตอนที่เขาอ้าปากหาวและกำลังจะไปเปิดประตูนั้น ก็ได้กลิ่นแปลก ๆ ขึ้นมา

เหตุใด…เหตุใดกลิ่นนี้ถึงได้เหมือนสิ่งปฏิกูลเลยเล่า!

ตรงประตูใหญ่ของจวนกั๋วกงมีการปลูกดอกไม้ประดับตกแต่งเอาไว้ด้วย ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นไปได้!

คนรับใช้จึงสงสัยว่าจมูกของตัวเองคงจะมีปัญหาเป็นแน่ จนกระทั่งเขาเปิดประตูออกก็มีคนสาดสิ่งปฏิกูลถังหนึ่งเข้ามา ยังดีที่คนรับใช้สามารถหลบได้ทัน แต่น่าเสียดายที่ทองคำถังนั้นถูกสาดเข้าไปในจวนจี้กั๋วกงหมดแล้ว

อีกประเดี๋ยวนายท่านต้องไปเข้าเฝ้าแล้ว! แล้ว ๆ ๆ จะทำเช่นไรกันดี

สวรรค์! ใครเป็นคนทำเช่นนี้กัน

คนรับใช้ยังไม่ทันพ่นคำด่าออกไป ริมถนนก็มีคนตะโกนขึ้นมา “จวนจี้กั๋วกงเปิดประตูแล้ว”

คนรับใช้สะดุ้งตกใจขึ้นมาทันที เมื่อมองดูดี ๆ แล้ว ในชั่วข้ามคืนที่ผ่านมา ด้านหน้าจวนนอกจากจะถูกสาดด้วยเลือดสุนัขและสิ่งปฏิกูลแล้ว ยังมีคนเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่เอาไว้ที่ประตูด้วย ‘หญิงร้ายชายเลว การกระทำต่ำช้า’

นี่ถือเป็นความอับอายอย่างมาก เป็นความอัปยศที่สุดของจวนจี้กั๋วกง!

ยิ่งไปกว่านั้นที่ตั้งของจวนจี้กั๋วกงก็ยังพิเศษเป็นอย่างมาก เพราะตั้งอยู่บนถนนจูเชว่ในเมืองหลวง เพื่อนบ้านใกล้เคียงต่างก็เป็นบุคคลสำคัญ หากข่าวแพร่ออกไป จวนจี้กั๋วกงที่เดิมก็เป็นตระกูลที่ตกต่ำอยู่แล้ว ต่อไปใคร ๆ ก็จะสามารถเหยียบย่ำพวกเขาได้

คนรับใช้ไม่กล้าตัดสินใจเอง จึงกลับเข้าไปรายงานกั๋วกงด้วยความร้อนรน

ส่วนด้านนอกจวนกั๋วกง จางปาเหลี่ยงกำลังเล่าเรื่องสกปรกในตระกูลใหญ่อย่างคล่องปาก

“ฮูหยินคนที่สามของจวนกั๋วกงนั้นมีลูกไม่ได้ มีลูกไม่ได้แล้วทำเช่นไร? ก็ยืมท้องคนอื่นน่ะสิ! และสาวใช้คนนั้นก็ดันท้องพอดี ตอนนี้เลยไม่รู้ว่าเด็กที่เลี้ยงอยู่ในเรือนนั้นเป็นลูกของใครกันแน่”

“เฮอะ สตรีที่มีความสามารถอันดับหนึ่งจี้หมิงซูน่ะหรือ? พวกเจ้าคงจะยังไม่รู้กระมัง บทกวีรวมเล่มที่เขียนออกมาตอนที่นางอายุสิบสาม ถูกซื้อมาจากซิ่วไฉที่สอบตกคนหนึ่ง ซิ่วไฉผู้นั้นยังถูกนางบังคับจนต้องกลับบ้านเกิด ข้าสามารถบอกชื่อได้นะ เขาชื่อหวังอัน! เป็นคนจิงหยาง!”

“จี้กั๋วกงอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับองค์ชายรองไม่ใช่หรือ? องค์ชายรองจะแต่งกับบุตรอนุธรรมดาคนหนึ่งได้อย่างไร สตรีที่วัน ๆ เอาแต่ออกไปข้างนอกเพื่อแสวงหาชื่อเสียงเกียรติยศ เจ้าเคยเห็นคุณหนูตระกูลใดไม่อยู่ในระเบียบเช่นนี้บ้าง? ไม่เพียงเท่านั้นนะ จี้หมิงซูผู้นั้นยังชอบทำร้ายคนรับใช้อีกด้วย คุณหนูที่เกิดจากอดีตภรรยาเอกก็ถูกนางทำร้ายเช่นกัน”

ชั่วข้ามคืนคำบอกเล่าเหล่านี้ก็แพร่สะพัดไปในหมู่ราษฎรในเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว

ดังคำกล่าวที่ว่า คนทำดีไม่แพร่งพราย คนทำชั่วลือกระฉ่อนไกลถึงพันลี้ จี้หมิงซูต่อให้ตายไปก็คงคิดไม่ถึงว่าการที่นางลำบากลำบนทำเพื่อชื่อเสียงไปตั้งมากมายเพียงนั้น ยังทำให้ชาวบ้านสนใจเท่าเรื่องที่น่ารังเกียจของจวนจี้กั๋วกงไม่ได้

แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ เรื่องเหล่านี้ล้วนมีเขียนไว้ในนิยาย ไม่ใช่เรื่องที่แต่งขึ้นมาแต่อย่างใด ดังนั้นจึงเริ่มมีคนวงในพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างหนาหู ข่าวลือนั้นก็ยิ่งเกินจริงขึ้นไปเรื่อย ๆ

วันนี้พวกเขาจึงแห่กันมาที่ถนนเส้นนี้ เพราะอยากจะรู้ว่าจวนจี้กั๋วกงทำร้ายคนรับใช้จริงหรือไม่

และประจวบกับแม่นมฟางที่ถูกจี้จือฮวนทรมานจนเกือบตายถูกหามมาที่หน้าประตูใหญ่ของจวนกั๋วกงพร้อมลมหายใจที่รวยรินพอดิบพอดี พวกเขาจึงมองหาที่ที่ยังนับว่าสะอาดอยู่ วางนางลงใกล้ ๆ กับสิ่งปฏิกูลเหล่านั้น

ทุกคนจ้องมองแม่นมฟางที่จับประตูใหญ่ของจวนกั๋วกงอยู่อย่างนั้น ราวกับคนที่มีคำพูดมากมายต้องการจะพูด แต่กลับพูดอะไรไม่ออก

มีคนใจกล้าเอ่ยถามขึ้นมา “ไม่ทราบว่าท่านใช่แม่นมของจวนจี้กั๋วกงหรือไม่?”

สาวใช้ที่กลับมาด้วยกำลังจะพยักหน้ารับ แต่จู่ ๆ แม่นมฟางก็ดวงตาเบิกโพลงมีเลือดสีดำกระอักออกมาจากปาก ดวงตาทั้งสองข้างจ้องเขม็งไปที่ป้ายชื่อของจวนจี้กั๋วกง ก่อนจะหมดลมหายใจไปเช่นนั้น

“โอ๊ย ตายแล้ว นางตายตาไม่หลับด้วย!”

“ดูท่าจวนจี้กั๋วกงคงเป็นที่ที่เต็มไปด้วยสิ่งชั่วร้ายจริง ๆ สินะ คนดี ๆ ถึงต้องมาตายไปเช่นนี้”

เกี่ยวกับจวนจี้กั๋วกง เวลานี้จี้หมิงซูยังคงไม่รู้เรื่องอะไร เพราะนางกำลังเรียนอยู่ในสำนักศึกษาของสตรี

และการตั้งสำนักศึกษาของสตรีขึ้น ก็เป็นประสบการณ์จากในชาติที่แล้วของนางเช่นกัน ว่าหากได้รับความเคารพรักจากบรรดาสตรีด้วยกัน ก็จะยิ่งทำให้ชื่อเสียงในฐานะ ‘สตรีที่มีความสามารถ’ ของนางเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก ส่วนคนที่นางแย่งความคิดมานั้น จี้หมิงซูไม่สนใจว่าจะเป็นหรือตายอยู่แล้ว

ภายในศาลาริมน้ำ เรือกลใหม่ล่าสุดที่จี้หมิงซูเพิ่งปรับแต่งเสร็จถูกปล่อยลงในอ่างน้ำ

ก่อนจะเห็นเรือลำเล็ก ๆ นั่นแล่นไปได้เอง

สหายคนสนิทที่อยู่ข้าง ๆ ต่างยืนขึ้นและปรบมือให้ “หมิงซู วิชากลไกของเจ้าพัฒนาขึ้นมากทีเดียว”

หญิงสาวที่ได้รับคำชมเงยหน้าขึ้นพลางยกยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นจึงได้หยิบเรือกลขึ้นมาก่อนจะเอ่ยขึ้น “แค่ลองทำเล่น ๆ ก็เท่านั้น”

ทุกคนต่างรู้ดีว่าเพราะบรรพบุรุษของจวนจี้กั๋วกงอาศัยวิชากลไกที่ยอดเยี่ยม ช่วยฮ่องเต้พระองค์แรกก่อตั้งต้าจิ้นขึ้นมาจึงได้รับตำแหน่งกั๋วกง แต่ตอนนี้จวนจี้กั๋วกงกลับตกต่ำลงเรื่อย ๆ วิชากลไกก็ไม่มีคนสืบทอดต่อ แต่เพราะจี้หมิงซูมีชื่อเสียงโด่งดังว่าเป็นสตรีที่มีความสามารถ ดังนั้นการที่มีนางอยู่และมีองค์ชายรองคอยหนุนหลัง ต่อไปคงไม่อาจมองข้ามจวนจี้กั๋วกงได้อีก

“จิ๊” มีคนกลอกตามองบน และตอนที่พวกเขาเดินผ่านข้างกายของจี้หมิงซูก็ได้เอ่ยออกมาอย่างนึกรังเกียจ “ใช้วิธีการไม่ชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ จวนจี้กั๋วกงของพวกเจ้าทำเรื่องผิดบาปอะไรเอาไว้บ้าง ถึงได้มีคนบอกว่าทั้งจวนมีแต่หญิงร้ายชายเลวกัน?!”

จี้หมิงซูขมวดคิ้วมุ่น “เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน?”

“กลับบ้านไปดูก็จะรู้เองไม่ใช่หรือ? คนทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้เรื่องฉาวโฉ่ของบ้านเจ้าหมดแล้ว ได้ยินว่าน้องสี่ของเจ้าเดิมมีพรสวรรค์ในการร่ายรำสูงส่ง แต่เพราะถูกเจ้าผลักตกภูเขาจำลองจนทำให้ขาหัก ดังนั้นเจ้าจึงได้ขึ้นแสดงในวันนั้นแทนไม่ใช่หรือ? สวรรค์ เจ้าในตอนนั้นเพิ่งจะอายุเท่าใดกัน จี้หมิงซู เจ้าช่างเสแสร้งเก่งจริง ๆ”

จี้หมิงซูถอยหลังไปหนึ่งก้าว และยังคงแสร้งทำสีหน้าสงบนิ่งอยู่ แต่ภายในใจกลับตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เรื่องเหล่านี้เหตุใดพวกนางถึงรู้ละเอียดเช่นนี้เล่า?

แม้แต่ตัวน้องสี่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นคนทำ!

จวนจี้กั๋วกงต้องเกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่ แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้นี่นา ชาติที่แล้วช่วงเวลานี้ทุกอย่างยังเงียบสงบ นางคำนวณเวลาไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะไปที่เขาชิงหลิง เพื่อจะได้ไปพบกับไท่ซ่างหวง ขอเพียงได้รับความโปรดปรานจากไท่ซ่างหวง ก็ไม่มีทางที่ใครจะเอาเรื่องที่นางเป็นบุตรอนุมาวิพากษ์วิจารณ์ได้อีก

แต่เหตุใดจวนจี้กั๋วกงถึงเกิดเรื่องขึ้นในตอนนี้ได้? นางไม่เห็นจะจำได้เลย!

ตั้งแต่กลับมาเกิดใหม่ นางมักจะระมัดระวังทุกย่างก้าว วางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดอย่างแน่นอน เพราะนางคือคนที่จะได้เป็นมารดาของแคว้นต้าจิ้น!

แต่จี้หมิงซูคิดไม่ถึงว่าเมื่อกลับมาที่จวนกั๋วกง จะได้เห็นสภาพน่าอนาถที่หน้าประตู และยังมีแม่นมฟางที่นางส่งไป

รวมถึงสาวใช้ที่ได้รับคำสั่งให้เป็นคนส่งสาร

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ เจ้าพูดมาอีกที คนผู้นั้นชื่อว่าอะไรนะ?”

“จี้จือฮวนเจ้าค่ะ นางบอกว่านางชื่อจี้จือฮวน และสั่งบ่าวให้มาบอกท่านให้ได้”

จี้หมิงซูหรี่ตาลง “ใช่คนที่หน้าตาอัปลักษณ์ บนใบหน้ามีรอยสีเขียวขนาดใหญ่ และยังถูกคนกรีดหน้าจนเป็นแผลเป็นหรือไม่?”

“ไม่ใช่นะเจ้าคะ แม่นางผู้นั้นงดงามมากเจ้าค่ะ เป็นคนที่งดงามที่สุดเท่าที่บ่าวเคยเห็นมาเลยเจ้าค่ะ”

จี้หมิงซูเองก็นับว่ามีหน้าตาสะสวย นางจึงมั่นใจในความงามของตนมาก แต่เมื่อได้ยินสาวใช้ผู้นี้เอ่ยชมว่าจี้จือฮวนงดงามกว่าตน ก็พลันมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “เจ้าช่วยเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ข้าฟังอย่างละเอียดอีกที”

“เจ้าค่ะ” แม้ว่าในใจของสาวใช้จะนึกสงสัย ทว่าสิ่งที่พี่สาวแสนสวยแต่โหดเหี้ยมพูดในวันนั้นกลับถูกต้องทุกอย่าง เมื่อคุณหนูเห็นนางก็ซักถามอย่างละเอียดจริง ๆ

ไม่นานจี้หมิงซูก็ถามจบ ขณะเดียวกันลู่อวิ๋นเซียงที่กลับมาพร้อบกับถังหมิงก็มาหานางด้วยตนเองเช่นกัน ลู่อวิ๋นเซียงถือเป็นเส้นสายของนางในตระกูลหมอเทวดา จี้หมิงซูย่อมต้องต้อนรับนางอย่างกระตือรือร้น แต่หลังจากที่นางเห็นลู่อวิ๋นเซียงปิดตาข้างหนึ่งเอาไว้ก็ตกตะลึงจนตัวแข็งค้าง

และหลังจากที่ลู่อวิ๋นเซียงระบายความขมขื่นระหว่างทางให้นางฟังแล้ว จี้หมิงซูก็ตัดสินใจว่าคงถึงเวลาที่จะต้องไปพบจี้จือฮวนผู้นั้นแล้ว จี้จือฮวนคนก่อนถูกนางบีบไว้ในกำมือ กลายเป็นหินให้นางเหยียบย่ำขึ้นมา ดังนั้นจี้หมิงซูจึงไม่กลัวจี้จือฮวนคนนี้เช่นกัน!