ตอนที่ 14 การทดสอบของสำนัก 1

การทดสอบของสำนักนอก กล่าวได้ว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ในมณฑลเจียง มีเก้ามณฑลในจักรวรรดิต้าฉิน และทุกมณฑลมีมากกว่าหนึ่งหมื่นเมือง สำนักดาบราชันเองอยู่ในเขตมณฑลเจียง ยามนั้นบรรดาศิษย์ของทุกตระกูลที่อยู่ใกล้เมือง และผู้บ่มเพาะพลังไร้สังกัดจะมุ่งไปดูการทดสอบสำนักนอก มีอัจฉริยะมากมายท่ามกลางพวกเขา เช่นนั้นจึงเป็นการยากที่จะอยู่ในสิบอันดับแรกท่ามกลางคนเหล่านี้

แม้มันยากที่จะขึ้นเป็นสิบอันดับแรก แต่มันก็ได้รับผลประโยชน์อย่างดีเช่นกัน ไม่เพียงแค่ได้รับเม็ดยาเป็นรางวัล ยันต์และสมบัติจากสำนัก เนื่องจากสำนักดาบราชันมักจะส่งเสริมศิษย์สิบอันดับแรก ทำให้ทรัพยากรการบ่มเพาะพลังที่ได้รับดูมากเกินกว่าธรรมดา

ถึงแม้พรสวรรค์จะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ทรัพยากรบ่มเพาะพลังนั้นจำเป็นยิ่งกว่า เพราะไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะมาจากไหน หากผู้นั้นไม่ได้รับการอุปถัมภ์จากสำนักแล้ว ก็ไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่งอยู่ดี!

เป้าหมายหยางเย่คือสิบอันดับแรก การนี้เพื่อพิสูจน์ตนเองและผู้อาวุโสเชียน และเพื่อให้มีคุุณค่าแก่สำนัก ดังนั้นหากหยางเย่ไม่สามารถทำให้สำนักเห็นค่าได้และล้มหลิวชิงอวี่ เช่นนั้นจะแก้แค้นตระกูลหลิวได้ยังไง?

เมื่อนึกถึงตระกูลหลิวและหลิวชิงอวี่ ประกายแสงเย็นเยือกปรากฏผ่านดวงตาหยางเย่ ไม่ว่ายังไงก็ต้องชำระหนี้แค้นกับตระกูลหลิวให้จงได้

หยางเย่ข่มจิตสังหารไว้ข้างในและสูดหายใจลึก จากนั้นเขาตรงไปยังลานฝึกเพื่อถามไถ่ถึงเรื่องราวของครอบครัวจากผู้อาวุโสเชียน ตอนนี้เขากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของน้องสาวและมารดาในเมืองทักษิณภิรมณ์อย่างยิ่ง

“เจ้าขยะ! หยุดอยู่ตรงนั้น!” เมื่อมาถึงลานฝึก หยางเย่ถูกหยุดโดยชายปริศนา เขาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงนี้ พอหันกลับไปดูชายผู้ที่เอ่ยคำ ประกายจิตสังหารพุ่งเข้าดวงตาหยางเย่

ชายผู้นั้นอายุไล่เลี่ยเขา คิ้วลาดเอียง ดวงตาเจิดจรัส และเสื้อคลุมสีเขียวพลิ้ว แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน มีชายผ้าคลุมเขียวยืนอยู่ข้างกายทั้งสองคน พวกเขาคือศิษย์นอกสำนัก!

หยางเย่ไม่เคยเจอชายผู้นี้มาก่อนในอดีต แต่กลับรู้จักชายผู้นี้ เขาคือหลิวชิงอวี่

มีศิษย์นอกหลายคนในลานฝึกวันนี้ เมื่อเห็นชายทั้งห้าเข้าขัดขวางหยางเย่ พวกเขามองอย่างสงสัยไปยังหยางเย่และชายทั้งห้า

“ข้าคือหลิวชิงอวี่” เขามองไปยังหยางเย่ที่ส่งสายตาไม่เป็นมิตร หลิวชิงอวี่ยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก “หยางเย่ ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะเป็นผู้ใช้พลังปราณล้ำลึก และยังเอาชนะระดับที่สูงกว่าอย่างต้วนจวินได้ ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก!”

พอได้ยินหลิวชิงอวี่กล่าว ศิษย์นอกบางคนเกิดอาการตื่นตระหนก และพวกเขามองไปยังหลิวชิงอวี่ด้วยสายตายกย่อง

“นั่นคือหลิวชิงอวี่ผู้ที่อยู่อันดับยี่สิบเก้า เขามาทำอะไรที่นี่แทนที่จะฝึกฝนอยู่ในเจ็ดยอดเขากลั่นพลัง?”

“ยอดฝีมือในอันดับนอกสำนักงั้นหรือ? นั่นคงไม่ได้หมายถึงเขาเข้าสู่ขั้นปราณสวรรค์ระดับแรกแล้วใช่หรือไม่? ให้ตายสิ! พลังปราณสวรรค์ระดับต้น! อายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปี! อันดับศิษย์นอกสำนักผิดปกติไปแล้วเป็นแน่!”

“ข้าทราบมาว่า ผู้อาวุโสในเริ่มจับจ้องมาที่เขาแล้ว เมื่อเขาเข้าสู่สำนักใน อนาคตคงไม่มีที่สิ้นสุดเป็นแน่!”

ได้เห็นสายตายกย่องของบรรดาศิษย์นอกสำนักมองมา หลิวชิงอวี่จึงรู้สึกยินดีไม่น้อย สีหน้ายามนี้เผยออกซึ่งความภาคภูมิใจ

ขณะที่มองไปยังหลิวชิงอวี่ที่ยืนอยู่ข้างหน้า หยางเย่สูดหายใจลึกและระงับจิตสังหารไว้ในใจก่อนจะเอ่ย “กล่าวจบหรือยัง?”

โดยไม่ต้องกล่าวคำใด เพียงใบหน้าเฉยเมยของหยางเย่ก็เรียกความเกลียดชังจากศัตรูได้แล้ว และหลิวชิงอวี่ก็ชิงชังอย่างแท้จริง ยามเมื่อได้ยินคำตอบกลับและท่าทีเฉยเมยนั้น หลิวชิงอวี่ดวงตาหรี่แคบลง เขาคล้ายครุ่นคิดอยู่ ทันใดนี้รอยยิ้มจึงเผย “หยางเย่ พวกเราเกี่ยวข้องกัน บิดาข้าสนใจมารดาเจ้า ขณะที่น้องชายข้าสนใจตัวน้องสาวเจ้า นี่กล่าวได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่แล้วเจ้ากลับไม่ทราบว่าอะไรดีอะไรชั่ว…”

หยางเย่หัวเราะเย้ยหยัน ขัดคำกล่าวของอีกฝ่าย “หลิวชิงอวี่ ข้าสนใจมารดาเจ้าอยู่พอดี และยังสนใจสตรีในตระกูลหลิวของเจ้าทุกผู้คน เช่นนั้นไปถามต่อมารดาเจ้าและสตรีเหล่านั้นว่าจะตบแต่งกับข้าหรือไม่ ถึงตอนนั้นพวกเราจะได้เหนียวแน่นกันยิ่งขึ้น”

เมื่อได้ยินหยางเย่กล่าว เปลือกตาบรรดาศิษย์นอกพลันกระตุก เพราะหลิวชิงอวี่เป็นยอดฝีมืออันยี่สิบเก้าของอันดับสำนักนอก! ถึงแม้ศิษย์จะโจมตีกันได้เพียงแค่ลานประลองเป็นตาย หยางเย่ดูเหมือนจะกล้าบ้าบิ่นเกินไปในความคิดพวกเขา

ใบหน้าหลิวชิงอวี่มืดมนลงพร้อมรังสีพลังโคจรปะทุออกมาจากร่าง เขาชี้นิ้วไปยังหยางเย่ ปราณดาบสีขาวพุ่งทะลุอากาศ มันเต็มไปด้วยเสียงตัดอากาศขณะพุ่งไปยังหยางเย่

เขาทราบดีว่าไม่อาจโจมตีสมาชิกในสำนักได้นอกจากในลานประลองเป็นตาย แต่กฎนั่นอ่อนแอเกินไป เขาเชื่อว่าแม้จะสังหารหยางเย่ไป สำนักคงไม่เอาเรื่องเป็นแน่ เพราะเขาเข้าสู่ขั้นปราณสวรรค์ระดับแรกแล้ว แต่หยางเย่ยังเป็นเพียงศิษย์ใช้แรงงาน

ปราณพลังดาบอันรวดเร็ว พุ่งเป็นสีโปร่งใสผ่านลานประลองออกไป สิ่งนี้ทำให้ศิษย์รอบข้างมองกันแทบไม่ทัน

ขณะที่หลิวชิงอวี่ขยับ หยางเย่รู้สึกถูกพลังปราณตามติดอยู่ที่ตัวเขา เวลานี้หยางเย่ทราบว่าไม่สามารถหลบหลีกได้ ที่ทำได้ก็เพียงระเบิดพลังปราณดาบของหลิวชิงอวี่ แต่พลังปราณดาบนั้นรวดเร็วเกินไป มันไม่ใช่สิ่งที่จะหลบหลีกหรือตอบโต้ได้ตอนนี้

“มันคือความแข็งแกร่งของยอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์งั้นหรือ?” เมื่อรับรู้ถึงความตายอันใกล้ หยางเย่บ่นพึมพำในใจ